Cloud-Data Integration ตัวช่วยผสานธุรกิจให้เป็นหนึ่งเดียว

ANGA Mastery

28 JUNE 24

609

[MASTERY]Artwork-No.7_COVER.webp

“ข้อมูล” เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ถูกนำมาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้า เพราะข้อมูลจะช่วยให้คุณรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจคุณคือใคร ลูกค้าของคุณมีพฤติกรรมแบบไหน ชอบอะไร มีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อสินค้าอีกหรือไม่ รวมทั้งคุณยังสามารถเอาข้อมูลต่าง ๆ ไปวิเคราะห์และวางกลยุทธ์ด้านการตลาดออนไลน์และด้านอื่น ๆ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตให้แก่ธุรกิจได้อีกด้วย

แต่ข้อมูลที่ได้มานั้นมาจากหลายแหล่งที่มาเหลือเกิน ทั้งข้อมูลจากการกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ การกรอกข้อมูลหน้าร้าน หรือระบบต่าง ๆ อีกสารพัด เมื่อข้อมูลถูกเก็บแบบกระจัดกระจาย ทำให้ความคลาดเคลื่อนและความครบถ้วนของข้อมูลขาดหายไป หนำซ้ำยังเสียเวลาในดึงข้อมูลมาใช้งานอีกด้วย

เพื่อให้คุณทำงานได้อย่างสะดวก ลื่นไหล และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ANGA Mastery ขอแนะนำให้คุณมาทำความรู้จักกับ “Cloud-Data Integration” ระบบรวบรวมข้อมูลที่ไร้รอยต่อ และเป็นตัวช่วยผสานธุรกิจคุณให้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างมีศักยภาพ!

Cloud-Data Integration คืออะไร

Cloud-Data Integration คือกระบวนการรวบรวมข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่งเข้าด้วยกัน ผ่านระบบ Cloud Computing (พื้นที่เก็บข้อมูลที่อยู่บนระบบอินเทอร์เน็ต) เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลชุดเดียวกันได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว รวมทั้งสามารถจัดการหรือนำข้อมูลไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยที่องค์กรไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการลงทุนสร้างระบบเก็บข้อมูลนี้ขึ้นมาด้วยตนเอง

ประโยชน์ของ Cloud-Data Integration

 

ประโยชน์ของ Cloud-Data Integration.webp

เข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และหยิบไปใช้งานได้ทันที โดยที่ไม่ต้องหาข้อมูลจากพื้นที่เก็บข้อมูลหลาย ๆ แหล่ง ไม่ว่าจะเป็นพนักงานที่อยู่ต่างฝ่ายกัน ผู้บริหาร หรือแม้แต่บุคคลนอกองค์กรก็ตาม

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

คุณสามารถทำงานพร้อมกันกับผู้อื่นผ่าน Cloud-Data Integration ได้แบบเรียลไทม์ สามารถแก้ไขงานได้ทันที ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น และช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม

ไม่ต้องลงทุนสร้างระบบเอง

Cloud-Data Integration ช่วยลดต้นทุนในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บข้อมูล เช่น การลงทุนในฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์, การจ้างผู้ดูแลระบบ, การจัดการความปลอดภัยของระบบ หรือการเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูล เป็นต้น

มีความยืดหยุ่นสูง

การเก็บข้อมูลบนพื้นที่อื่น ๆ อย่าง Harddisk มีปัญหาเรื่องพื้นที่จำกัด ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเก็บข้อมูลได้เท่าที่อุปกรณ์รองรับเท่านั้น ไม่สามารถขยายพื้นที่ได้อีก หากต้องการเก็บข้อมูลเพิ่มก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายซื้ออุปกรณ์ใหม่ และเวลาใช้งานก็แสนจะยุ่งยาก เพราะคุณต้องดึงข้อมูลจากหลาย ๆ อุปกรณ์มาใช้งาน แต่ Cloud-Data Integration ไม่เป็นเช่นนั้น

เพราะ Cloud-Data Integration มีความยืดหยุ่นสูง สามารถขยายปริมาณการจัดเก็บข้อมูลภายใต้พื้นที่เดียวกันได้แบบไม่รู้จบ และยังรองรับการใช้งานผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลายอย่างคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถืออีกด้วย

สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย

สามารถมั่นใจว่าข้อมูลทุกอย่างของคุณจะถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัยและไม่สูญหายอย่างแน่นอน เพราะ Cloud-Data Integration มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน อย่างการเข้ารหัสข้อมูล การตรวจสอบความเคลื่อนไหว การควบคุมการเข้าถึงข้อมูลที่คุณสามารถตั้งค่าให้ผู้ใช้แต่ละคนได้ และมีระบบสำรองข้อมูล ช่วยลดความเสี่ยงที่ข้อมูลจะสูญหายได้ จากกรณีที่คุณเผลอลบข้อมูลโดยไม่ได้ตั้งใจ

Cloud-Data Integration มีกี่ประเภท

 

[MASTERY]Artwork-No.7_INFO.webp

Cloud-Data Integration สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก คือ Batch Data Integration, Real-time Data Integration และ Hybrid Data Integration โดยแต่ละประเภทจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของวิธีการที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. Batch Data Integration

Batch Data Integration คือการรวบรวมข้อมูลเป็นชุดผ่านกระบวนการ ETL หรือ Extract (การดึงข้อมูลจากแหล่งที่มา), Transform (การแปลงข้อมูลให้เป็นรูปแบบที่ต้องการ) และ Load (โหลดข้อมูลไปยังระบบเก็บข้อมูลปลายทาง) เหมาะกับการรวบรวมข้อมูลจำนวนมาก เช่น การรวมข้อมูลลูกค้าจากระบบ CRM 2 ระบบ, การรวบรวมข้อมูลด้านการเงินประจำปี หรือการรวมข้อมูลการขายจากระบบ POS จากหลาย ๆ สาขา เป็นต้น

2. Real-time Data Integration

Real-time Data Integration เป็นการรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการข้อมูลล่าสุด อัปเดตแบบวิต่อวิ อย่างแอปพลิเคชันสั่งอาหาร ธุรกิจการขนส่ง หรือการซื้อขายหุ้น โดย Real-time Data Integration จะใช้ Streaming Data Integration ในการดึงข้อมูลมาจากแหล่งต่าง ๆ อาทิ Social Media, ระบบ POS, ระบบ GPS ฯลฯ และโหลดไปยังระบบปลายทางแบบอัตโนมัติ

3. Hybrid Data Integration

Hybrid Data Integration จะผสานการทำงานแบบ Batch และ Real-Time เข้าด้วยกัน อย่างการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าผ่านการเก็บข้อมูลแบบ Batch และเก็บข้อมูลการซื้อขายแบบ Real-Time เป็นต้น เหมาะกับองค์กรที่มีข้อมูลเยอะ ต้องการข้อมูลแบบเรียลไทม์ และต้องการวิเคราะห์ข้อมูลโดยรวม เช่น ธนาคาร โรงงานอุตสาหกรรม บริษัทค้าปลีก ฯลฯ

แนะนำเครื่องมือ Cloud-Data Integration

Google Cloud Data Fusion : ใช้งานง่าย รองรับการรวบรวมข้อมูลแบบ Batch และ Real-time Data Integration แต่ราคาค่อนข้างสูงหากเทียบกับเครื่องมืออื่น ๆ

Oracle Integration Cloud : เชื่อมต่อได้หลายแพลตฟอร์ม ช่วยให้การจัดการ APIs มีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับการรวมข้อมูลแบบ Batch, Real-Time และ Hybrid Data Integration

MuleSoft Anypoint Platform : มีประสิทธิภาพ ใช้งานง่าย รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลที่หลากหลาย สามารถเชื่อมต่อระบบ On-Premise และ Cloud เข้าด้วยกันได้ และรวมข้อมูลได้ทั้งแบบ Batch และ Real-time Data Integration

สรุปบทความเรื่อง Cloud-Data Integration

หากองค์กรของคุณสามารถผสานรวมข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็เหมือนกับว่าคุณได้นำหน้าคู่แข่งไปอีกก้าวแล้ว เพราะคุณจะได้รับข้อมูลที่มีความถูกต้องแม่นยำสูง ทุกคนในองค์กรรับทราบข้อมูลแบบเดียวกัน และมีการเข้าถึงที่รวดเร็ว จะช่วยให้คุณสามารถดำเนินงานได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนนั่นเอง ซึ่ง Cloud-Data Integration มีความคุ้มค่าอย่างมาก ทั้งในแง่ของค่าใช้จ่ายและผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้งาน

 

Related News

คู่มือการทำ Schema Markup บน WordPress ฉบับสมบูรณ์ โดยไม่ต้องเขียนโค้ด

Wordpress schema markup เป็นทักษะที่ SEO Specialist ควรเชี่ยวชาญ ในบทความนี้ เราจะสอนการลงมือทำแบบละเอียดโดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรมเมอร์

แชร์ 10 เทคนิคทำโฆษณาสินค้าโน้มน้าวใจ เร่งยอดขาย 2025

ธุรกิจจะอยู่รอดต่อไปในอนาคตได้หรือไม่ ยอดขายเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าคุณมียอดขายสูงพอ มันก็จะครอบคลุมในส่วนของเงินทุนที่เสียไปในตอนแรกและได้ทั้งกำไรที่จะต่อยอดธุรกิจต่อไป ซึ่งแบรนด์อย่างเรา ๆ ก็ต้องพยายามกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค ให้พวกเขารู้สึกว่าจำเป็นต้องมีสิ่งนี้ และตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการนั้นในท้ายที่สุด ผ่านการพูดโน้มน้าวใจโฆษณาสินค้าไปยังช่องทางต่าง ๆ อาทิ TikTok, Facebook หรือ Website ด้วยเหตุนี้การโฆษณาสินค้าโน้มน้าวใจ จึงไม่ได้มีหน้าที่เพียงกระตุ้นความต้องการแล้วจบไปเท่านั้น แต่เป็นการกระตุ้นให้เกิด Conversion ขึ้นจริง มาทำความเข้าใจเรื่องโฆษณาสินค้าโน้มน้าวใจ พร้อมดูตัวอย่างการโฆษณาสินค้าโน้มน้าวใจจากแบรนด์ต่าง ๆ กับ ANGA Mastery ได้ที่นี่เลย

Google My Business คือเครื่องมือสำคัญ ที่ทุกธุรกิจห้ามพลาด

เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ ไม่ว่าใครก็ต้องหันมาพึ่งพาการทำการตลาดออนไลน์กันทั้งนั้น เพราะเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจที่มีหน้าร้านหรือข้อมูลบนโลกออนไลน์ เป็นที่รู้จักและเติบโตได้เร็วกว่าธุรกิจที่ไม่มีข้อมูลบนโลกออนไลน์เลย ยิ่งธุรกิจใดมีการปักหมุดแผนที่ลงไปใน Google Maps และใส่ข้อมูลรายละเอียดของธุรกิจอย่างครบครันด้วยล่ะก็ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะได้ลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ในวันนี้ ANGA Mastery จะมาแนะนำให้คุณรู้จักว่า Google My Business คืออะไร บอกได้เลยว่าสิ่งนี้ช่วยธุรกิจของคุณได้มาก ทั้งธุรกิจที่มีหน้าร้านก็ดี หรือธุรกิจที่ไม่มีหน้าร้านก็ตาม อีกทั้งยังส่งผลดีต่อการทำ SEO พร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพของการทำ Local SEO ให้กับธุรกิจที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง

คู่มือการทำ Schema Markup บน WordPress ฉบับสมบูรณ์ โดยไม่ต้องเขียนโค้ด

Wordpress schema markup เป็นทักษะที่ SEO Specialist ควรเชี่ยวชาญ ในบทความนี้ เราจะสอนการลงมือทำแบบละเอียดโดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรมเมอร์

แชร์ 10 เทคนิคทำโฆษณาสินค้าโน้มน้าวใจ เร่งยอดขาย 2025

ธุรกิจจะอยู่รอดต่อไปในอนาคตได้หรือไม่ ยอดขายเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าคุณมียอดขายสูงพอ มันก็จะครอบคลุมในส่วนของเงินทุนที่เสียไปในตอนแรกและได้ทั้งกำไรที่จะต่อยอดธุรกิจต่อไป ซึ่งแบรนด์อย่างเรา ๆ ก็ต้องพยายามกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค ให้พวกเขารู้สึกว่าจำเป็นต้องมีสิ่งนี้ และตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการนั้นในท้ายที่สุด ผ่านการพูดโน้มน้าวใจโฆษณาสินค้าไปยังช่องทางต่าง ๆ อาทิ TikTok, Facebook หรือ Website ด้วยเหตุนี้การโฆษณาสินค้าโน้มน้าวใจ จึงไม่ได้มีหน้าที่เพียงกระตุ้นความต้องการแล้วจบไปเท่านั้น แต่เป็นการกระตุ้นให้เกิด Conversion ขึ้นจริง มาทำความเข้าใจเรื่องโฆษณาสินค้าโน้มน้าวใจ พร้อมดูตัวอย่างการโฆษณาสินค้าโน้มน้าวใจจากแบรนด์ต่าง ๆ กับ ANGA Mastery ได้ที่นี่เลย

Google My Business คือเครื่องมือสำคัญ ที่ทุกธุรกิจห้ามพลาด

เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ ไม่ว่าใครก็ต้องหันมาพึ่งพาการทำการตลาดออนไลน์กันทั้งนั้น เพราะเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจที่มีหน้าร้านหรือข้อมูลบนโลกออนไลน์ เป็นที่รู้จักและเติบโตได้เร็วกว่าธุรกิจที่ไม่มีข้อมูลบนโลกออนไลน์เลย ยิ่งธุรกิจใดมีการปักหมุดแผนที่ลงไปใน Google Maps และใส่ข้อมูลรายละเอียดของธุรกิจอย่างครบครันด้วยล่ะก็ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะได้ลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ในวันนี้ ANGA Mastery จะมาแนะนำให้คุณรู้จักว่า Google My Business คืออะไร บอกได้เลยว่าสิ่งนี้ช่วยธุรกิจของคุณได้มาก ทั้งธุรกิจที่มีหน้าร้านก็ดี หรือธุรกิจที่ไม่มีหน้าร้านก็ตาม อีกทั้งยังส่งผลดีต่อการทำ SEO พร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพของการทำ Local SEO ให้กับธุรกิจที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง

logo

ติดต่อเรา

ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ