E-E-A-T คืออะไร? อัปเดตล่าสุด 2025

By Rachavit Whangpatanathon I MD at ANGA Group

17 DECEMBER 24

219

Cover_1.webp

การทำ SEO ในปี 2025 ไม่ใช่แค่เรื่องของการใส่คีย์เวิร์ดหรือสร้าง Backlinks อีกต่อไป แต่ Google ให้ความสำคัญกับคุณภาพของเนื้อหาและความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์มากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้ามคือ E-E-A-T Factor ที่เพิ่งได้รับการอัปเดตจาก Google

ในบทความนี้ ANGA Mastery เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ E-E-A-T คืออะไร ทำไมถึงสำคัญต่อการทำ SEO คือยังไง และที่สำคัญที่สุด คุณจะสามารถนำไปปรับใช้กับเว็บไซต์ของคุณได้อย่างไร เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันบนโลกเว็บไซต์ธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลากันบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย

E-E-A-T คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ? 

E-E-A-T คือ อัลกอริทึมสำคัญที่ Google ใช้ในการประเมินคุณภาพและความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ โดยย่อมาจาก Experience (ประสบการณ์), Expertise (ความเชี่ยวชาญ), Authoritativeness (ความมีอำนาจ) และ Trustworthiness (ความน่าเชื่อถือ)

ในปี 2025 E-E-A-T Factor กลายเป็นหนึ่งในเกณฑ์สำคัญที่ผู้ทำ SEO ต้องให้ความสำคัญ เนื่องจาก Google ต้องการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งาน โดยการแสดงผลการค้นหาที่มาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพสูง

ความเปลี่ยนแปลงจาก E-A-T สู่ E-E-A-T Factor

Google ได้เพิ่มตัว E ตัวแรกที่หมายถึง Experience เข้ามาในปลายปี 2022 เพื่อให้ความสำคัญกับประสบการณ์จริงของผู้เขียนเนื้อหามากขึ้น การอัปเดตนี้สะท้อนให้เห็นว่า Google ไม่ได้ต้องการแค่ความรู้ทางทฤษฎี แต่ยังต้องการประสบการณ์ตรงที่จะช่วยให้เนื้อหามีความน่าเชื่อถือและเป็นประโยชน์มากขึ้น

องค์ประกอบหลักของ E-E-A-T

E-E-A-T คืออะไร

E-E-A-T ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบสำคัญที่ Google ใช้ในการประเมินคุณภาพของเว็บไซต์ มาทำความเข้าใจแต่ละองค์ประกอบกันอย่างละเอียด

1. Experience (E) - ประสบการณ์

ประสบการณ์เป็นองค์ประกอบใหม่ที่ Google เพิ่มเข้ามาเพื่อให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่มาจากประสบการณ์จริง ไม่ใช่เพียงแค่การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งอื่นเท่านั้น

การแสดงประสบการณ์ที่มีคุณค่าสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การเล่าประสบการณ์ตรงในการใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการ การแชร์เทคนิคที่ได้จากการทำงานจริง หรือการนำเสนอกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จ

ตัวอย่างเช่น หากคุณเขียนรีวิวร้านอาหาร การไปรับประทานจริงและถ่ายภาพอาหารด้วยตัวเอง จะมีคุณค่ามากกว่าการนำข้อมูลและรูปภาพจากที่อื่นมาเรียบเรียงใหม่

2. Expertise (E) - ความเชี่ยวชาญ

ความเชี่ยวชาญสะท้อนถึงความรู้ความสามารถเชิงลึกในสาขานั้นๆ Google ให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่สร้างโดยผู้เชี่ยวชาญจริง โดยเฉพาะในหัวข้อที่เกี่ยวกับ YMYL (Your Money Your Life) เช่น การเงิน สุขภาพ หรือกฎหมาย

การแสดงความเชี่ยวชาญสามารถทำได้โดย

  • นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่แสดงความเข้าใจในเรื่องนั้นๆ อย่างถ่องแท้
  • อ้างอิงงานวิจัย สถิติ หรือข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
  • แสดงวุฒิการศึกษา ประกาศนียบัตร หรือใบรับรองที่เกี่ยวข้อง
  • อัปเดตเนื้อหาให้ทันสมัยตามการเปลี่ยนแปลงของวงการนั้นๆ

3. Authoritativeness (A) - ความมีอำนาจ

ความมีอำนาจไม่ได้หมายถึงการมีตำแหน่งสูง แต่หมายถึงการเป็นที่ยอมรับและได้รับการอ้างอิงในวงการนั้นๆ Google จะพิจารณาว่าเว็บไซต์และผู้เขียนเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือเพียงใด

การสร้างความมีอำนาจสามารถทำได้ผ่าน

  • การได้รับการกล่าวถึงในสื่อชั้นนำหรือเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ
  • การมี Backlink คุณภาพจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม
  • การได้รับเชิญเป็นวิทยากรหรือผู้เชี่ยวชาญในงานสำคัญ
  • การมีผลงานที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง

4. Trustworthiness (T) - ความน่าเชื่อถือ

ความน่าเชื่อถือเป็นรากฐานสำคัญที่สุดของ E-E-A-T เพราะแม้จะมีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และความมีอำนาจ แต่หากขาดความน่าเชื่อถือ ก็ไม่อาจประสบความสำเร็จในระยะยาวได้

การสร้างความน่าเชื่อถือประกอบด้วย

  • การนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง ตรวจสอบได้ และมีการอ้างอิงแหล่งที่มา
  • การมีนโยบายความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่ชัดเจน
  • การแสดงข้อมูลการติดต่อและที่อยู่จริงขององค์กร
  • การรับผิดชอบต่อเนื้อหาที่นำเสนอและพร้อมแก้ไขหากมีข้อผิดพลาด
  • การมีระบบรับประกันความพึงพอใจหรือการคืนเงินที่ชัดเจน (สำหรับธุรกิจ E-commerce)

การพัฒนาทั้ง 4 องค์ประกอบนี้อย่างสมดุลและต่อเนื่องจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือในสายตาของทั้ง Google และผู้ใช้งาน ส่งผลดีต่อการจัดอันดับในผลการค้นหาและการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว

วิธีการปรับปรุงเว็บไซต์ตามหลัก E-E-A-T

การพัฒนาเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับหลัก E-E-A-T ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในวันเดียว แต่ต้องอาศัยการวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นระบบ มาดูวิธีทำ SEO ในการปรับปรุงในแต่ละด้านกัน

1. พัฒนาคุณภาพเนื้อหา (Content Quality Development)

การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพเป็นรากฐานสำคัญของ E-E-A-T เนื้อหาที่ดีต้องไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ผู้อ่าน แต่ต้องแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญและความน่าเชื่อถือด้วย

การสร้างเนื้อหาที่มีความลึกและครอบคลุม

  • วิเคราะห์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด
  • นำเสนอข้อมูลที่ครบถ้วนทุกแง่มุม ไม่ใช่แค่ข้อมูลผิวเผิน
  • ใช้ข้อมูล สถิติ และตัวอย่างประกอบเพื่อสนับสนุนเนื้อหา
  • อัปเดตเนื้อหาให้ทันสมัยอยู่เสมอตามการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม

การแสดงตัวตนและความเชี่ยวชาญของผู้เขียน

  • สร้างหน้าประวัติผู้เขียน (Author Bio) ที่แสดงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
  • เพิ่มรูปภาพและข้อมูลการติดต่อของผู้เขียน
  • แสดงผลงานและความสำเร็จที่ผ่านมา
  • เชื่อมโยงกับโปรไฟล์โซเชียลมีเดียทางวิชาชีพ เช่น LinkedIn

2. เพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ (Website Credibility Enhancement)

ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้และ Google ไว้วางใจในเนื้อหาของคุณ

การแสดงข้อมูลองค์กรอย่างโปร่งใส

  • จัดทำหน้า About Us ที่บอกเล่าประวัติ วิสัยทัศน์ และพันธกิจขององค์กร
  • แสดงที่อยู่ทางกายภาพและข้อมูลการติดต่อที่ครบถ้วน
  • เพิ่มรูปภาพทีมงานและสำนักงานจริง
  • แสดงเบอร์โทรศัพท์และอีเมลที่ใช้งานได้จริง

การสร้างความเชื่อมั่นด้วยการรับรอง

  • แสดงใบรับรองมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
  • นำเสนอรางวัลและความสำเร็จขององค์กร
  • แสดงโลโก้พาร์ทเนอร์และการรับรองความปลอดภัยของเว็บไซต์
  • รวบรวมและแสดงรีวิวจากลูกค้าจริง

3. สร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี (User Experience Optimization)

การออกแบบ UX UI เพื่อประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีไม่เพียงช่วยให้ผู้เข้าชมพึงพอใจ แต่ยังส่งผลดีต่อการจัดอันดับใน Google ด้วย

การพัฒนาการใช้งานเว็บไซต์

  • ออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ให้เข้าใจง่ายและนำทางสะดวก
  • จัดวางเมนูและปุ่มกดให้ใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • ปรับแต่งฟอนต์และสีให้อ่านง่าย สบายตา
  • สร้างระบบค้นหาภายในเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ

การปรับปรุงประสิทธิภาพทางเทคนิค

  • เพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ
  • ปรับแต่งการแสดงผลบนมือถือให้สมบูรณ์
  • ติดตั้ง SSL Certificate เพื่อความปลอดภัย
  • ตรวจสอบและแก้ไขลิงก์เสียอย่างสม่ำเสมอ

4. สร้างเครือข่ายและการเชื่อมโยง (Network Building & Linking)

การสร้างความสัมพันธ์และเครือข่ายที่แข็งแกร่งจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและอำนาจให้กับเว็บไซต์ของคุณ

การพัฒนาความสัมพันธ์ในอุตสาหกรรม

  • เข้าร่วมกิจกรรมและงานสัมมนาในอุตสาหกรรม
  • สร้างความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญและแบรนด์ชั้นนำ
  • แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ผ่านบล็อกและโซเชียลมีเดีย
  • สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญและนำเสนอมุมมองที่มีคุณค่า

การพัฒนาระบบลิงก์ที่มีคุณภาพ

  • สร้าง Internal Linking ที่เชื่อมโยงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นธรรมชาติ
  • พัฒนา Content Silo เพื่อจัดกลุ่มเนื้อหาอย่างเป็นระบบ
  • สร้าง Backlink คุณภาพผ่านการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า
  • ตรวจสอบและจัดการลิงก์เสียอย่างสม่ำเสมอ

การปรับปรุงเว็บไซต์ตามหลัก E-E-A-T เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องอาศัยความทุ่มเทและความสม่ำเสมอ แต่ผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่ากับการลงทุน ทั้งในแง่ของการจัดอันดับใน Google และความเชื่อมั่นจากผู้ใช้งาน

สรุปการนำ E-E-A-T ไปใช้กับเว็บไซต์ธุรกิจ

E-E-A-T Factor ไม่ใช่เพียงแค่แนวทางการทำ SEO แต่เป็นหลักการสำคัญที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพและน่าเชื่อถือในสายตา Google และผู้ใช้งาน การพัฒนาเว็บไซต์ตามหลัก E-E-A-T อย่างต่อเนื่องจะช่วยสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในระยะยาว

สิ่งสำคัญที่สุดคือการมุ่งเน้นที่คุณภาพและประโยชน์ที่ผู้ใช้งานจะได้รับ หากคุณสามารถสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า แสดงความเชี่ยวชาญที่แท้จริง และรักษามาตรฐานความน่าเชื่อถือไว้ได้ การจัดอันดับที่ดีใน Google จะเป็นผลลัพธ์ที่ตามมาอย่างเป็นธรรมชาติ

ด้วยคอร์สเรียน SEO Strategy for Executives และ คอร์สเรียน Google Analytics 4 ที่ครอบคลุมทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ คุณจะเข้าใจวิธีการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า การแสดงความเชี่ยวชาญที่แท้จริง และการรักษามาตรฐานความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณได้รับการจัดอันดับที่ดีใน Google อย่างเป็นธรรมชาติ

หากคุณพร้อมที่จะยกระดับธุรกิจด้วยความรู้ด้าน SEO และการตลาดดิจิทัลที่ครบถ้วน ติดต่อ ANGA Mastery วันนี้ เพื่อรับคำปรึกษาและคำแนะนำเกี่ยวกับหลักสูตรที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ

Related News

รู้จัก Churn Rate คืออะไร ทำไมถึงกลายเป็นฝันร้ายของคนทำธุรกิจ

Churn Rate คือตัวชี้วัดการสูญเสียลูกค้าที่ส่งผลโดยตรงต่อกำไรธุรกิจ เรียนรู้สาเหตุและ 5 เทคนิคลด Churn Rate ที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริงในบทความนี้

แชร์ 5 เครื่องมือใช้เช็กอันดับเว็บไซต์ SEO ที่เอเจนซี่ใช้จริง

รวม 5 เครื่องมือเช็กอันดับเว็บที่เอเจนซี่รับทำ SEO ใช้จริง พร้อมวิธีใช้งานทีละขั้นตอน ทั้ง Google Search Console, SERanking, Ahrefs และอื่น ๆ

สอนวิธีเช็กอันดับเว็บไซต์ เช็กอันดับ SEO ด้วยตัวเอง

รวมวิธีสอนเช็กอันดับเว็บง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เช็กอันดับ SEO ยังไงได้บ้าง เลือกมาให้แค่วิธีที่ง่ายและฟรี มือใหม่ทำได้ ไม่ต้องจ้างเอเจนซี่ อัปเดต 2025

รู้จัก Churn Rate คืออะไร ทำไมถึงกลายเป็นฝันร้ายของคนทำธุรกิจ

Churn Rate คือตัวชี้วัดการสูญเสียลูกค้าที่ส่งผลโดยตรงต่อกำไรธุรกิจ เรียนรู้สาเหตุและ 5 เทคนิคลด Churn Rate ที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริงในบทความนี้

แชร์ 5 เครื่องมือใช้เช็กอันดับเว็บไซต์ SEO ที่เอเจนซี่ใช้จริง

รวม 5 เครื่องมือเช็กอันดับเว็บที่เอเจนซี่รับทำ SEO ใช้จริง พร้อมวิธีใช้งานทีละขั้นตอน ทั้ง Google Search Console, SERanking, Ahrefs และอื่น ๆ

สอนวิธีเช็กอันดับเว็บไซต์ เช็กอันดับ SEO ด้วยตัวเอง

รวมวิธีสอนเช็กอันดับเว็บง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เช็กอันดับ SEO ยังไงได้บ้าง เลือกมาให้แค่วิธีที่ง่ายและฟรี มือใหม่ทำได้ ไม่ต้องจ้างเอเจนซี่ อัปเดต 2025

logo

ติดต่อเรา

ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ