Inbound Marketing คืออะไร กลยุทธ์มัดใจลูกค้าด้วยแรงดึงดูด

By Rachavit Whangpatanathon I MD at ANGA Group

21 APRIL 25

893

in.webp

ทุกวันนี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่แยกออกแล้วว่าโพสต์ไหนเป็นโฆษณาบ้าง และในทุก ๆ วันพวกเขาจะเจอโฆษณาเยอะมาก ทำให้ผู้บริโภครู้สึกเหมือนโดนยัดเยียดและเบื่อหน่าย การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing จึงเป็นสิ่งที่ผู้บริโภครู้สึกดีด้วยมากกว่า เพราะ Inbound Marketing คือการทำการตลาดแบบดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาหาแบรนด์เอง ไม่ใช่การที่แบรนด์ยัดเยียดสิ่งต่าง ๆ ไปให้พวกเขา และ Inbound Marketing ก็ช่วยให้ธุรกิจเติบโตขึ้นได้อย่างยั่งยืนและคุ้มค่ามากกว่าด้วย มาทำความรู้จักกับ Inbound Marketing ให้มากขึ้นกับ ANGA Mastery ผ่านบทความนี้ได้เลย

Inbound Marketing คืออะไร

Inbound Marketing คือกลยุทธ์การตลาดที่เน้นการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาหาแบรนด์เอง แทนที่จะเป็นแบรนด์ที่เข้าไปรบกวนลูกค้า ด้วยการส่งมอบคอนเทนต์ที่มีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมาย ทำให้พวกเขาค้นพบแบรนด์ด้วยความสนใจและความสมัครใจ กลายเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากความไว้วางใจ ซึ่งต่างจากการตลาดแบบดั้งเดิมที่มักจะยัดเยียดโฆษณาไม่ว่าผู้บริโภคจะสนใจหรือไม่ก็ตาม ซึ่ง Inbound Marketing ถูกคิดค้นโดยบริษัท HubSpot และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่มักจะค้นหาข้อมูลเองก่อนตัดสินใจซื้อ การทำ Inbound Marketing ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้แบรนด์กลายเป็นตัวเลือกแรกในใจลูกค้า เมื่อพวกเขาพร้อมจะซื้อสินค้าหรือบริการ

3 หลักการของ Inbound Marketing 

  1. Attract (ดึงดูด) สร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าเพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสกลายเป็นลูกค้า ให้เข้ามาสำรวจและรู้จักแบรนด์ผ่านบทความ โซเชียลมีเดีย หรือเว็บไซต์
  2. Engage (มีส่วนร่วม) เมื่อกลุ่มเป้าหมายสนใจแล้ว ต้องสร้างการมีส่วนร่วมด้วยข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยแก้ปัญหาของพวกเขาได้จริง ทำให้เกิดความไว้วางใจและเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อ
  3. Delight (ผูกใจ) สร้างความประทับใจต่อเนื่องด้วยการให้บริการที่เหนือความคาดหมาย มีการให้คำปรึกษาที่เป็นประโยชน์ และบริการหลังการขายที่ดี เพื่อให้ลูกค้ากลายเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์ในระยะยาว

ดังนั้น การทำ Inbound Marketing จึงเป็นกระบวนการที่ค่อย ๆ เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นผู้เยี่ยมชม จากนั้นพัฒนาเป็นลูกค้า และท้ายที่สุดคือผู้สนับสนุนแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนและมีต้นทุนทางการตลาดที่คุ้มค่ากว่าการทำการตลาดแบบดั้งเดิม

Inbound Marketing vs Outbound Marketing ต่างกันอย่างไร

Outbound Marketing คือการทำการตลาดแบบ "แรงผลัก" ที่แบรนด์เป็นฝ่ายรุกเข้าหาลูกค้าเอง โดยส่งสารหรือโฆษณาออกไปยังกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง ไม่ว่าพวกเขาจะพร้อมรับสารนั้นหรือไม่ก็ตาม ลักษณะเด่นคือมักเป็นการสื่อสารทางเดียว และบางครั้งอาจไปขัดจังหวะกิจกรรมที่ผู้รับสารกำลังทำอยู่ จึงเรียกอีกอย่างว่าเป็นการตลาดแบบรบกวน (Interruption Marketing) เช่น โฆษณาทางโทรทัศน์ วิทยุ ป้ายบิลบอร์ด การโทรขายตรง (Cold Call) การส่งอีเมลหรือ SMS โปรโมชั่นไปยังรายชื่อที่ไม่ได้ขอรับข้อมูล รวมถึงการยิงโฆษณาออนไลน์แบบกว้าง ๆ บน Facebook Ads, TikTok Ads, Instagram Ads หรือ Google Ads

  • วิธีการเข้าถึงลูกค้า Outbound เป็นการผลักสารออกไปหากลุ่มเป้าหมาย ในขณะที่ Inbound เป็นการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาหาแบรนด์เอง
  • การเลือกกลุ่มเป้าหมาย Outbound เน้นการเข้าถึงคนจำนวนมาก (Mass Marketing) ส่วน Inbound จะเจาะจงกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะสนใจสินค้าหรือบริการจริง ๆ
  • ความสมัครใจของผู้รับสาร Outbound มักไม่ได้รับความยินยอมจากผู้รับสารก่อน แต่ Inbound จะเป็นแบบขออนุญาต (Permission-Based) โดยผู้รับเลือกที่จะเปิดรับข้อมูลเอง
  • เนื้อหาการสื่อสาร Outbound เน้นพูดถึงตัวสินค้าและการขายโดยตรง ขณะที่ Inbound เน้นการให้ข้อมูลที่มีคุณค่าและแก้ปัญหาให้กลุ่มเป้าหมาย
  • งบประมาณ Outbound มักต้องใช้งบประมาณสูงเพื่อให้เข้าถึงคนจำนวนมาก ส่วน Inbound สามารถเริ่มต้นได้ด้วยงบประมาณที่น้อยกว่า แต่ต้องใช้เวลาและความอดทน
  • ระยะเวลาเห็นผล Outbound ให้ผลลัพธ์เร็วกว่าในระยะสั้น ในขณะที่ Inbound มักใช้เวลานานกว่าแต่ให้ผลยั่งยืนในระยะยาว

Inbound Marketing มีอะไรบ้าง

กลยุทธ์การตลาดแบบ Inbound Marketing สามารถทำได้หลายวิธี และคุณสามารถทำหลาย ๆ วิธีบนหลากหลายช่องทางควบคู่กันไปได้ มาดูกันดีกว่าว่าตัวอย่าง Inbound Marketing ที่น่าสนใจและยังได้ผลดีอยู่ในปี 2025 นั้นมีอะไรบ้าง

1. Content Marketing

Content Marketing คือการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เช่น บทความ อินโฟกราฟิก วิดีโอ หรือ e-book เพื่อให้ข้อมูล ช่วยแก้ปัญหา หรือสร้างแรงบันดาลใจ โดยไม่เน้นการขายตรง ๆ  การทำ Content Marketing ที่ดีจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ ทำให้คุณกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายตาของกลุ่มเป้าหมาย และเมื่อพวกเขาพร้อมจะซื้อสินค้าหรือบริการ แบรนด์ของคุณก็จะเป็นตัวเลือกแรก ๆ  ที่พวกเขานึกถึง

2. Search Engine Optimization (SEO)

SEO คือการปรับแต่งเว็บไซต์และเนื้อหาให้มีโอกาสติดอันดับสูงในผลการค้นหาของ Google เมื่อผู้ใช้ค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือธุรกิจของคุณ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ Inbound Marketing เพราะช่วยให้ลูกค้าที่กำลังค้นหาข้อมูลสามารถพบเจอธุรกิจของคุณได้ในจังหวะที่พวกเขากำลังสนใจจริง ๆ การทำ SEO ครอบคลุมทั้งการทำ Keyword Research การปรับแต่งเว็บไซต์ทั้งด้านเทคนิคและเนื้อหา รวมถึงการสร้างลิงก์จากเว็บไซต์อื่นมายังเว็บของคุณ (Backlink) ด้วย

3. Social Media Marketing

Social Media Marketing คือการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ในการสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมาย แชร์คอนเทนต์ที่มีคุณค่า และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชุมชนออนไลน์ ช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นพื้นที่สำคัญที่ช่วยให้แบรนด์สามารถพูดคุยกับลูกค้าได้โดยตรง รับฟังความคิดเห็น ตอบคำถาม และสร้างตัวตนของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน การมีกลยุทธ์โซเชียลมีเดียที่ดีจะช่วยเพิ่มการเข้าถึง สร้างการรับรู้แบรนด์ และนำทราฟฟิกมาสู่เว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้น

4. Email Marketing

Email Marketing คือการส่งข้อมูลที่มีคุณค่าและเกี่ยวข้องไปยังผู้ที่สมัครรับข่าวสารจากคุณ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติม และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ อีเมลยังคงเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพสูงในการทำ Inbound Marketing เพราะเป็นการสื่อสารโดยตรงกับผู้ที่สนใจธุรกิจของคุณแล้ว การส่งอีเมลที่ปรับให้เข้ากับความสนใจและพฤติกรรมของผู้รับแต่ละคน จะช่วยเพิ่มอัตราการเปิดอ่าน การคลิก และการตัดสินใจซื้อได้อย่างมีนัยสำคัญ

5. Lead Generation & Nurturing

Lead Generation เป็นกระบวนการเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมให้กลายเป็นลูกค้าเป้าหมายที่มีข้อมูลติดต่อ ผ่านการนำเสนอคอนเทนต์พิเศษหรือข้อเสนอที่น่าสนใจ เช่น e-book แลกกับอีเมล หลังจากนั้น Lead Nurturing คือการดูแลและให้ข้อมูลที่เหมาะสมกับลูกค้าเป้าหมายแต่ละคน เพื่อค่อย ๆ สร้างความเชื่อมั่นและนำพวกเขาไปสู่การตัดสินใจซื้อ การวางแผน Lead Generation & Nurturing ที่ดีจะช่วยเพิ่มอัตราการแปลงผู้เยี่ยมชมให้กลายเป็นลูกค้า และช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

สรุป

ตอนนี้คุณก็คงจะรู้แล้วว่า Inbound Marketing คือวิธีการตลาดที่เน้นดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาหาเราเอง แทนที่จะไปยัดเยียดขายของให้เขาแบบโต้ง ๆ  โดยการทำ Inbound Marketing จะเป็นการที่เราสร้างเนื้อหาดี ๆ ที่ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ตั้งแต่ช่วงที่เขาเริ่มสนใจไปจนถึงตัดสินใจซื้อ ไม่ว่าจะเป็นบทความ SEO การทำ SEO โพสต์ในโซเชียล หรือส่งอีเมลที่มีประโยชน์ก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร แล้วมอบสิ่งนั้นให้เขาอย่างธรรมชาติ วิธีนี้จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคง และสร้างลูกค้าที่เชื่อใจเราในระยะยาว

Related News

เรียน Website Tracking ที่ไหนดี สอนละเอียด เข้าใจง่าย โดยไม่ต้องเขียนโค้ด

สอนวิธี Tracking พฤติกรรมผู้ใช้งานเว็บไซต์และวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Data-driven ด้วยโปรแกรม Google Tag Manager และ Google Analytics

Rankmath ปลั๊กอิน WordPress ที่ตอบโจทย์คนทำ SEO

แนะนำ Rankmath SEO เครื่องมือช่วยปรับแต่ง SEO บนเว็บไซต์ WordPress ทั้ง On-Page และ Off-Page ที่มีฟีเจอร์เพียบ! บอกเลยว่านักการตลาดไม่ควรพลาด

Yoast SEO เครื่องมือปรับแต่ง SEO บน WordPress

รู้จัก Yoast SEO คืออะไร เครื่องมือช่วยปรับแต่ง SEO ยอดนิยมบนเว็บไซต์ WordPress พร้อมเช็กลิสต์ใช้ตรวจสอบโครงสร้างเนื้อหา ไต่อันดับสูงบน Google

เรียน Website Tracking ที่ไหนดี สอนละเอียด เข้าใจง่าย โดยไม่ต้องเขียนโค้ด

สอนวิธี Tracking พฤติกรรมผู้ใช้งานเว็บไซต์และวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Data-driven ด้วยโปรแกรม Google Tag Manager และ Google Analytics

Rankmath ปลั๊กอิน WordPress ที่ตอบโจทย์คนทำ SEO

แนะนำ Rankmath SEO เครื่องมือช่วยปรับแต่ง SEO บนเว็บไซต์ WordPress ทั้ง On-Page และ Off-Page ที่มีฟีเจอร์เพียบ! บอกเลยว่านักการตลาดไม่ควรพลาด

Yoast SEO เครื่องมือปรับแต่ง SEO บน WordPress

รู้จัก Yoast SEO คืออะไร เครื่องมือช่วยปรับแต่ง SEO ยอดนิยมบนเว็บไซต์ WordPress พร้อมเช็กลิสต์ใช้ตรวจสอบโครงสร้างเนื้อหา ไต่อันดับสูงบน Google

logo

ติดต่อเรา

ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ