แนะนำ 10 โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ PC คลิปสั้นหรือยาวก็เอาอยู่

Featured Image

Content Marketing เป็นสิ่งที่จะทำให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์และช่วยให้ธุรกิจเติบโตมากยิ่งขึ้นบนโลกออนไลน์ ซึ่งในตอนนี้คอนเทนต์ประเภทวิดีโอ (Video Content) นั้นมาแรงอย่างมาก จากแพลตฟอร์มที่เน้นรูปภาพอย่าง Instagram ก็หันมามีฟีเจอร์คอนเทนต์วิดีโอไปด้วยแล้ว สำหรับนักการตลาดคนใดที่กำลังมองหาโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ PC ดี ๆ สักตัว แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกโปรแกรมตัดต่อวิดีโอในคอมตัวไหนดี เพราะส่วนมากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สมัครแพ็กเกจพรีเมียมทั้งทีก็ต้องคุ้มค่าและมีฟีเจอร์ครบครันหน่อย วันนี้ ANGA Mastery ก็ได้เอา 10 โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ PC มาฝากกัน ไม่ว่าคุณจะอยากทำคลิปสั้นไว้ลง TikTok ทำคลิปยาวไว้ลง YouTube หรือจะทำคลิปโปรโมตสินค้าเพื่อเอาไปยิงโฆษณาก็ตาม บอกเลยว่า 10 เครื่องมือตัดต่อวิดีโอในบทความนี้เอาอยู่หมด!

 

1. CapCut

CapCut แอปตัดต่อวิดีโอ PC ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหมู่ครีเอเตอร์ทุกระดับ ด้วยการผสมผสานความง่ายและประสิทธิภาพเข้าด้วยกัน โปรแกรมนี้มาพร้อมชุดเครื่องมือครบถ้วนสำหรับการตัดต่อพื้นฐาน ไปจนถึงเอฟเฟกต์พิเศษที่สร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นฟิลเตอร์ปรับแต่งโทนสี ตัวควบคุมความเร็ววิดีโอ หรือแม้แต่ระบบอัตโนมัติที่ช่วยให้คุณสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้รวดเร็วกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังสามารถซิงค์ข้อมูลระหว่างสมาร์ตโฟนและคอมพิวเตอร์แบบง่าย ๆ  ช่วยให้คุณทำงานได้ต่อเนื่องไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน

  • ใช้งานได้ฟรี 100% โดยไม่มีลายน้ำหรือข้อจำกัด
  • คลังเทมเพลตและเอฟเฟกต์ใหญ่มาก ทำให้สร้างวิดีโอได้รวดเร็ว
  • ทำงานต่อเนื่องได้ทั้งบนมือถือและคอมพิวเตอร์
  • เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและวิดีโอคอนเทนต์สั้น ๆ 

2. Adobe Premiere Pro

Adobe Premiere Pro ครองตำแหน่งโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ PC ระดับมืออาชีพที่ได้รับการยอมรับในวงการมานาน โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ที่ครบครัน โปรแกรมนี้รองรับทุกขั้นตอนการผลิตวิดีโอคุณภาพสูง ตั้งแต่การนำเข้าไฟล์ดิบ การจัดเรียงซีน การใส่เอฟเฟกต์ ไปจนถึงการปรับแต่งสีและเสียงอย่างละเอียด จุดแข็งสำคัญคือการทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่นในตระกูล Adobe ได้อย่างไร้รอยต่อ ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับไปใช้ After Effects สำหรับเอฟเฟกต์พิเศษ หรือ Audition สำหรับการมิกซ์เสียงขั้นสูงได้โดยไม่ต้องส่งออกไฟล์ใหม่

  • ระบบการทำงานยืดหยุ่นและปรับแต่งได้ตามความต้องการ
  • เครื่องมือตัดต่อครอบคลุมทุกขั้นตอนการผลิต
  • มีการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ
  • มีชุมชนผู้ใช้ขนาดใหญ่ ทำให้หาวิธีแก้ปัญหาและแหล่งเรียนรู้ได้มากมาย
  • ราคา ประมาณ 700 บาท/เดือน หรือ 7,500 บาท/ปี

3. DaVinci Resolve

DaVinci Resolve เป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอในคอมที่ให้ฟีเจอร์ครบทั้งตัดต่อ ปรับสี และทำเสียง ทุกอย่างอยู่ในโปรแกรมเดียว โดยเด่นที่สุดเรื่องการปรับแต่งสีที่ละเอียดกว่าโปรแกรมอื่น ๆ ข้อดีคือมีเวอร์ชันฟรีที่ใช้งานได้ค่อนข้างครบ แต่ส่งออกเป็นบางไฟล์ไม่ได้ ส่วนเวอร์ชันเสียเงินจะเพิ่มฟีเจอร์พิเศษเช่น AI ช่วยลบของออกจากวิดีโอ หรือระบบกันสั่นที่ดีขึ้น

  • เวอร์ชันฟรีใช้งานได้จริง ไม่จำกัดความยาววิดีโอ
  • จัดการเรื่องสีได้ดีเยี่ยม ปรับโทนสีให้สวยได้ง่าย
  • แบ่งหน้าจอทำงานเป็นส่วนๆ ทำให้จัดการงานได้เป็นระบบ
  • ทำงานแบบทีมได้ แชร์โปรเจกต์ให้คนอื่นช่วยแก้ได้
  • ฟรี (ใช้ได้เกือบทุกอย่าง) / 9,500 บาท (ซื้อขาด ใช้ได้ตลอด)

4. Filmora

Filmora เป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอในคอมที่เน้นใช้ง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากได้ผลงานดูดี แต่ไม่อยากเสียเวลาเรียนรู้โปรแกรมซับซ้อน ตัวโปรแกรม Filmora มีเอฟเฟกต์สำเร็จรูป ทรานซิชั่น สติกเกอร์ และธีมให้ใช้เยอะ แค่ลากวางก็ได้วิดีโอที่ดูดีแล้ว

  • มีเอฟเฟกต์สำเร็จรูปเยอะ ช่วยให้วิดีโอดูดีเร็ว
  • ส่งออกไปลงโซเชียลได้ง่าย มีขนาดไฟล์ให้เลือกเหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์ม
  • มีระบบช่วยปรับสีและเสียงอัตโนมัติ
  • เวอร์ชันทดลองจะมีลายน้ำใหญ่มาก
  • ราคา 2,200 บาท/ปี หรือ 3,200 บาท (ซื้อขาด)

5. Vegas Pro

Vegas Pro เป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ PC ที่อยู่ในวงการมานาน เดิมเป็นของ Sony ก่อนจะขายให้บริษัท MAGIX ตัวโปรแกรมทำงานได้เร็วและใช้ง่ายกว่า Adobe แต่ก็ยังมีเครื่องมือครบครัน เวอร์ชันใหม่ ๆ เพิ่มระบบ AI เข้ามาช่วยหลายอย่าง เช่น ลบฉากหลังได้ง่าย แก้ภาพสั่น และแยกเสียงพูดออกจากเสียงรบกวน ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้นด้วย

  • ทำงานได้เร็ว ตัดต่อคล่อง ไม่ค่อยกระตุก
  • หน้าตาโปรแกรมเข้าใจง่ายกว่า Adobe
  • ใช้งานได้แค่บน Windows เท่านั้น
  • ราคา 2,500 บาท (ซื้อขาด) หรือ 750 บาท/เดือน

6. Lightworks

Lightworks เป็นโปรแกรมที่ใช้ตัดต่อหนังที่ได้รางวัลมาหลายเรื่อง ตัวโปรแกรมออกแบบมาให้ตัดต่อได้เร็ว มีเวอร์ชันฟรีที่ตัดต่อได้เกือบเหมือนเวอร์ชันเต็ม แต่ส่งออกได้แค่ความละเอียด 720p ซึ่งก็พอใช้สำหรับงานทั่วไป สามารถตัดต่อคลิปยาว ๆ ได้เร็วและไม่สะดุด ใช้ได้ทั้ง Windows, Mac และ Linux

  • หลายคนช่วยกันตัดต่อในโปรเจกต์เดียวกันได้
  • รองรับไฟล์จากกล้องหลายรุ่น ไม่ต้องแปลงไฟล์ก่อน
  • วิธีใช้ต่างจากโปรแกรมอื่น ต้องใช้เวลาเรียนรู้
  • เวอร์ชันฟรีส่งออกได้แค่ 720p และเฉพาะบางรูปแบบไฟล์
  • ฟรี (มีข้อจำกัด) / 750 บาท/เดือน (แบบเต็ม)

7. Final Cut Pro

Final Cut Pro เป็นแอปตัดต่อวิดีโอเฉพาะของ Apple ที่ทำงานได้ดีมากบนเครื่อง Mac  โดยเฉพาะรุ่นชิป M1/M2 เพราะ Apple ทำทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เอง ทำให้โปรแกรมทำงานได้เร็วกว่าโปรแกรมอื่นบน Mac จุดเด่นคือระบบ Magnetic Timeline ที่ช่วยให้จัดการคลิปได้ง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องคลิปเลื่อนไปเลื่อนมา

  • จัดการคลิปได้ง่าย ลากวางสะดวก
  • เรนเดอร์ได้เร็ว ไม่ต้องรอนาน
  • จ่ายครั้งเดียวใช้ได้ตลอด รวมการอัปเดตใหญ่ ๆ ด้วย
  • บางฟีเจอร์ต้องซื้อปลั๊กอินเพิ่ม
  • ราคา 9,990 บาท (จ่ายครั้งเดียวจบ)

8. Hitfilm Express

Hitfilm Express เป็นโปรแกรมที่ทำได้ทั้งตัดต่อวิดีโอและใส่เอฟเฟกต์พิเศษแบบหนัง มีเวอร์ชันฟรีที่ทำได้เยอะมาก โดยเฉพาะงานที่ต้องการเอฟเฟกต์แบบหนัง เช่น ทำฉากกรีนสกรีน ใส่วัตถุ 3D หรือเอฟเฟกต์แบบหนังไซไฟ เช่น แสงเลเซอร์ ระเบิด

  • ทำได้ทั้งตัดต่อและเอฟเฟกต์ในโปรแกรมเดียว
  • เวอร์ชันฟรีทำได้เยอะมาก ไม่ต้องจ่ายเงินก็ใช้ได้จริง
  • มีคนสอนใช้งานเยอะ หาวิธีทำเอฟเฟกต์ได้ง่าย
  • ซื้อเอฟเฟกต์เพิ่มได้ทีละอย่าง ไม่ต้องซื้อทั้งชุด
  • ราคา ฟรี / แพ็กเกจเอฟเฟกต์เริ่มต้น 300 บาท

9. Movavi Video Editor

Movavi Video Editor เน้นความง่ายและรวดเร็ว เหมาะสำหรับคนที่อยากทำวิดีโอสวย ๆ แต่ไม่มีเวลาเรียนรู้โปรแกรมยาก ๆ เพราะใช้ง่ายมาก ใช้ได้เลยแทบไม่ต้องเรียนรู้ มีเทมเพลตสำเร็จรูปให้เลือกเยอะ แค่ลากรูปและคลิปลงไปก็ได้วิดีโอสวยทันที ยังมีระบบอัตโนมัติช่วยปรับแสงสี แก้ภาพสั่น และปรับเสียงให้ดูเป็นงานมืออาชีพ

  • เหมาะกับทำวิดีโอลงโซเชียลและงานส่วนตัว
  • ใช้ได้บนคอมธรรมดา ไม่ต้องสเปคแรง
  • เวอร์ชันทดลองมีลายน้ำขนาดใหญ่มาก
  • ต้องซื้อเวอร์ชัน Windows กับ Mac แยกกัน
  • ราคา 1,200 บาท/ปี หรือ 1,800 บาท (ซื้อขาด)

10. Shotcut

Shotcut เป็นโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ PC ฟรีที่มีคุณสมบัติดีเกินกว่าที่คิด นอกจากฟรีแล้วยังไม่มีลายน้ำด้วย ทำงานได้หลายอย่างเหมือนโปรแกรมเสียเงินเลย เช่น แก้ไขวิดีโอแบบหลายชั้น ปรับแต่งสีขั้นสูง และใส่เอฟเฟกต์ต่าง ๆ ได้ ข้อดีอีกอย่างคือใช้ได้กับทั้ง Windows, Mac และ Linux เลยทีเดียว

  • ฟรีเต็ม ๆ ไม่มีลายน้ำ ไม่จำกัดเวลาใช้งาน
  • เปิดไฟล์ได้หลายแบบ ไม่ต้องแปลงไฟล์ก่อน
  • ใช้คอมสเปคธรรมดาก็ทำงานได้
  • อาจเจอบั๊กบ้างเวลาทำงานไฟล์ใหญ่ๆ 
  • ไม่ค่อยมีการอัปเดต ฟีเจอร์ใหม่ ๆ มาช้า

สรุป

ปัจจุบันมีโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ PC ให้เลือกมากมายตามระดับทักษะและงบประมาณที่มี ตั้งแต่ฟรีอย่าง Shotcut หรือ CapCut ที่ใช้งานง่าย ไปจนถึงระดับมืออาชีพอย่าง Adobe Premiere Pro หรือ DaVinci Resolve ที่มีฟีเจอร์ครบครัน ก่อนเลือกซื้อหรือดาวน์โหลดโปรแกรมเหล่านี้มาใช้งาน ลองพิจารณาว่าคุณต้องการทำคลิปแบบไหน สเปคคอมเพียงพอหรือไม่ และมีเวลาเรียนรู้มากน้อยแค่ไหน เพราะโปรแกรมที่ดีที่สุดอาจไม่ใช่ตัวที่แพงที่สุด แต่เป็นโปรแกรมที่คุณใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกที่สุดนั่นเอง หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับคุณไม่มากก็น้อย

สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาคอร์สเรียน Marketing เพิ่มทักษะและพัฒนาสกิลด้านการตลาดอยู่ล่ะก็ ANGA Mastery มีคอร์สการตลาดให้คุณเลือกเรียนเพียบ สอนโดยผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านจากดิจิทัลเอเจนซี่รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำ SEO และรับทำโฆษณาโดยตรง อาทิ คอร์สสอน Facebook Ads, คอร์สเรียน Google Ads, คอร์สเรียน Google Analytics 4 หรือคอร์สเรียน SEO เป็นต้น

คอร์สเรียน Google Analytics 4 เรียนออนไลน์
คอร์สเรียน SEO Strategy for Executives (Onsite)
คอร์สเรียน Website Tracking (Onsite)
คอร์สเรียนยิงแอด Facebook (Onsite)
คอร์ส SEO Content Writing
คอร์สเรียน Google Ads

พัฒนาสกิลที่ถูกต้องสำหรับผู้นำ
ด้านการตลาดออนไลน์

ปรึกษาคอร์สเรียน
วิธี Track ผู้ใช้งานที่เข้าเว็บไซต์จาก Influencer ด้วย Google Analytics

กันยายน 16

วิธี Track ผู้ใช้งานที่เข้าเว็บไซต์จาก Influencer ด้วย Google Analytics

เรียนรู้วิธี Track ผู้ใช้งานที่เข้าเว็บไซต์จาก Influencer ด้วย Google Analytics ตั้งแต่การสร้าง UTM ไปจนถึงการตั้งค่า Channel Group ใหม่ เพื่อวัดผลแคมเปญได้อย่างแม่นยำ

Related News

วิธี Track ผู้ใช้งานที่เข้าเว็บไซต์จาก Influencer ด้วย Google Analytics

16 กันยายน

วิธี Track ผู้ใช้งานที่เข้าเว็บไซต์จาก Influencer ด้วย Google Analytics

เรียนรู้วิธี Track ผู้ใช้งานที่เข้าเว็บไซต์จาก Influencer ด้วย Google Analytics ตั้งแต่การสร้าง UTM ไปจนถึงการตั้งค่า Channel Group ใหม่ เพื่อวัดผลแคมเปญได้อย่างแม่นยำ

อ่านเพิ่มเติม
วิธี Track ผู้ใช้งานที่เข้าเว็บไซต์จาก Influencer ด้วย Google Analytics

16 กันยายน

วิธี Track ผู้ใช้งานที่เข้าเว็บไซต์จาก Influencer ด้วย Google Analytics

เรียนรู้วิธี Track ผู้ใช้งานที่เข้าเว็บไซต์จาก Influencer ด้วย Google Analytics ตั้งแต่การสร้าง UTM ไปจนถึงการตั้งค่า Channel Group ใหม่ เพื่อวัดผลแคมเปญได้อย่างแม่นยำ

อ่านเพิ่มเติม
Facebook Ads — Budget Testing Scenario เทคนิคการยิงโฆษณาให้คุ้มค่าที่สุด

9 กันยายน

Facebook Ads — Budget Testing Scenario เทคนิคการยิงโฆษณาให้คุ้มค่าที่สุด

ANGA MASTERY นำเสนอเทคนิคการทำ Facebook Ads ที่เอเจนซี่เราใช้งานจริง นั่นก็คือการทำ Budget Testing Scenario เพื่อยิงโฆษณาให้คุ้มค่าที่สุด

อ่านเพิ่มเติม