MarTech คืออะไร? ผลักดันธุรกิจให้เติบโตด้วยเทคโนโลยี

ANGA Mastery

28 JUNE 24

164

[MASTERY]Artwork-No.1_COVER.webp

เราต่างรู้ดีว่าสิ่งที่จะช่วยเร่งยอดขายและสร้างกำไรให้แก่ธุรกิจได้เร็วขึ้นนั้น มาจากการโปรโมตสินค้าและทำการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งขั้นตอนในการทำการตลาดก็มีมากมายและค่อนข้างที่จะซับซ้อนอย่างมาก ไหนจะต้องมารีเสิร์ชว่าลูกค้าคือใคร วิเคราะห์ช่องทางในการทำการตลาด คิดคอนเทนต์เพื่อสื่อสารออกไป และอื่น ๆ อีกมากมาย ถ้าใช้แรงของมนุษย์อย่างเราล้วน ๆ คงจะใช้เวลานานอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่เรียกว่า “MarTech” จึงเข้ามามีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน

ในช่วงพักหลังมากนี้ เราเชื่อว่าบรรดานักการตลาดและเจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่ คงจะได้ยินได้เห็นคำว่า MarTech อยู่บ่อย ๆ แต่อาจจะยังไม่เข้าใจว่า MarTech คืออะไร MarTech มีอะไรบ้าง หรือสามารถนำไปใช้งานเพื่อสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจได้อย่างไร ในวันนี้ ANGA Mastery จะมาอธิบายให้คุณทราบกันในบทความนี้!

MarTech คืออะไร?

MarTech คืออะไร? MarTech ย่อมาจาก Marketing Technology คือเทคโนโลยีทางการตลาดที่จะช่วยให้นักการตลาดทำงานได้สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะสามารถนำมาใช้งานได้กับทุกขั้นตอนของการทำการตลาด ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ การวางกลยุทธ์ การผลิตเนื้อหา การจัดการแคมเปญ และยังรวมไปถึงการวัดผลลัพธ์ด้วย ซึ่ง MarTech จะอยู่ในรูปแบบของเครื่องมือ ซอฟต์แวร์ และแพลตฟอร์ม

MarTech ช่วยแก้ปัญหาให้เจ้าของธุรกิจได้อย่างไร?

หัวใจหลักของการทำธุรกิจคือการตอบสนองความต้องการของลูกค้าและทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจมากที่สุด หากคุณผลิตสินค้าออกมาไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ไม่ตอบโจทย์การใช้งาน หรือมีคุณภาพไม่ดี จนทำให้ลูกค้าเกิดความไม่พึงพอใจ อาจเป็นไปได้ว่าลูกค้าจะไม่มีการซื้อสินค้าซ้ำหรือบอกต่อในทางที่ดีอย่างแน่นอน

แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกค้าต้องการอะไร? ลูกค้าเป็นกลุ่มคนที่มีลักษณะ พฤติกรรม อาชีพ อายุ ความชื่นชอบแบบไหน? และควรใช้ช่องทางไหนในการส่งสารไปยังกลุ่มลูกค้าของคุณ? MarTech จะช่วยอุดรูรั่วและแก้ปัญหาเหล่านี้ให้แก่ธุรกิจของคุณเอง โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ช่วยเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง

MarTech ประเภท Data Analytics และ CRM จะช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง จากการวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงลึก ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจความสนใจ พฤติกรรม และความต้องการของลูกค้าได้อย่างถ่องแท้ จากนั้นก็จะช่วยให้คุณแบ่งกลุ่มลูกค้าได้อย่างแม่นยำ คาดการณ์ความต้องการของลูกค้าล่วงหน้า และช่วยให้คุณนำข้อมูลต่าง ๆ ไปปรับแต่งสร้างเนื้อหาได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างตรงจุด

2. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร

MarTech ประเภท Marketing Automation Platforms จะช่วยจัดการงานด้านการตลาดให้กับคุณอย่างรวดเร็วและง่ายดายขึ้นมากกว่าเดิม อย่าง Chatbot จะใช้ในการโต้ตอบกับลูกค้าและตอบคำถามเบื้องต้น ทำให้ลูกค้าไม่ต้องอารมณ์เสียกับการรอคำตอบนาน หรือ ActiveCampaign ที่มีคุณสมบัติในการเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้า เชื่อมต่อกับลูกค้า และส่งอีเมลออกไปหาลูกค้าได้ในซอฟต์แวร์เดียว เป็นต้น

3. ขยายธุรกิจอย่างยั่งยืน

MarTech ประเภท SEO (Search Engine Optimization) จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้ดีบนโลกออนไลน์ และมีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เพราะเครื่องมือ SEO จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพและติดอันดับบนหน้าแรกของ Google ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่และทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักได้ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายในการยิงโฆษณาทุก ๆ เดือน

แนะนำ MarTech Tools ที่น่าสนใจสำหรับเจ้าของธุรกิจ

คุณก็ได้ทราบไปแล้วว่า MarTech ช่วยแก้ปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดให้แก่ธุรกิจของคุณอย่างไร ต่อไปลองมาดูกันว่า MarTech Tools ที่สำหรับเจ้าของธุรกิจจะมีอะไรกันบ้าง โดยเราก็จัดมาให้ครบทั้งในส่วนของเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล, เครื่องมือ CRM, เครื่องมือการตลาดแบบอัตโนมัติ, เครื่องมือ SEO และเครื่องมือ Social Media Management เลยทีเดียว

1. เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics)

MarTech Tools ประเภท Data Analytics ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายและผู้ใช้งานบนช่องทางของเรา อาทิ พฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์, ความสนใจ, แหล่งที่มาของผู้ใช้งาน, ดู Customer Journey, ที่มาของ Conversion Rate, จำนวนคนที่เข้ามาใช้งานบนเว็บไซต์, จำนวนผู้ติดตาม, ชี้จุดบกพร่องที่ควรแก้ไขของเว็บไซต์, ตรวจสอบคุณภาพของเว็บไซต์ ฯลฯ

ตัวอย่าง : Google Analytics 4 , Adobe Analytics, Google Search Console, Microsoft Power BI, Segment, Heap

2. เครื่องมือ CRM (Customer Relationship Management)

MarTech Tools ประเภท CRM (Customer Relationship Management) จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่จำนวนมากได้อย่างมากประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี และนำมาซึ่งยอดขายของธุรกิจ โดยจะเริ่มตั้งแต่การเก็บข้อมูลลูกค้าแบบครบวงจร, วิเคราะห์และทำความเข้าใจลูกค้า, มอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า, กระตุ้นยอดขาย, ติดตาม Sales Pipeline และสรุปผลลัพธ์ออกมาเป็นรายงาน

ตัวอย่าง : HubSpot, Salesforce, Zoho, Monday, Pipedrive, Freshsales, Zendesk, Sales Creatio

3. เครื่องมือการตลาดแบบอัตโนมัติ (Marketing Automation)

MarTech Tools ประเภท Marketing Automation จะเป็นเครื่องมือที่เรานำมาช่วยงาน โดยมีการทำงานแบบอัตโนมัติ อาทิ อีเมลยืนยันการสั่งซื้อสินค้า, อีเมลต้อนรับ Lead ใหม่, ส่ง SMS แจ้งโปรโมชัน, สร้าง Landing Page, วิเคราะห์ข้อมูล, แชทบอทโต้ตอบอัตโนมัติ หรือปรับปรุงเนื้อหา เป็นต้น

ตัวอย่าง : Mailchimp, ActiveCampaign, Autopilot, Klaviyo

4. เครื่องมือ SEO (Search Engine Optimization)

MarTech Tools ประเภท SEO จะช่วยให้นักการตลาดสามารถทำ Keyword Research เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ด (Keyword) ที่เหมาะสมกับธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเรายังสามารถใช้เครื่องมือ SEO ในการวิเคราะห์เว็บไซต์ ปรับปรุงเนื้อหา ปรับแต่งเว็บไซต์ หรือวางกลยุทธ์การทำ SEO ให้ติดอันดับเหนือคู่แข่งได้อีกด้วย

ตัวอย่าง : Ahrefs, SEMrush, KWFinder, Moz, Screaming frog, Alexa Traffic Rank

5. เครื่องมือ Social Media Management

MarTech Tools ประเภท Social Media Management จะใช้สำหรับการจัดการบัญชี Social Media ต่าง ๆ ของธุรกิจและกระตุ้นให้เกิด Engagement เพิ่มขึ้น เช่น จัดการทีมงาน, การสร้างคอนเทนต์, การตั้งเวลาโพสต์, วิเคราะห์ข้อมูลผู้ติดตาม, วิเคราะห์ผลลัพธ์, เช็กว่ามีคนพูดถึงเราอย่างไรบ้าง และสรุปผล (Report)

ตัวอย่าง : Hootsuite, Buffer, Sprout Social, Social Listening, Zocial Eye, Sendible, Zoho Social

สรุปบทความ

ตกลงว่า MarTech คืออะไร? เราจะมาสรุปให้อ่านกันอีกครั้ง! MarTech คือเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับการทำการตลาด ซึ่งเป็นได้ทั้งเครื่องมือ ซอฟต์แวร์ และแพลตฟอร์ม มีข้อดีคือช่วยให้เราสามารถจัดการงานด้านการตลาดได้อย่างง่ายดายมากขึ้น ทำให้เราไม่ต้องใช้ทรัพยากรคนเยอะเกินจำเป็น ช่วยประหยัดเวลาในการทำงาน และในขณะเดียวกันก็ช่วยผลักดันการเติบโตของธุรกิจไปในตัว

ซึ่ง MarTech Tools ไม่ได้มีแค่ในบทความนี้ที่เรายกตัวอย่างมากเท่านั้น ยังมีอีกกว่า 8,000 อย่างเลยทีเดียว (จากข้อมูลของ ChiefMartec ในปี 2023) ซึ่งเราคาดว่าในอนาคตคงมีเครื่องมือใหม่ ๆ ออกมาให้ใช้กันอย่างต่อเนื่องแน่นอน สำหรับใครที่สนใจใน MarTech ก็สามารถซื้อมาทดลองใช้กันได้เลย ไม่แน่ว่าบางทีคุณอาจจะติดใจจนอยากบอกต่อก็เป็นได้

 

Related News

คู่มือการทำ Schema Markup บน WordPress ฉบับสมบูรณ์ โดยไม่ต้องเขียนโค้ด

Wordpress schema markup เป็นทักษะที่ SEO Specialist ควรเชี่ยวชาญ ในบทความนี้ เราจะสอนการลงมือทำแบบละเอียดโดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรมเมอร์

แชร์ 10 เทคนิคทำโฆษณาสินค้าโน้มน้าวใจ เร่งยอดขาย 2025

ธุรกิจจะอยู่รอดต่อไปในอนาคตได้หรือไม่ ยอดขายเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าคุณมียอดขายสูงพอ มันก็จะครอบคลุมในส่วนของเงินทุนที่เสียไปในตอนแรกและได้ทั้งกำไรที่จะต่อยอดธุรกิจต่อไป ซึ่งแบรนด์อย่างเรา ๆ ก็ต้องพยายามกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค ให้พวกเขารู้สึกว่าจำเป็นต้องมีสิ่งนี้ และตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการนั้นในท้ายที่สุด ผ่านการพูดโน้มน้าวใจโฆษณาสินค้าไปยังช่องทางต่าง ๆ อาทิ TikTok, Facebook หรือ Website ด้วยเหตุนี้การโฆษณาสินค้าโน้มน้าวใจ จึงไม่ได้มีหน้าที่เพียงกระตุ้นความต้องการแล้วจบไปเท่านั้น แต่เป็นการกระตุ้นให้เกิด Conversion ขึ้นจริง มาทำความเข้าใจเรื่องโฆษณาสินค้าโน้มน้าวใจ พร้อมดูตัวอย่างการโฆษณาสินค้าโน้มน้าวใจจากแบรนด์ต่าง ๆ กับ ANGA Mastery ได้ที่นี่เลย

Google My Business คือเครื่องมือสำคัญ ที่ทุกธุรกิจห้ามพลาด

เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ ไม่ว่าใครก็ต้องหันมาพึ่งพาการทำการตลาดออนไลน์กันทั้งนั้น เพราะเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจที่มีหน้าร้านหรือข้อมูลบนโลกออนไลน์ เป็นที่รู้จักและเติบโตได้เร็วกว่าธุรกิจที่ไม่มีข้อมูลบนโลกออนไลน์เลย ยิ่งธุรกิจใดมีการปักหมุดแผนที่ลงไปใน Google Maps และใส่ข้อมูลรายละเอียดของธุรกิจอย่างครบครันด้วยล่ะก็ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะได้ลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ในวันนี้ ANGA Mastery จะมาแนะนำให้คุณรู้จักว่า Google My Business คืออะไร บอกได้เลยว่าสิ่งนี้ช่วยธุรกิจของคุณได้มาก ทั้งธุรกิจที่มีหน้าร้านก็ดี หรือธุรกิจที่ไม่มีหน้าร้านก็ตาม อีกทั้งยังส่งผลดีต่อการทำ SEO พร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพของการทำ Local SEO ให้กับธุรกิจที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง

คู่มือการทำ Schema Markup บน WordPress ฉบับสมบูรณ์ โดยไม่ต้องเขียนโค้ด

Wordpress schema markup เป็นทักษะที่ SEO Specialist ควรเชี่ยวชาญ ในบทความนี้ เราจะสอนการลงมือทำแบบละเอียดโดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรมเมอร์

แชร์ 10 เทคนิคทำโฆษณาสินค้าโน้มน้าวใจ เร่งยอดขาย 2025

ธุรกิจจะอยู่รอดต่อไปในอนาคตได้หรือไม่ ยอดขายเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าคุณมียอดขายสูงพอ มันก็จะครอบคลุมในส่วนของเงินทุนที่เสียไปในตอนแรกและได้ทั้งกำไรที่จะต่อยอดธุรกิจต่อไป ซึ่งแบรนด์อย่างเรา ๆ ก็ต้องพยายามกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค ให้พวกเขารู้สึกว่าจำเป็นต้องมีสิ่งนี้ และตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการนั้นในท้ายที่สุด ผ่านการพูดโน้มน้าวใจโฆษณาสินค้าไปยังช่องทางต่าง ๆ อาทิ TikTok, Facebook หรือ Website ด้วยเหตุนี้การโฆษณาสินค้าโน้มน้าวใจ จึงไม่ได้มีหน้าที่เพียงกระตุ้นความต้องการแล้วจบไปเท่านั้น แต่เป็นการกระตุ้นให้เกิด Conversion ขึ้นจริง มาทำความเข้าใจเรื่องโฆษณาสินค้าโน้มน้าวใจ พร้อมดูตัวอย่างการโฆษณาสินค้าโน้มน้าวใจจากแบรนด์ต่าง ๆ กับ ANGA Mastery ได้ที่นี่เลย

Google My Business คือเครื่องมือสำคัญ ที่ทุกธุรกิจห้ามพลาด

เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ ไม่ว่าใครก็ต้องหันมาพึ่งพาการทำการตลาดออนไลน์กันทั้งนั้น เพราะเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจที่มีหน้าร้านหรือข้อมูลบนโลกออนไลน์ เป็นที่รู้จักและเติบโตได้เร็วกว่าธุรกิจที่ไม่มีข้อมูลบนโลกออนไลน์เลย ยิ่งธุรกิจใดมีการปักหมุดแผนที่ลงไปใน Google Maps และใส่ข้อมูลรายละเอียดของธุรกิจอย่างครบครันด้วยล่ะก็ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะได้ลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ในวันนี้ ANGA Mastery จะมาแนะนำให้คุณรู้จักว่า Google My Business คืออะไร บอกได้เลยว่าสิ่งนี้ช่วยธุรกิจของคุณได้มาก ทั้งธุรกิจที่มีหน้าร้านก็ดี หรือธุรกิจที่ไม่มีหน้าร้านก็ตาม อีกทั้งยังส่งผลดีต่อการทำ SEO พร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพของการทำ Local SEO ให้กับธุรกิจที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง

logo

ติดต่อเรา

ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ