30 JULY 25
40
ANGA Mastery เชื่อว่าผลลัพธ์ของการทำการตลาดออนไลน์จะดียิ่งขึ้น เมื่อเว็บไซต์ของคุณมีบทความที่ถูกค้นพบได้ง่าย ๆ บน Google Search การทำ SEO บนเว็บไซต์และการเรียนรู้วิธีเขียนบทความ SEO จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง บทความ SEO คุณภาพที่ติดอันดับบน Google ได้นั้น ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่ม Organic Traffic เข้ามาสู่เว็บไซต์ แต่ยังสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณ และนำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจในระยะยาวได้อีกด้วย มาเรียนรู้เทคนิคและวิธีเขียน SEO ให้ติดอันดับสูงบน Google กันเลย
บทความ SEO หรือ Content SEO คือเนื้อหาที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ Search Engine อย่าง Google เข้าใจและแสดงผลในหน้าการค้นหาเมื่อมีคนค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง การเขียนบทความ SEO ต้องคำนึงถึงทั้งการใช้คำค้นหาหรือ Keyword ที่ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้ป้อนในช่องค้นหา และการนำเสนอข้อมูลที่มีประโยชน์จริง ๆ ให้กับผู้อ่าน สิ่งสำคัญคือต้องสร้างสมดุลระหว่างการเขียนให้ Google เข้าใจและการเขียนให้คนอ่านแล้วได้ประโยชน์
เป้าหมายหลักของการเขียนบทความ SEO คือการสร้างช่องทางให้คนค้นพบเว็บไซต์เราผ่านการค้นหาออนไลน์ (Google Search) เมื่อเนื้อหาที่เราเขียนตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา Google จะนำเว็บไซต์เราไปแสดงในผลการค้นหา (Google SERPs) ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์โดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณา Google Ads นอกจากนี้ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ เพราะคนจะมองว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้น ๆ และเมื่อมีคนเข้าเว็บไซต์มากขึ้น โอกาสที่พวกเขาจะสนใจสินค้าหรือบริการของเราก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
การทำให้บทความ SEO ของคุณติดอันดับบน Google สามารถทำได้จริงเมื่อเข้าใจหลักการและนำเทคนิคที่เหมาะสมไปใช้ การสร้างบทความที่มีคุณภาพซึ่งช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเติบโตในระยะยาวนั้น ต้องอาศัยการวิเคราะห์ การวางแผน และการเลือกใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง นี่คือ 9 วิธีเขียนบทความ SEO ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยให้บทความของคุณมีประสิทธิภาพ
การวางโครงสร้างบทความจะช่วยให้คุณสามารถจับประเด็นที่จะเขียน และเรียงลำดับความสำคัญของเนื้อหาได้ดีขึ้น ควรตั้งชื่อหัวข้อหลักและหัวข้อรองให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาอ่านสามารถทำความเข้าใจเนื้อหาได้ง่าย นอกจากนี้ การใส่ Heading Tag ที่เหมาะสมจะช่วยให้บทความของคุณรองรับการแสดงผลบน Zero Position ซึ่งเพิ่มโอกาสในการคลิกเข้าชมหน้าเพจนั้น ๆ
Keyword คือคำหรือวลีที่ผู้คนใช้ค้นหาข้อมูลบน Google ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้บทความ SEO ติดอันดับ คุณควรทำ Keyword Research เพื่อค้นหา Keyword ที่ตรงกับหัวข้อ มีปริมาณการค้นหาสูง แต่มีการแข่งขันที่ไม่สูงเกินไป และอย่าลืมพิจารณา Search Intent หรือความตั้งใจในการค้นหาของกลุ่มเป้าหมายด้วย
การใส่ Keyword ในตำแหน่งที่เหมาะสมช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับ ควรใส่ในส่วนของ Meta Title, Meta Description, H1, H2, URL และ ALT Text ของรูปภาพ นอกจากนี้ ควรมีการกระจาย Keyword ในเนื้อหาอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ควรใส่มากเกินไป และรักษาสัดส่วน Keyword Density ประมาณ 1-2% ของเนื้อหาทั้งหมด
Google ให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่เป็นต้นฉบับและไม่ซ้ำใคร การเขียนบทความจากความเข้าใจและประสบการณ์ของคุณเองเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ควรคัดลอกหรือนำเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่น ๆ มาดัดแปลงโดยตรง หากมีการอ้างอิงข้อมูล ควรเขียนใหม่ด้วยภาษาของคุณเองและระบุแหล่งที่มาให้ชัดเจน พร้อมทั้งอัปเดตข้อมูลให้ทันสมัยอยู่เสมอ
ไม่มีกฎตายตัวว่าบทความ SEO ที่ดีควรมีความยาวเท่าไร แต่โดยทั่วไปแล้วบทความ SEO จะมีความยาวประมาณ 800 -2,000 คำ ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของหัวข้อและความต้องการข้อมูลของผู้อ่าน ความยาวในระดับนี้จะช่วยให้คุณสามารถอธิบายเนื้อหาได้อย่างครบถ้วน มีพื้นที่สำหรับการกระจาย Keyword อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ก็ไม่ยาวเกินไปจนผู้อ่านรู้สึกเบื่อ
การใส่รูปภาพประกอบในบทความไม่เพียงแต่ช่วยให้เนื้อหาน่าสนใจ แต่ยังส่งผลดีต่อ SEO ด้วย เพราะ Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน คุณสามารถใส่ Keyword ในรูปภาพได้โดยการใส่คำอธิบายภาพ หรือที่เรียกว่าข้อความ Alt Text เพื่อให้ Google เข้าใจว่ารูปภาพนั้นเกี่ยวกับอะไร
Internal Link คือการเชื่อมโยงหน้าเว็บไซต์ภายในเข้าด้วยกัน ซึ่งช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างของเว็บไซต์ของคุณได้ดีขึ้น และช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้ง่ายขึ้น External Link คือการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ภายนอกที่มีคุณภาพ ซึ่ง Google มองว่าเป็นการอ้างอิงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และส่งผลดีต่อคุณภาพของบทความของคุณ
การโพสต์บทความใหม่ หรือการอัปเดตเนื้อหาเก่าบนเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ แสดงให้ Google เห็นว่าเว็บไซต์ของคุณมีความเคลื่อนไหวและมีการอัปเดตข้อมูลอยู่ตลอดเวลา สิ่งนี้ช่วยให้ Google ให้คะแนนและดันอันดับเว็บไซต์ของคุณให้สูงขึ้น การมีเนื้อหาใหม่ ๆ หรือการปรับปรุงบทความเก่าให้เป็นปัจจุบันยังเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านและช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ
นอกจากการเขียนบทความแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำคือการตั้งค่า Meta Tag ซึ่งเป็นข้อความรหัส HTML ที่จะไปแสดงบน Google Search โดยจะเห็นได้ชัดเจนในส่วนของ Title และ Description ควรใส่ Keyword ใน Title ที่มีความยาวประมาณ 60-80 ตัวอักษร และ Description ที่มีความยาวประมาณ 180-250 ตัวอักษร นอกจากนี้ การกำหนด URL เว็บไซต์ที่เหมาะสมยังสามารถช่วยในการทำ SEO ได้ด้วย
การทำให้บทความของคุณติดอันดับบน Google นั้นเป็นไปได้ หากคุณเข้าใจวิธีเขียนบทความ SEO อย่างถ่องแท้และทำตามวิธีที่เราได้แนะนำไปในบทความนี้ ตั้งแต่การวางแผนเนื้อหา ไปจนถึงการปรับแต่งทางเทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้บทความ SEO ของคุณมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ การวิเคราะห์คู่แข่งและปรับปรุงเนื้อหาอยู่เสมอเป็นสิ่งที่จะช่วยให้คุณรักษาอันดับบน Google ได้อย่างต่อเนื่องด้วย ANGA Mastery พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาทักษะนี้ของคุณ ด้วยคอร์สเรียน SEO และคอร์ส SEO Content Writing ที่จะช่วยให้คุณก้าวสู่การเป็น SEO Content Writer ระดับมืออาชีพ
สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดคอร์สเรียนได้ที่ LINE OA - ANGA Mastery เพื่อรับสิทธิ์ Early Bird ได้แล้ววันนี้!
พัฒนาสกิลที่ถูกต้องสำหรับผู้นำ
ด้านการตลาดออนไลน์
30 JULY
ชวนทำความรู้จักอาชีพ SEO Content Writer คือใคร ผู้อยู่เบื้องหลังการติดอันดับของเว็บไซต์บน Google พวกเขามีหน้าที่และทักษะที่สำคัญอะไรบ้าง มาดูกัน
30 JULY
30 JULY
30 JULY
25 JULY
23 JULY
ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ