Cloud-Data Integration ตัวช่วยผสานธุรกิจให้เป็นหนึ่งเดียว

ANGA Mastery

28 JUNE 24

497

“ข้อมูล” เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ถูกนำมาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้า เพราะข้อมูลจะช่วยให้คุณรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจคุณคือใคร ลูกค้าของคุณมีพฤติกรรมแบบไหน ชอบอะไร มีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อสินค้าอีกหรือไม่ รวมทั้งคุณยังสามารถเอาข้อมูลต่าง ๆ ไปวิเคราะห์และวางกลยุทธ์ด้านการตลาดออนไลน์และด้านอื่น ๆ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตให้แก่ธุรกิจได้อีกด้วย

แต่ข้อมูลที่ได้มานั้นมาจากหลายแหล่งที่มาเหลือเกิน ทั้งข้อมูลจากการกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ การกรอกข้อมูลหน้าร้าน หรือระบบต่าง ๆ อีกสารพัด เมื่อข้อมูลถูกเก็บแบบกระจัดกระจาย ทำให้ความคลาดเคลื่อนและความครบถ้วนของข้อมูลขาดหายไป หนำซ้ำยังเสียเวลาในดึงข้อมูลมาใช้งานอีกด้วย

เพื่อให้คุณทำงานได้อย่างสะดวก ลื่นไหล และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ANGA Mastery ขอแนะนำให้คุณมาทำความรู้จักกับ “Cloud-Data Integration” ระบบรวบรวมข้อมูลที่ไร้รอยต่อ และเป็นตัวช่วยผสานธุรกิจคุณให้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างมีศักยภาพ!

Cloud-Data Integration คืออะไร

Cloud-Data Integration คือกระบวนการรวบรวมข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่งเข้าด้วยกัน ผ่านระบบ Cloud Computing (พื้นที่เก็บข้อมูลที่อยู่บนระบบอินเทอร์เน็ต) เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลชุดเดียวกันได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว รวมทั้งสามารถจัดการหรือนำข้อมูลไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยที่องค์กรไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการลงทุนสร้างระบบเก็บข้อมูลนี้ขึ้นมาด้วยตนเอง

ประโยชน์ของ Cloud-Data Integration

ประโยชน์ของ Cloud-Data Integration.webp

เข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และหยิบไปใช้งานได้ทันที โดยที่ไม่ต้องหาข้อมูลจากพื้นที่เก็บข้อมูลหลาย ๆ แหล่ง ไม่ว่าจะเป็นพนักงานที่อยู่ต่างฝ่ายกัน ผู้บริหาร หรือแม้แต่บุคคลนอกองค์กรก็ตาม

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

คุณสามารถทำงานพร้อมกันกับผู้อื่นผ่าน Cloud-Data Integration ได้แบบเรียลไทม์ สามารถแก้ไขงานได้ทันที ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น และช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม

ไม่ต้องลงทุนสร้างระบบเอง

Cloud-Data Integration ช่วยลดต้นทุนในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บข้อมูล เช่น การลงทุนในฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์, การจ้างผู้ดูแลระบบ, การจัดการความปลอดภัยของระบบ หรือการเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูล เป็นต้น

มีความยืดหยุ่นสูง

การเก็บข้อมูลบนพื้นที่อื่น ๆ อย่าง Harddisk มีปัญหาเรื่องพื้นที่จำกัด ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเก็บข้อมูลได้เท่าที่อุปกรณ์รองรับเท่านั้น ไม่สามารถขยายพื้นที่ได้อีก หากต้องการเก็บข้อมูลเพิ่มก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายซื้ออุปกรณ์ใหม่ และเวลาใช้งานก็แสนจะยุ่งยาก เพราะคุณต้องดึงข้อมูลจากหลาย ๆ อุปกรณ์มาใช้งาน แต่ Cloud-Data Integration ไม่เป็นเช่นนั้น

เพราะ Cloud-Data Integration มีความยืดหยุ่นสูง สามารถขยายปริมาณการจัดเก็บข้อมูลภายใต้พื้นที่เดียวกันได้แบบไม่รู้จบ และยังรองรับการใช้งานผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลายอย่างคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถืออีกด้วย

สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย

สามารถมั่นใจว่าข้อมูลทุกอย่างของคุณจะถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัยและไม่สูญหายอย่างแน่นอน เพราะ Cloud-Data Integration มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน อย่างการเข้ารหัสข้อมูล การตรวจสอบความเคลื่อนไหว การควบคุมการเข้าถึงข้อมูลที่คุณสามารถตั้งค่าให้ผู้ใช้แต่ละคนได้ และมีระบบสำรองข้อมูล ช่วยลดความเสี่ยงที่ข้อมูลจะสูญหายได้ จากกรณีที่คุณเผลอลบข้อมูลโดยไม่ได้ตั้งใจ

Cloud-Data Integration มีกี่ประเภท

[MASTERY]Artwork-No.7_INFO.webp

Cloud-Data Integration สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก คือ Batch Data Integration, Real-time Data Integration และ Hybrid Data Integration โดยแต่ละประเภทจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของวิธีการที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. Batch Data Integration

Batch Data Integration คือการรวบรวมข้อมูลเป็นชุดผ่านกระบวนการ ETL หรือ Extract (การดึงข้อมูลจากแหล่งที่มา), Transform (การแปลงข้อมูลให้เป็นรูปแบบที่ต้องการ) และ Load (โหลดข้อมูลไปยังระบบเก็บข้อมูลปลายทาง) เหมาะกับการรวบรวมข้อมูลจำนวนมาก เช่น การรวมข้อมูลลูกค้าจากระบบ CRM 2 ระบบ, การรวบรวมข้อมูลด้านการเงินประจำปี หรือการรวมข้อมูลการขายจากระบบ POS จากหลาย ๆ สาขา เป็นต้น

2. Real-time Data Integration

Real-time Data Integration เป็นการรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการข้อมูลล่าสุด อัปเดตแบบวิต่อวิ อย่างแอปพลิเคชันสั่งอาหาร ธุรกิจการขนส่ง หรือการซื้อขายหุ้น โดย Real-time Data Integration จะใช้ Streaming Data Integration ในการดึงข้อมูลมาจากแหล่งต่าง ๆ อาทิ Social Media, ระบบ POS, ระบบ GPS ฯลฯ และโหลดไปยังระบบปลายทางแบบอัตโนมัติ

3. Hybrid Data Integration

Hybrid Data Integration จะผสานการทำงานแบบ Batch และ Real-Time เข้าด้วยกัน อย่างการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าผ่านการเก็บข้อมูลแบบ Batch และเก็บข้อมูลการซื้อขายแบบ Real-Time เป็นต้น เหมาะกับองค์กรที่มีข้อมูลเยอะ ต้องการข้อมูลแบบเรียลไทม์ และต้องการวิเคราะห์ข้อมูลโดยรวม เช่น ธนาคาร โรงงานอุตสาหกรรม บริษัทค้าปลีก ฯลฯ

แนะนำเครื่องมือ Cloud-Data Integration

Google Cloud Data Fusion : ใช้งานง่าย รองรับการรวบรวมข้อมูลแบบ Batch และ Real-time Data Integration แต่ราคาค่อนข้างสูงหากเทียบกับเครื่องมืออื่น ๆ

Oracle Integration Cloud : เชื่อมต่อได้หลายแพลตฟอร์ม ช่วยให้การจัดการ APIs มีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับการรวมข้อมูลแบบ Batch, Real-Time และ Hybrid Data Integration

MuleSoft Anypoint Platform : มีประสิทธิภาพ ใช้งานง่าย รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลที่หลากหลาย สามารถเชื่อมต่อระบบ On-Premise และ Cloud เข้าด้วยกันได้ และรวมข้อมูลได้ทั้งแบบ Batch และ Real-time Data Integration

สรุปบทความเรื่อง Cloud-Data Integration

หากองค์กรของคุณสามารถผสานรวมข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็เหมือนกับว่าคุณได้นำหน้าคู่แข่งไปอีกก้าวแล้ว เพราะคุณจะได้รับข้อมูลที่มีความถูกต้องแม่นยำสูง ทุกคนในองค์กรรับทราบข้อมูลแบบเดียวกัน และมีการเข้าถึงที่รวดเร็ว จะช่วยให้คุณสามารถดำเนินงานได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนนั่นเอง ซึ่ง Cloud-Data Integration มีความคุ้มค่าอย่างมาก ทั้งในแง่ของค่าใช้จ่ายและผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้งาน



Related News

พิชิตปัญหาทุกสถานการณ์ 5 เทคนิค Problem Solving แบบมืออาชีพ

แก้ได้ทุกปัญหา พิชิตเป้าหมายได้ทุกสถานการณ์ และพบกับทางออกของปัญหาที่ดีที่สุด ด้วย 5 เทคนิคการแก้ปัญหา Problem Solving แบบมืออาชีพในบทความนี้

ถอดรหัสใจลูกค้าด้วย Jobs-To-Be-Done (JTBD) Framework

เจาะใจลูกค้าและค้นพบความต้องการที่แท้จริงด้วยแนวคิด Jobs-To-Be-Done (JTBD Framework) และนำไปพัฒนาสินค้าหรือบริการให้ตรงใจพวกเขามากที่สุด

6 กลยุทธ์หัวหน้างาน ช่วยปูทางให้คุณมุ่งสู่ความสำเร็จ

พิชิตความสำเร็จในเส้นทางของการเป็นหัวหน้าที่ยอดเยี่ยม ด้วย 6 กลยุทธ์หัวหน้างานยุคใหม่ เสริมสร้างศักยภาพ พร้อมพาทีมมุ่งสู่เป้าหมายและความสำเร็จ

พิชิตปัญหาทุกสถานการณ์ 5 เทคนิค Problem Solving แบบมืออาชีพ

แก้ได้ทุกปัญหา พิชิตเป้าหมายได้ทุกสถานการณ์ และพบกับทางออกของปัญหาที่ดีที่สุด ด้วย 5 เทคนิคการแก้ปัญหา Problem Solving แบบมืออาชีพในบทความนี้

ถอดรหัสใจลูกค้าด้วย Jobs-To-Be-Done (JTBD) Framework

เจาะใจลูกค้าและค้นพบความต้องการที่แท้จริงด้วยแนวคิด Jobs-To-Be-Done (JTBD Framework) และนำไปพัฒนาสินค้าหรือบริการให้ตรงใจพวกเขามากที่สุด

6 กลยุทธ์หัวหน้างาน ช่วยปูทางให้คุณมุ่งสู่ความสำเร็จ

พิชิตความสำเร็จในเส้นทางของการเป็นหัวหน้าที่ยอดเยี่ยม ด้วย 6 กลยุทธ์หัวหน้างานยุคใหม่ เสริมสร้างศักยภาพ พร้อมพาทีมมุ่งสู่เป้าหมายและความสำเร็จ

logo

ติดต่อเรา

บริษัท แองก้า แบงค็อก จำกัด ให้บริการด้านการตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) ครบวงจร ดูแลโดย

ทีมการตลาดรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์กับแบรนด์ระดับโลก และ ระดับประเทศจำนวนมาก