Copywriting คืออะไร ต่างกับ Content Writing อย่างไร

By Rachavit Whangpatanathon I MD at ANGA Group

19 MAY 25

95

32.webp

รู้ไหมว่าคำโฆษณาดี ๆ สักประโยคอาจทำให้ยอดขายพุ่งกระฉูดได้ในชั่วข้ามคืน นี่คือพลังของ Copywriting ที่หลายธุรกิจมองข้าม ANGA Mastery จึงอยากจะพาคุณมาทำความรู้จักกับเทคนิคการเขียนแบบนี้ให้มากขึ้น Copywriting คือการเขียนข้อความที่กระตุ้นอารมณ์ จูงใจ และโน้มน้าวให้คนอ่านตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งต่างจาก Content Writing ที่เน้นการเล่าเรื่องและให้ข้อมูล หลาย ๆ คนสับสนว่าสองอย่างนี้เหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วใช้คนละวิธีและได้ผลลัพธ์ต่างกัน บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจทั้งหมด พร้อมแนะนำเทคนิคการเขียน Copywriting ที่จะช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือทำธุรกิจมานาน เชื่อว่าเทคนิคที่เราจะแนะนำต่อไปนี้จะช่วยยกระดับงานเขียนของคุณได้แน่นอน

Copywriting คืออะไร

Copywriting คืองานเขียนที่กระตุ้นให้ผู้คนกระทำอะไรบางอย่าง อาทิ กดแอดไลน์, ซื้อสินค้า, ทักแชต, ลงทะเบียน หรือติดต่อกลับไปหาแบรนด์ ลักษณะเด่นของ Copywriting คือข้อความสั้น ๆ แต่ทรงพลัง น่าจดจำ และสามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ที่แบรนด์ต้องการตามมาได้ โดยผู้ที่ทำหน้าที่เขียน Copywriting คือ Copywriter หรืออาจจะเป็น Content Writer ก็ได้เช่นกัน หากถามว่า Copywriter ทำอะไรบ้าง เขียนแค่คำโฆษณาอย่างเดียวเหรอ? คำตอบคือมีทั้ง “ใช่” และ “ไม่ใช่” เพราะขึ้นอยู่กับขอบเขตการทำงานของแต่ละองค์กรมากกว่า

งานเขียนแบบ Copywriting สามารถพบได้บ่อยบนแคมเปญโฆษณาออนไลน์อย่าง Facebook Ads, Google Ads  หรือป้ายโฆษณาและพื้นที่ที่ใช้ในการทำการโปรโมตธุรกิจ สินค้า และบริการให้เป็นที่รู้จัก ด้วยเหตุนี้บางคนจึงเรียก Copywriting ว่า “การเขียนคำโฆษณา” ได้

ตัวอย่าง Copywriting

  • คอร์สเรียน SEO ครบจบในที่เดียว ติดอันดับหน้าแรก Google ได้ด้วยตัวเอง
  • ครีมบำรุงผิวจากสารสกัดธรรมชาติ ปลอดภัย ไร้สารเคมี เห็นผลภายใน 14 วัน
  • สร้างแอปพลิเคชันตามความต้องการ ตอบโจทย์ธุรกิจ ราคาเป็นกันเอง
  • ยิงแอดเฟซบุ๊กเป็นใน 1 สัปดาห์ ด้วยคอร์สเรียน Facebook Ads จากผู้เชี่ยวชาญ
  • เรียนภาษาญี่ปุ่นกับอาจารย์เจ้าของภาษา พูดได้ภายใน 2 เดือน
  • ออกแบบเว็บไซต์สวยใส ใช้งานง่าย โหลดเร็ว เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจ
  • คอร์สเรียน GA4 เจาะ Insight เช็ก User บนเว็บไซต์อย่างละเอียด 
  • บัตรเครดิตไร้ค่าธรรมเนียมตลอดชีพ รับเครดิตคืน 5% ทุกการใช้จ่าย
  • ทำฟันขาวใน 1 ชั่วโมง ขาวขึ้น 4 ระดับ ปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีล่าสุด

Copywriting ต่างกับ Content Writing อย่างไร

Copywriting vs Content Writing แตกต่างกันอย่างไร?” คำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิต เมื่อพูดถึงงานเขียนในแวดวงการตลาดออนไลน์ ด้วยความที่มันเป็นงานเขียนเหมือนกัน แล้วสิ่งที่แตกต่างล่ะคืออะไร? อย่างที่เราเข้าใจว่า Copywriting คือการเขียนคำโฆษณา การเขียนที่เน้นการขายของและต้องการให้เกิด Conversion ขึ้น เน้นการใช้ประโยคสั้น ๆ แต่มีการสื่อสารอย่างชัดเจนว่าอยากให้ทำอะไร

ส่วน Content Writing คืองานเขียนที่จะเน้นไปที่การให้ความรู้หรือสร้างความบันเทิง เพื่อมอบประโยชน์และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อ่าน​ โดยมุ่งหวังให้ผู้อ่านติดตามอ่านต่อไปในระยะยาว ซึ่งลักษณะของ Content Writing จะเป็นการเขียนเนื้อหายาว เขียนอย่างถูกต้องตามหลักภาษา อย่างบทความประกอบ Facebook Post หรือบทความ SEO บนเว็บไซต์ เช่น “รวม 15 บริษัทรับทำ SEO อัปเดตปี 2025” หรือ “10 วิธีทำ SEO ด้วยตัวเองแบบ Step by Step” เป็นต้น

เขียน Copywriting ด้วยหลัก SEO ได้ไหม

Copywriting ด้วยหลัก SEO (Search Engine Optimization) สามารถทำได้และมีข้อดีมากกว่าที่คิด ซึ่ง SEO Copywriting จะมีการสอดแทรกคีย์เวิร์ด (Keyword) หรือคำค้นหาที่ผู้บริโภคใช้ในการค้นหาข้อมูลจริงบน Search Engine (เครื่องมือค้นหา) ลงไปด้วย นอกจากจะทำให้ได้ข้อความโฆษณาที่โดนใจผู้บริโภคแล้ว ยังช่วยเพิ่มโอกาสที่คนจะพบกับธุรกิจได้ง่ายและสูงขึ้นด้วย

Copywriting สำคัญอย่างไรต่อธุรกิจ

  • สร้างความแตกต่างให้แบรนด์ท่ามกลางคู่แข่งมากมาย
  • ดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ในเวลาสั้น ๆ 
  • เปลี่ยนความสนใจให้กลายเป็นการตัดสินใจซื้อ
  • สร้างความรู้สึกร่วมและความผูกพันกับลูกค้า
  • เพิ่มอัตราการคลิก (CTR) ในโฆษณาออนไลน์
  • ลดอัตราการออกจากเว็บไซต์ (Bounce Rate)
  • สร้างภาพจำและทำให้ลูกค้านึกถึงแบรนด์เมื่อต้องการสินค้า
  • ช่วยอธิบายสินค้าหรือบริการที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย

แจกเทคนิคการเขียน Copywriting สุดล้ำ ได้ผลลัพธ์ปัง 

ถ้าอยากเขียน Copywriting ให้ได้ผลดี คนอ่านปุ๊บอยากควักกระเป๋าเงินซื้อของปั๊บ คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Copywriting คืออะไรและรู้ว่าควรจะต้องเขียนอย่างไร เพื่อให้ Copywriting ที่เผยแพร่ออกไป มีความน่าสนใจและประสบความสำเร็จมากที่สุด ลองมาดูเทคนิคการเขียน Copywriting ที่เรากลั่นกรองมาจากประสบการณ์จริงกันว่าต้องทำอะไรบ้าง

1. รู้จักลูกค้าให้ทะลุปรุโปร่ง

ถ้าอยากเขียนให้โดนใจต้องรู้ใจคนอ่านก่อน ลองตั้งคำถามว่าลูกค้าคุณคือใคร อายุเท่าไหร่ ชอบอะไร มีปัญหาอะไร อยากได้อะไร พอรู้ลึกรู้จริงแล้ว งานเขียนของคุณจะตรงใจคนอ่านมากขึ้น เหมือนคุณกำลังคุยกับเพื่อนสนิทที่เข้าใจปัญหาของเขาจริง ๆ 

2. ใช้สูตร PAS ช่วยเรียงความคิด

เริ่มด้วยการพูดถึงปัญหา (Problem) ที่ลูกค้ากำลังเจอ ตามด้วยการกระตุ้นให้รู้สึกว่าปัญหานั้นน่าหนักใจแค่ไหน (Agitate) แล้วปิดท้ายด้วยวิธีแก้ (Solution) ที่คุณมี เช่น "ผิวแห้งลอกเป็นขุย (P) ทำให้ขาดความมั่นใจเวลาใส่เสื้อแขนสั้น (A) ครีมของเราช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิวภายใน 7 วัน (S)"

3. พูดถึงประโยชน์มากกว่าคุณสมบัติ

คนไม่ได้ซื้อสว่านเพราะอยากได้สว่าน แต่เพราะต้องการรูในผนัง อย่าบอกแค่ว่าสินค้าคุณทำอะไรได้บ้าง แต่ให้บอกว่ามันจะช่วยให้ชีวิตลูกค้าดีขึ้นยังไง เช่น แทนที่จะบอกว่า "ทีวีรุ่นนี้จอ 55 นิ้ว" ให้บอกว่า "สัมผัสประสบการณ์ดูหนังเหมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์ได้ทุกวันในห้องนั่งเล่นของคุณ"

4. เลือกใช้คำที่กระตุ้นให้ทำทันที

CTA (Call to Action) คือคำมีพลังในการโน้มน้าวใจคนอ่านมากกว่าคำอื่น เช่น "ฟรี" "ด่วน" "พิเศษ" "ลับ" "จำกัด" "ครั้งแรก" ลองใส่คำเหล่านี้เข้าไปในงานเขียน จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ารู้สึกว่าต้องรีบตัดสินใจไม่งั้นจะพลาดโอกาสดี ๆ ได้

สรุป

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ คุณคงเข้าใจแล้วว่า Copywriting คืออะไร และมีความแตกต่างกัน Content Writing อย่างไรบ้าง คำแนะนำในการเขียน Copywriting คืออยากให้ใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปด้วย ถ้าทำได้ก็ควรจะใส่ SEO Keyword เข้าไปเพิ่มเติม เพื่อให้คนมองเห็นโพสต์ของคุณเพิ่มมากขึ้น และใช้เทคนิคดี ๆ ที่เราแนะนำไปในบทความนี้ร่วมด้วยก็จะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีและ Conversion Rate ที่ต้องการเพิ่มมากขึ้น

Related News

เรียน Website Tracking ที่ไหนดี สอนละเอียด เข้าใจง่าย โดยไม่ต้องเขียนโค้ด

สอนวิธี Tracking พฤติกรรมผู้ใช้งานเว็บไซต์และวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Data-driven ด้วยโปรแกรม Google Tag Manager และ Google Analytics

Rankmath ปลั๊กอิน WordPress ที่ตอบโจทย์คนทำ SEO

แนะนำ Rankmath SEO เครื่องมือช่วยปรับแต่ง SEO บนเว็บไซต์ WordPress ทั้ง On-Page และ Off-Page ที่มีฟีเจอร์เพียบ! บอกเลยว่านักการตลาดไม่ควรพลาด

Yoast SEO เครื่องมือปรับแต่ง SEO บน WordPress

รู้จัก Yoast SEO คืออะไร เครื่องมือช่วยปรับแต่ง SEO ยอดนิยมบนเว็บไซต์ WordPress พร้อมเช็กลิสต์ใช้ตรวจสอบโครงสร้างเนื้อหา ไต่อันดับสูงบน Google

เรียน Website Tracking ที่ไหนดี สอนละเอียด เข้าใจง่าย โดยไม่ต้องเขียนโค้ด

สอนวิธี Tracking พฤติกรรมผู้ใช้งานเว็บไซต์และวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Data-driven ด้วยโปรแกรม Google Tag Manager และ Google Analytics

Rankmath ปลั๊กอิน WordPress ที่ตอบโจทย์คนทำ SEO

แนะนำ Rankmath SEO เครื่องมือช่วยปรับแต่ง SEO บนเว็บไซต์ WordPress ทั้ง On-Page และ Off-Page ที่มีฟีเจอร์เพียบ! บอกเลยว่านักการตลาดไม่ควรพลาด

Yoast SEO เครื่องมือปรับแต่ง SEO บน WordPress

รู้จัก Yoast SEO คืออะไร เครื่องมือช่วยปรับแต่ง SEO ยอดนิยมบนเว็บไซต์ WordPress พร้อมเช็กลิสต์ใช้ตรวจสอบโครงสร้างเนื้อหา ไต่อันดับสูงบน Google

logo

ติดต่อเรา

ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ