ใคร ๆ อยากที่จะดูดีและสวยขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศ ผู้บริหารธุรกิจ CEO CMO หรือจะเป็นคนวัยหนุ่มสาวก็ตาม เพราะเหตุนี้จึงทำให้ธุรกิจคลินิกเสริมความงามเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนใคร ๆ ก็อยากเปิดคลินิกความงามกันถ้วนหน้า การเปิดคลินิกเสริมความงามนั้นไม่ได้ยากและก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด นอกจากโอกาสแล้วก็ยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญด้วยเช่นกัน สำหรับใครที่อยากก้าวเข้าสู่การเป็นเจ้าของคลินิกเสริมความงามแต่ยังไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ANGA Mastery จะทำให้คุณเห็นภาพการเปิดคลินิกความงามที่ชัดมากขึ้นผ่านบทความนี้ เพราะเราจะมาแชร์สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนเปิดคลินิกเสริมความงาม ความเสี่ยง วิธีทำการตลาด และตอบคำถามด้วยว่าการเปิดคลินิกความงามใช้เงินเท่าไหร่ หากพร้อมแล้วเราไปอ่านกันได้เลย!
5 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเปิดคลินิกความงาม
ในอดีตการเปิดคลินิกความงามอาจดูเป็นเรื่องไกลตัวที่ทำได้เฉพาะแพทย์เท่านั้น แต่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการหลากหลายอาชีพก้าวเข้าสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจนี้มากมาย อย่างไรก็ตามก่อนจะตัดสินใจลงทุนเปิดคลินิกความงามนั้นก็มีหลายสิ่งที่คุณควรรู้และเตรียมพร้อมรับมือเอาไว้ เพื่อให้สามารถเปิดคลินิกเสริมความงามได้อย่างราบรื่นและทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
1. กฎหมายและใบอนุญาต
การเปิดคลินิกต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายและได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข ทั้งใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลและใบอนุญาตให้ดำเนินการสถานพยาบาล รวมถึงต้องมีผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเป็นผู้ดูแล จึงควรศึกษาข้อกำหนดและเตรียมเอกสารให้พร้อมตั้งแต่เริ่มต้น
2. เงินลงทุนและแผนการเงิน
การเปิดคลินิกความงามต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง ตั้งแต่ค่าสถานที่ การตกแต่ง เครื่องมือแพทย์ไปจนถึงเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งอาจต้องใช้เงินตั้งแต่ 3-10 ล้านบาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดและรูปแบบของคลินิก นอกจากนี้ยังต้องวางแผนสำรองเงินทุนหมุนเวียนให้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในช่วง 6-12 เดือนแรกด้วย
3. ทำเลและกลุ่มเป้าหมาย
ทำเลที่ตั้งคือหัวใจสำคัญของธุรกิจคลินิกเสริมความงามเลยก็ว่าได้ คุณต้องวิเคราะห์ให้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่ที่ไหน มีกำลังซื้อเท่าไร และพฤติกรรมการใช้บริการเป็นอย่างไร เพื่อเลือกทำเลที่เหมาะสมและวางแผนบริการให้ตรงความต้องการ และอย่าลืมสำรวจคู่แข่งในพื้นที่ด้วยว่ามีใครบ้างและให้บริการอะไรบ้าง
4. การบริหารจัดการและบุคลากร
คลินิกความงามต้องมีทั้งบุคลากรทางการแพทย์และพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ตั้งแต่แพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยแพทย์ ไปจนถึงพนักงานต้อนรับและฝ่ายขาย การสรรหาและรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพจึงเป็นความท้าทายสำคัญที่คุณต้องวางแผนรับมือ
5. การตลาดและการสร้างแบรนด์
ตลาดคลินิกความงามมีการแข่งขันสูง การสร้างแบรนด์และทำการตลาดจึงสำคัญไม่แพ้การให้บริการที่มีคุณภาพ ต้องวางแผนกลยุทธ์การตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ให้ครอบคลุม พร้อมสร้างจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งด้วย
เปิดคลินิกความงามใช้เงินเท่าไหร่
อย่างที่เราได้เกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่าการเปิดคลินิกความงามเป็นการลงทุนที่ต้องใช้เงินค่อนข้างสูง ซึ่งงบประมาณจะแตกต่างกันไปตามขนาดและรูปแบบของคลินิก ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงคลินิกระดับพรีเมียม โดยรวมแล้ว การเปิดคลินิกความงามระดับมาตรฐานควรมีงบประมาณอย่างน้อย 5-10 ล้านบาท และสำหรับคลินิกระดับพรีเมียมอาจต้องใช้งบประมาณสูงถึง 15-20 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เราจะแบ่งรายละเอียดค่าใช้จ่ายออกเป็นส่วนต่าง ๆ ดังนี้
เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์
เครื่องมือแพทย์เป็นการลงทุนที่ใช้งบประมาณสูงที่สุด โดยเฉพาะเครื่องเลเซอร์และอุปกรณ์เฉพาะทาง ราคาต่อเครื่องอาจอยู่ที่ 500,000 – 5,000,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภท แบรนด์ และรุ่น คลินิกเสริมความงามที่ให้บริการครบวงจรอาจต้องลงทุนในส่วนนี้รวมกันถึง 5-10 ล้านบาท
ค่าสถานที่และการตกแต่ง
งบประมาณส่วนนี้ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งและขนาดพื้นที่ โดยคลินิกทั่วไปควรมีพื้นที่ประมาณ 80-120 ตารางเมตร ค่าเช่าอาจเริ่มต้นที่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนต่อเดือนสำหรับทำเลใจกลางเมือง ส่วนค่าตกแต่งและปรับปรุงสถานที่ ต้องใช้งบประมาณประมาณ 1-3 ล้านบาท เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดูหรูหรา น่าเชื่อถือ จึงจะดูน่าเข้าไปใช้บริการ
เงินทุนหมุนเวียนและค่าใช้จ่ายดำเนินการ
ควรมีเงินทุนหมุนเวียนสำรองไว้อย่างน้อย 6-12 เดือน สำหรับค่าใช้จ่ายประจำ เช่น เงินเดือนบุคลากรทางการแพทย์และพนักงาน ค่าเช่าสถานที่และค่าสาธารณูปโภค ค่าวัสดุสิ้นเปลืองและยา และงบในการทำการตลาดคลินิกเสริมความงาม
ความเสี่ยงของเปิดคลินิกเสริมความงามคืออะไร
การเปิดคลินิกความงามแม้จะเป็นธุรกิจที่มีกำไรสูง แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงหลายด้านที่ผู้ประกอบการควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
- การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง ส่งผลให้กำไรลดลงในขณะที่ต้นทุนยังสูง
- ความเสี่ยงด้านการเงิน เพราะรายได้ช่วงแรกไม่แน่นอน อาจขาดสภาพคล่องทางการเงินได้
- ความเสี่ยงด้านบุคลากร นอกจากหาแพทย์และบุคลากรที่มีประสบการณ์ได้ยากแล้ว ยังเสี่ยงที่แพทย์จะลาออกด้วย
- ผลลัพธ์อาจมีข้อผิดพลาดหรือไม่ตรงตามความคาดหวังของลูกค้า ซึ่งจะนำไปสู่การฟ้องร้องได้
- ต้องลงทุนอัปเดตเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์อยู่เสมอ
แนวทางการทำการตลาดคลินิกความงาม
ถ้าคุณเปิดคลินิกเสริมความงามแต่ไม่ได้มีการทำการตลาดใด ๆ เลย คลินิกของคุณอาจจะต้องปิดตัวลงเร็วมากกว่าที่คิดได้ เนื่องจากไม่มีคนรู้จักและเข้ามาใช้บริการคลินิกของคุณเลย ถ้าคุณอยากอยู่รอดท่ามการแข่งขันอันแสนดุเดือดของตลาดคลินิกความงามนี้ คุณจะต้องลงไปทำการตลาดออนไลน์ด้วย หลายคลินิกเลือกพัฒนาทักษะให้แก่บุคลากรภายในด้วยคอร์สเรียน Marketing for Clinic แต่บางคลินิกก็มีการจ้างเอเจนซี่รับทำ SEO หรือเอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์มาดูแลในส่วนนี้ให้ อย่างไรก็ตามเราลองมาดูแนวทางการทำการตลาดสำหรับคลินิกเสริมความงามกันก่อนดีกว่า
ปักหมุดแผนที่คลินิกบน Google Maps
การปักหมุดแผนที่บน Google Maps ช่วยเพิ่มโอกาสให้คลินิกของคุณถูกค้นพบได้ง่ายขึ้น ผ่านการลงทะเบียน Google Business ที่จะแสดงข้อมูลสำคัญอย่างที่ตั้ง เบอร์โทร เวลาทำการ และรีวิวจากลูกค้า นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและส่งผลดีต่อ Local SEO ทำให้คลินิกปรากฏในผลการค้นหาเมื่อคนในพื้นที่ต้องการใช้บริการด้วย
ทำ SEO (Search Engine Optimization)
SEO คือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนหน้าผลการค้นหาของ Google เมื่อผู้คนค้นหาบริการเกี่ยวกับความงาม การทำ SEO ที่ดีจะช่วยให้คลินิกได้รับทราฟฟิกแบบออร์แกนิก ประหยัดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาระยะยาว หากทีมการตลาดยังไม่มีความรู้ด้านนี้ แนะนำให้เข้าคอร์สเรียน SEO เพื่อเรียนรู้เทคนิคและกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจคลินิกโดยตรง ในคอร์สเรียนดังกล่าวจะทำให้ทีมการตลาดของคุณรู้จักกลยุทธ์ SEO ที่ตอบโจทย์, ได้เรียนรู้การใช้เครื่องมือ Google Search Console และอื่น ๆ อีกเพียบ บอกเลยว่าเป็นหลักสูตรอบรมพนักงานที่ครอบคุ้มและคุ้มค่าอย่างมาก
ยิงโฆษณา Google Ads
Google Ads เป็นช่องทางโฆษณาที่ช่วยให้คลินิกเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบริการด้านความงามได้ทันที แม้เว็บไซต์จะยังไม่ติดอันดับ SEO ก็ตาม การยิงโฆษณาแบบ Search Ads จะช่วยให้คลินิกปรากฏอยู่ในตำแหน่งบนสุดของผลการค้นหา เหมาะสำหรับคลินิกที่ต้องการดึงดูดลูกค้าใหม่อย่างรวดเร็วและวัดผลได้ชัดเจน
ทำการตลาดผ่าน Social Media
Social Media เป็นช่องทางที่ทรงพลังสำหรับคลินิกความงาม เพราะคนไทยใช้แพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Instagram และ TikTok เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่สนใจเรื่องความงาม การสร้างตัวตนบนโซเชียลมีเดียช่วยให้คลินิกสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างใกล้ชิด แชร์ผลงาน และสร้างการมีส่วนร่วมผ่านคอนเทนต์ที่น่าสนใจ
สร้างคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ต่อผู้อ่าน
เนื่องจากเว็บไซต์คลินิกความงามจัดอยู่ในกลุ่ม YMYL (Your Money Your Life) การสร้างคอนเทนต์จึงต้องยึดหลัก E-E-A-T โดยนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง น่าเชื่อถือ และเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน เช่น บทความ SEO ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลผิว คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือข้อควรรู้ก่อนทำทรีตเมนต์ต่าง ๆ นอกจากจะสร้างความน่าเชื่อถือแล้ว ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับ SEO อีกด้วย
แสดงความเชื่อถือและความเชี่ยวชาญ
การแสดงความน่าเชื่อถือและความเชี่ยวชาญเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจใช้บริการ ควรนำเสนอข้อมูลทีมแพทย์อย่างละเอียด ทั้งประวัติการศึกษา ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน พร้อมแสดงรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง และอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีหรือเครื่องมือใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอบนทุกช่องทางการสื่อสารด้วย
สรุป
แม้การเปิดคลินิกความงามจะเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและมีความเสี่ยงหลายด้าน แต่ด้วยการวางแผนที่ดีและการใช้กลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสม ก็สามารถสร้างความสำเร็จได้ไม่ยาก สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมาะสำหรับคลินิกเสริมความงามนั้น หลัก ๆ จะเป็นการสร้างตัวตนและความน่าเชื่อถือบนช่องทางต่าง ๆ , การทำ SEO บนเว็บไซต์ และการยิงโฆษณา Google Ads ซึ่งถ้าทีมงานของคุณยังไม่มีทักษะในด้านต่าง ๆ เหล่านี้ ลองหาคอร์สเรียนที่เหมาะสมหรือจัดอบรมภายใน (In-house Training) อย่างคอร์สเรียนการตลาด หรือคอร์สสอน Google Analytics 4 ก็จะช่วยให้พวกเขามีทักษะด้านในและสามารถเริ่มต้นทำการตลาดด้วยตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเอเจนซี่ระยะยาว