แจก 10 วิธีทำ SEO ด้วยตัวเอง ดันเว็บไซต์ติดอันดับ 1 Google จาก SEO Agency

By Rachavit Whangpatanathon I MD at ANGA Group

02 DECEMBER 24

133

no.9.webp

ในสายตาของหลาย ๆ คน การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization คงจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเอาการ เพราะมีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์โดยตรง แถมยังมีคำศัพท์และเทคนิค SEO แบบเฉพาะทางด้วย จึงทำให้บางคนหันไปจ้างบริษัทรับทำ SEO มาดูแลในส่วนนี้ให้ ซึ่งการจ้างเอเจนซี่มาทำเป็นเรื่องที่ไม่ผิด แถมยังเป็นผลดีกับบางธุรกิจด้วยซ้ำ แต่ ANGA Mastery อยากจะบอกว่าคุณสามารถเริ่มต้นลงมือทำ SEO ด้วยตัวเองได้นะ นอกจากจะได้เรียนรู้วิธีทำ SEO ด้วยตัวเอง เพิ่มทักษะให้กับตัวเองแล้ว ยังไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจ้างเอเจนซี่ในระยะยาวด้วย ดังนั้น บทความนี้จึงจะมาแจก 10 วิธีทำ SEO ด้วยตัวเองแบบ Step by Step เพื่อพาเว็บไซต์ของคุณขึ้นสู่อันดับ 1 บน Google SERPs พร้อมปูพื้นฐานเรื่อง SEO ที่คุณต้องเข้าใจก่อนลงมือทำ

SEO 101 เข้าใจพื้นฐานก่อนลงมือทำ

SEO คือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เป็นที่ถูกใจ Google และผู้ใช้งาน เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าผลการค้นหาแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา เพื่อเรียก Organic Traffic ให้เข้ามาสู่เว็บไซต์ และเพิ่มโอกาสในการเพิ่ม Conversion Rate ไปในตัว ซึ่งวิธีทำ SEO ด้วยตัวเองนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่ต้องเข้าใจหลักการทำงานพื้นฐานของ Google ก่อน เพื่อให้สามารถปรับแต่งเว็บไซต์ได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ

การทำงานของ Google แบ่งเป็น 3 ขั้นตอนหลัก เริ่มจาก Crawling คือการที่ Google ส่ง Bot มาสำรวจและอ่านข้อมูลในเว็บไซต์ ต่อด้วย Indexing คือการนำข้อมูลที่ได้ไปจัดเก็บในฐานข้อมูล และสุดท้ายคือ Ranking การจัดอันดับเว็บไซต์บนหน้าผลการค้นหาตามความเกี่ยวข้องและคุณภาพของเนื้อหา โดย Google จะพิจารณาจากปัจจัยกว่า 200 อย่างในการจัดอันดับ ซึ่งก็มีทั้งปัจจัยที่เรารู้ผ่านการอัปเดตอัลกอริทึมในปีนั้น ๆ แต่ก็มีปัจจัยที่เราไม่สามารถรับรู้ได้ และแม้แต่ Google เองก็ไม่อาจบอกได้เช่นกัน เพราะปัจจัยที่ทำมาพิจารณาจัดอันดับนั้นมีอยู่เยอะมาก ๆ 

SEO แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้

  • On-Page SEO คือการปรับแต่งเนื้อหาและองค์ประกอบภายในเว็บไซต์ เช่น Title, Meta Description, Heading, คุณภาพเนื้อหา ฯลฯ
  • Off-Page SEO คือการสร้างความน่าเชื่อถือจากภายนอกเว็บไซต์ เช่น Backlink จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ, Brand Mention หรือ Social Signal
  • Technical SEO คือการปรับแต่งด้านเทคนิค เพื่อให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ความเร็วเว็บไซต์, Mobile Friendly, HTTPS, Sitemap ฯลฯ

SEO มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร

การทำ SEO ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากสำหรับธุรกิจ เพราะไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณารายวันเหมือนการทำ Google Ads แต่สามารถสร้าง Organic Traffic ที่มีคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้าง Brand Awareness และความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ในระยะยาว ผู้ที่คลิกเข้ามาจากการทำ SEO มักมี Intent สูง มีโอกาสกลายเป็นลูกค้าได้มากกว่าช่องทางอื่น เพราะพวกเขาจะเจอสิ่งที่กำลังต้องการอยู่จริง ๆ 

  • เพิ่มยอดขายและรายได้แบบยั่งยืน โดยไม่ต้องพึ่งการยิงแอด
  • เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความตั้งใจซื้อสูง (High Intent)
  • ประหยัดงบประมาณด้านการตลาดในระยะยาว
  • วัดผลและปรับปรุงกลยุทธ์ได้อย่างเป็นระบบ
  • สร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ในสายตาผู้บริโภคและ Google
  • สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันเหนือคู่แข่ง

SEO ใช้เวลานานไหม?

ต้องยอมรับว่า SEO Marketing คือกลยุทธ์การตลาดระยะยาวที่ต้องใช้เวลาและความอดทน โดยทั่วไปจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนในช่วง 3-6 เดือนแรก ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การแข่งขันในตลาด ความแข็งแกร่งของคู่แข่ง และความสม่ำเสมอในการทำ SEO แต่เมื่อติดอันดับได้แล้ว ผลลัพธ์จะอยู่อย่างยั่งยืนและคุ้มค่ากว่าการทำการตลาดรูปแบบอื่น แต่อย่างใดก็ตามหากเรามีความเข้าใจ ASEO Framework ก็จะสามารถทำให้เว็บอฃของเราติดอันดับสูงบน Google ได้ง่ายและเร็ว

ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาในการทำ SEO

  • อายุของเว็บไซต์และความน่าเชื่อถือที่มีอยู่เดิม
  • คุณภาพและความถี่ในการอัปเดตคอนเทนต์
  • ระดับการแข่งขันของคีย์เวิร์ดในตลาด
  • ความสม่ำเสมอในการทำ SEO
  • งบประมาณและทรัพยากรที่ใช้

SEO เหมาะกับธุรกิจแบบไหน

SEO เหมาะสำหรับทุกธุรกิจที่ต้องการสร้างการเติบโตแบบยั่งยืนในโลกออนไลน์ แต่จะเหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่มีเป้าหมายระยะยาว มีงบประมาณจำกัด และต้องการสร้างความน่าเชื่อถือในตลาด เช่น ธุรกิจ SME สตาร์ตอัป ร้านค้าออนไลน์ หรือธุรกิจบริการต่าง ๆ ที่ลูกค้ามักค้นหาข้อมูลผ่าน Google ก่อนตัดสินใจซื้อ

10 วิธีทำ SEO ด้วยตัวเอง แบบ Step by Step

หลังจากที่เราเข้าใจพื้นฐานของ SEO ไปแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาเริ่มลงมือทำอย่างจริงจัง และนี่เป็น 10 วิธีทำ SEO ด้วยตัวเอง เริ่มต้นตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการปรับแต่งให้ถูกใจ User และโดนใจ Google สามารถเรียงลำดับทำตามนี้ได้เลย อย่างไรก็ตามการเริ่มต้นด้วยตัวคนเดียวอาจจะใช้เวลานานสักหน่อย เพราะขั้นตอนการทํา SEO มีหลายส่วนให้ดูแลและปรับปรุง แถมยังต้อง Maintenance เรื่อย ๆ ด้วย ดังนั้น การมีทีมสัก 2-3 คนก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร ลองค่อย ๆ ทำไปก็ได้เช่นเดียวกัน

1. เปิดเว็บไซต์และเลือกใช้ WordPress

เริ่มต้นด้วยการจดโดเมนที่จดจำง่าย เลือกโฮสติ้งที่มีประสิทธิภาพ และเลือกใช้ระบบ CMS ที่เหมาะกับการทำ SEO อย่าง WordPress อีกทั้งยังใช้งานง่าย มีปลั๊กอินช่วยปรับแต่ง SEO ให้เลือกเยอะ แถมยังเหมาะกับการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวด้วย

2. ค้นหาและจดลิสต์คีย์เวิร์ดที่เหมาะกับธุรกิจ

การค้นหาคีย์เวิร์ด (Keyword Reseach) เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะกำหนดทิศทางการทำ SEO ให้ได้ผลลัพธ์ดี เริ่มจากการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ พิจารณาปริมาณการค้นหาและระดับการแข่งขัน จากนั้นจัดกลุ่มคีย์เวิร์ดตามความเกี่ยวข้องและความยากง่าย

3. ออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ให้ SEO Friendly

การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์เป็นเหมือนการวางระบบให้เว็บเราเป็นระเบียบและค้นหาข้อมูลได้ง่าย เริ่มจากการแบ่งหมวดหมู่ให้ชัดเจน เช่น หน้าหลัก สินค้า บทความ พร้อมกับตั้งชื่อ URL ให้สั้น เข้าใจง่าย และชัดเจน เพื่อให้ทั้งผู้ใช้และ Google รู้ทันทีว่าหน้านี้เกี่ยวกับอะไร

4. สร้างบทความหรือเนื้อหาที่ตอบโจทย์ผู้อ่าน

คอนเทนต์คือหัวใจของ SEO ต้องเขียนให้มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อ่าน และครอบคลุมประเด็นสำคัญอย่างครบถ้วน โดยใส่คีย์เวิร์ดอย่างเป็นธรรมชาติ และเขียนเนื้อหาตามเกณฑ์ E-E-A-T Factor

5. ปรับปรุง On-Page ให้ง่ายต่อการติดอันดับ

การทำ On-Page SEO คือการปรับแต่งองค์ประกอบภายในหน้าเว็บให้เป็นมิตรกับ Google มากที่สุด เริ่มจากการใส่คีย์เวิร์ดใน Title Tag, Meta Description, H1-H6 และ Alt Text รวมถึงการจัดวางเนื้อหาให้อ่านง่าย ๆ ด้วย

6. ปรับแต่ง UX/UI เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้งาน

ประสบการณ์ผู้ใช้งานมีผลต่ออันดับ SEO มาก จึงต้องออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย นำทางสะดวก และโหลดเร็ว ทั้งการจัดวางเมนู ปุ่มกด และองค์ประกอบต่างๆ  ต้องคำนึงถึงความสะดวกของผู้ใช้เป็นหลัก

7. ปรับเว็บไซต์ให้เป็น Mobile-Friendly

ปัจจุบันผู้ใช้ส่วนใหญ่เข้าเว็บผ่านมือถือ Google จึงให้ความสำคัญกับการแสดงผลบนมือถือมาก ต้องปรับแต่งเว็บไซต์ให้แสดงผลสวยงามบนทุกขนาดหน้าจอ และโหลดเร็วแม้ใช้อินเทอร์เน็ตมือถือ

8. สร้าง Backlink ทำ Off-Page SEO

การสร้าง Backlink คือการได้รับการอ้างอิงจากเว็บไซต์อื่น ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตา Google เน้นสร้าง Backlink จากเว็บที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับธุรกิจ หลีกเลี่ยงการซื้อลิงก์หรือใช้วิธีผิดกติกา (เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ, เว็บต้นทางเป็นเว็บต่างประเทศ, การทำ PBN หรือการทำ Spam Backlink)

9. เช็กอันดับ SEO บน Google SERPs

ติดตามผลการทำ SEO อย่างสม่ำเสมอผ่านเครื่องมือต่าง ๆ เช่น ทำความเข้าใจว่า Google Search Console คืออะไร และ Google Analytics คืออะไร เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของอันดับ ปริมาณคลิก และพฤติกรรมผู้ใช้ เพื่อนำมาวิเคราะห์ปรับปรุงกลยุทธ์ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

10. ตรวจสอบและแก้ปัญหาเชิงเทคนิค

ปัญหาทางเทคนิคอาจส่งผลเสียต่ออันดับ SEO ได้ ควรตรวจสอบและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว เช่น ลิงก์เสีย หน้า 404 ความเร็วเว็บไซต์ และการทำ XML Sitemap อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อยากทำ SEO แบบจริงจัง ลงคอร์สเรียน SEO ที่ไหนดี?

ถ้าคุณอยากพัฒนาทักษะการทำ SEO ให้เก่งขึ้น เราขอแนะนำให้ลงคอร์สเรียน SEO เพื่อต่อยอดความรู้จากการทำด้วยตัวเอง เพราะคุณจะได้เรียนรู้เทคนิคเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จริง เข้าใจกลยุทธ์การทำ SEO แบบมืออาชีพ รู้จักขั้นตอนการทํา SEO อย่างละเอียด และได้ฝึกปฏิบัติจริงกับเว็บไซต์ของคุณ โดยเฉพาะคอร์ส SEO Strategy for Executives จาก ANGA Mastery ที่ออกแบบมาสำหรับผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจโดยเฉพาะ เพราะจะเน้นไปที่ภาพรวมและการวงกลยุทธ์ เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนบน Google จริงๆแล้ว การเข้าใจถึงภาพรวมทั้งหมดของการทำ SEO ถือเป็น 1 ในทักษะผู้บริหาร และ ทักษะผู้นำ ที่องค์กรไม่สามารถขาดได้ เพราะ SEO ถือเป็นช่องทางที่ทำให้บริษัทเติบโตได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้านการตลาด

สรุป

การเรียนรู้วิธีทำ SEO ด้วยตัวเองเป็นเรื่องสำคัญในยุคนี้ เพราะใคร ๆ ก็ค้นหาสิ่งที่ต้องการผ่าน Google และการทำ SEO ก็ตอบโจทย์ตรงนี้มาก แม้การทำ SEO จะมีรายละเอียดเยอะและค่อนข้างซับซ้อน แต่ถ้าคุณเข้าใจพื้นฐานและวิธีทำ (ตามที่เราได้แนะนำไปในบทความนี้) ก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และผลักดันอันดับ SEO ให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนแซงคู่แข่งได้ อย่างไรก็ตามการทำ SEO ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว คุณต้องคอยเช็กข่าวการอัปเดตของ Google และนำมาปรับปรุงอยู่เสมอ สุดท้ายนี้แนะนำให้เน้นคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากกว่าสิ่งที่เราอยากจะสื่อออกไปจะเป็นการดีที่สุด

Related News

รวมทุกเรื่องที่ควรรู้สำหรับการเปิดคลินิกความงาม 2025

เช็กลิสต์สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนเปิดคลินิกความงาม ก่อนเปิดต้องรู้อะไรบ้าง ใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ มีความเสี่ยงอะไรบ้าง และควรทำการตลาดอย่างไรในปี 2025

10 วิธีทำการตลาดคลินิกความงามที่เห็นผลจริงในปี 2025

เปิดแผนและวิธีทำการตลาดคลินิกความงามที่เห็นผลจริง ช่วยดันยอดขายให้ปัง เพิ่มการเข้าถึงอย่างแม่นยำ และทำให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นในปี 2025

เปิด 10 ทักษะและหน้าที่ Online Marketing ที่สำคัญในปี 2025

ทำความเข้าใจหน้าที่ Online Marketing และทักษะที่นักการตลาดออนไลน์ควรมีติดตัวในปี 2025 เพื่อสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจและเปิดโอกาสให้กับตัวเอง

รวมทุกเรื่องที่ควรรู้สำหรับการเปิดคลินิกความงาม 2025

เช็กลิสต์สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนเปิดคลินิกความงาม ก่อนเปิดต้องรู้อะไรบ้าง ใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ มีความเสี่ยงอะไรบ้าง และควรทำการตลาดอย่างไรในปี 2025

10 วิธีทำการตลาดคลินิกความงามที่เห็นผลจริงในปี 2025

เปิดแผนและวิธีทำการตลาดคลินิกความงามที่เห็นผลจริง ช่วยดันยอดขายให้ปัง เพิ่มการเข้าถึงอย่างแม่นยำ และทำให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นในปี 2025

เปิด 10 ทักษะและหน้าที่ Online Marketing ที่สำคัญในปี 2025

ทำความเข้าใจหน้าที่ Online Marketing และทักษะที่นักการตลาดออนไลน์ควรมีติดตัวในปี 2025 เพื่อสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจและเปิดโอกาสให้กับตัวเอง

logo

ติดต่อเรา

ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ