Media Plan คืออะไร กลยุทธ์วางแผนสื่อ นำพาธุรกิจแซงหน้าคู่แข่ง

คุณเคยเจอปัญหาการทุ่มงบประมาณจำนวนมากไปกับการทำโฆษณา แต่ได้ผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่าหรือเปล่า? ปัญหาอาจจะไม่ได้อยู่ที่คุณภาพสินค้า การบริการ หรือราคา แต่อาจจะขาดการทำ Media Plan ที่มีประสิทธิภาพก็เป็นได้ Media Plan คือเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณสามารถใช้สื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อผลตอบแทนที่คุ้มค่าต่อธุรกิจมากที่สุด หรือที่เรียกว่า “การวางแผนสื่อ” นั่นเอง มาทำความรู้จักกันว่า Media Plan คืออะไร, Media Plan ทำอะไรบ้าง, การวางแผนสื่อที่ดีมีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร พร้อมศึกษาขั้นตอนการทำ Media Planing ที่ถูกต้อง กับ ANGA Mastery ผ่านบทความนี้ได้เลย

Media Plan คืออะไร

Media Plan คือการวางแผนการสื่อที่ใช้ในการสื่อสารจากแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นการกำหนดว่าจะใช้ช่องทางไหน เมื่อไหร่ และบ่อยแค่ไหนในการส่งข้อความถึงลูกค้า ทั้งนี้เพื่อให้การแบรนด์สื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด ภายใต้งบประมาณที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการทำคอนเทนต์ การเลือกช่องทาง หรือการคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ก็ตาม โดยผู้ที่ทำหน้าที่วางแผนสื่อคือ Media Planner ที่ต้องมีความรู้ความเข้าใจลักษณะของสื่อแต่ละประเภท จุดเด่นจุดด้อยของแต่ละช่องทาง และพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย พร้อมกับวิเคราะห์ว่ากลุ่มเป้าหมายใช้เวลากับสื่อไหนมากที่สุด นานแค่ไหน และชอบเนื้อหาแบบไหน เพื่อนำไปวางแผนการใช้สื่อให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด ทั้งตอบโจทย์แบรนด์ โดนใจกลุ่มเป้าหมาย และทำให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ

ทักษะที่ Media Plan ควรมีคืออะไร

Media Planner ที่ดีต้องรู้จักปรับตัวกับเทคโนโลยีและเครื่องมือใหม่ ๆ อยู่เสมอ การศึกษาและทำความเข้าใจกับเครื่องมือดิจิทัลใหม่ ๆ จะช่วยให้การวางแผนสื่อมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การวิเคราะห์คู่แข่งก็สำคัญไม่แพ้กัน ต้องรู้ว่าคู่แข่งทำอะไร ใช้กลยุทธ์แบบไหน แล้วนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับแบรนด์ของตัวเองมากที่สุด

• ความเข้าใจตัวเลขและการวิเคราะห์ข้อมูล ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ
• ความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือวัดผล เช่น Google Analytics 4 และ Facebook Insights
• ทักษะการบริหารจัดการงบประมาณและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
• ความสามารถในการสื่อสารและนำเสนอแผนงานให้เข้าใจง่าย
• ความยืดหยุ่นและการปรับตัวเมื่อผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามแผน

ประเภทของ Media Planning มีอะไรบ้าง

Media Plan สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทด้วยเกณฑ์ต่าง ๆ อาทิ วัตถุประสงค์ทางการตลาด, ช่องทางการสื่อสาร (ออฟไลน์และออนไลน์) และประเภทของสื่อที่เป็นเกณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ดังนี้ 

1. Owned Media

Owned Media คือสื่อที่แบรนด์เป็นเจ้าของและควบคุมได้เอง เช่น เว็บไซต์ บล็อก แอปพลิเคชัน และช่องทางโซเชียลมีเดียของแบรนด์ สื่อประเภทนี้ช่วยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว และแบรนด์สามารถจัดการเนื้อหาได้อย่างอิสระ ข้อดีคือมีต้นทุนต่ำและสามารถเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานได้ แต่ต้องใช้เวลาในการสร้างฐานผู้ติดตาม

2. Paid Media

Paid Media คือสื่อที่แบรนด์ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อพื้นที่โฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งเป็นการลงทุนเพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น การซื้อโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย (Facebook Ads, Instagram Ads, TikTok Ads, YouTube Ads), การทำ Google Ads, การซื้อโฆษณาบนเว็บไซต์ต่าง ๆ ข้อดีของ Paid Media คือควบคุมการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำและวัดผลได้ชัดเจน แต่มีต้นทุนสูงและไม่เกิดผลลัพธ์เพิ่มเมื่อหยุดจ่ายเงิน

3. Earned Media

Earned Media คือสื่อที่เกิดจากการพูดถึงแบรนด์โดยบุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า สื่อมวลชน หรือบุคคลทั่วไป เช่น การรีวิวสินค้า การแชร์คอนเทนต์ การกล่าวถึงในข่าวหรือบทความ Earned Media มีความน่าเชื่อถือสูงเพราะมาจากบุคคลที่สาม แต่ควบคุมได้ยาก การสร้าง Earned Media ที่ดีมักต้องอาศัยการทำ Paid Media และ Owned Media ที่มีคุณภาพเป็นพื้นฐาน

Media Plan มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร

• ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้อย่างแม่นยำ Media Plan ที่ดีบอกให้รู้ว่าลูกค้าของเราอยู่ตรงไหน ชอบดูอะไร ใช้แพลตฟอร์มอะไรบ้าง ทำให้เราสามารถส่งโฆษณาไปหาพวกเขาได้ตรงกลุ่ม ไม่ต้องเสียเงินไปกับการยิงโฆษณาแบบไม่มีทิศทาง
• จัดช่วงเวลาโฆษณาให้เหมาะสม ลูกค้าแต่ละกลุ่มมีเวลาที่เขาพร้อมดูโฆษณาต่างกัน การวางแผนสื่อจะบอกให้เรารู้ว่าควรโฆษณาช่วงไหน บ่อยแค่ไหน เพื่อให้ลูกค้าจำแบรนด์เราได้ โดยไม่รู้สึกรำคาญ
• ใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า Media Plan จะแบ่งงบว่าควรใช้กับช่องทางไหนเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ หรือสื่ออื่น ๆ ทำให้เราได้ผลลัพธ์ดีที่สุดจากงบประมาณที่มี
• ทำโฆษณาส่งเสริมกันหลายช่องทาง การทำโฆษณาหลาย ๆ ช่องทางพร้อมกันทำให้โฆษณาเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อลูกค้าเห็นแบรนด์เราซ้ำ ๆ ในหลายที่ เขาจะจำเราได้ดีขึ้น และมีโอกาสซื้อสินค้ามากขึ้นนั่นเอง
• เห็นได้ว่าอะไรได้ผล อะไรไม่ได้ผล Media Plan ต้องมีการตั้งเป้าหมายและวัดผล ทำให้เรารู้ว่าโฆษณาไหนคนคลิกเยอะ ไหนคนไม่สนใจ และเราสามารถปรับเปลี่ยนได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้แคมเปญจบ
• เปิดโอกาสให้เราแซงหน้าคู่แข่ง การวิเคราะห์ตลาดอย่างละเอียด อาจทำให้เราเจอช่องทางใหม่ ๆ ที่คู่แข่งยังไม่ได้ใช้ หรือวิธีนำเสนอที่แตกต่างจากคนอื่น ซึ่งทำให้แบรนด์เราโดดเด่นมากขึ้น

ขั้นตอนการทำ Media Planning

Media Planning คือกระบวนการสำคัญที่สามารถกำหนดความสำเร็จของแคมเปญการตลาดของธุรกิจได้ ซึ่ง Media Plan ที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจสามารถส่งข้อความไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยจัดสรรงบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับขั้นตอนในการทำ Media Planning นั้น ประกอบไปด้วย 6 ขั้นตอนต่อไปนี้

1. สำรวจและวิเคราะห์ตลาด

ก่อนเริ่มต้นทำ Media Plan จำเป็นต้องเข้าใจสภาพตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคก่อน การสร้างโปรไฟล์กลุ่มเป้าหมาย (Buyer Personas) จะช่วยให้เข้าใจว่าลูกค้าของคุณเป็นใคร มีไลฟ์สไตล์แบบไหน และบริโภคสื่ออะไรบ้าง นอกจากนี้ การศึกษากลยุทธ์ของคู่แข่งก็เป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้คุณมองเห็นช่องว่างในตลาดและโอกาสในการสร้างความแตกต่าง

2. กำหนดวัตถุประสงค์ที่วัดผลได้

การวางแผนสื่อจะมีทิศทางชัดเจนเมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจน วัตถุประสงค์ควรระบุให้แน่ชัดว่าต้องการอะไร เช่น เพิ่มการรับรู้แบรนด์ กระตุ้นยอดขาย หรือสร้างการมีส่วนร่วม เป้าหมายที่ดีควรวัดผลได้และมีกรอบเวลาที่แน่นอน เช่น ต้องการเพิ่มยอดขายออนไลน์ 30% ภายใน 3 เดือน หรือเพิ่มผู้ติดตามในโซเชียลมีเดีย 5,000 คนภายใน 2 เดือน

3. เลือกช่องทางสื่อที่เหมาะสม

ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายและวัตถุประสงค์ จะช่วยให้คุณสามารถเลือกช่องทางสื่อในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ละช่องทางมีจุดเด่นและข้อจำกัดต่างกัน เช่น Facebook เหมาะกับการสร้างการมีส่วนร่วม Instagram เหมาะกับการนำเสนอภาพสินค้าและโปรโมตแบรนด์ ส่วน Google Ads เหมาะกับการเข้าถึงผู้ที่กำลังค้นหาสินค้าบน Google ซึ่งคุณควรกระจายงบประมาณให้เหมาะสมกับแต่ละช่องทางตามพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย

4. กำหนดตารางเวลาและความถี่

ในส่วนของการวางแผนสื่อว่าจะเผยแพร่เมื่อไรและบ่อยแค่ไหน ต้องคำนึงถึงช่วงเวลาที่กลุ่มเป้าหมายมักจะออนไลน์ ช่วงเทศกาลที่เหมาะสมกับสินค้า และกิจกรรมทางการตลาดอื่น ๆ ของบริษัท ตารางเวลาที่ดีควรมีความยืดหยุ่นพอที่จะปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์และผลตอบรับที่ได้รับระหว่างทาง

5. ดำเนินการตามแผน

หลังจากวางแผนเสร็จแล้ว ถึงเวลาลงมือทำ สร้างเนื้อหาที่เหมาะสมกับแต่ละช่องทาง ซื้อสื่อโฆษณาตามแผนที่วางไว้ และเริ่มเผยแพร่ตามตารางเวลา ในขั้นตอนนี้ การประสานงานระหว่างฝ่ายต่าง ๆ เป็นเรื่องสำคัญ มีการสื่อสารที่ชัดเจนว่าใครรับผิดชอบงานส่วนไหน และมีช่องทางรายงานความคืบหน้าที่ทุกคนเข้าถึงได้

6. ติดตามและวัดผล

ระหว่างดำเนินการตามแผน ต้องติดตามผลอย่างต่อเนื่อง โดยการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำ เพื่อดูว่าสื่อแต่ละอย่างทำงานได้ดีแค่ไหน มีการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตามที่คาดไว้หรือไม่ และที่สำคัญคือบรรลุวัตถุประสงค์หรือยัง หากพบว่าบางส่วนไม่เป็นไปตามแผนก็ต้องปรับเปลี่ยนทันที อย่าปล่อยให้งบประมาณถูกใช้ไปกับสิ่งที่ไม่สร้างผลลัพธ์

สรุป

การวางแผนสื่อที่มีประสิทธิภาพเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันธุรกิจให้เติบโตในยุคนี้ Media Plan คือกระบวนการที่ช่วยให้คุณส่งสารไปถึงลูกค้าที่ใช่ ด้วยช่องทางที่ถูกต้อง ในเวลาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือการทำโฆษณาออนไลน์ก็ตาม ทั้งนี้ การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ศึกษาพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมาย และวัดผลอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้แผนสื่อของคุณมีประสิทธิภาพสูงสุดได้