02 DECEMBER 24
198
การพัฒนาบุคลากรถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการส่งพนักงานไปอบรมภายนอกหรือ Public Training คือวิธีที่ช่วยเพิ่มศักยภาพและเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้กับพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เข้าอบรมจากหลากหลายองค์กร พร้อมทั้งเรียนรู้แนวคิดและเทคนิคด้านต่าง ๆ จากผู้เชี่ยวชาญที่สามารถนำมาปรับใช้ในการทำงานได้จริง ANGA Mastery จะพาคุณไปทำความรู้จักว่า Public Training คืออะไร ต่างกับ In-house Training อย่างไรและเหตุผลที่องค์กรควรส่งพนักงานอบรมนอกสถานที่คืออะไรผ่านบทความนี้
Public Training คือการอบรมภายนอกองค์กร ซึ่งเป็นรูปแบบการพัฒนาบุคลากรที่เปิดโอกาสให้พนักงานจากหลากหลายองค์กรได้มาเข้าร่วมการอบรมร่วมกัน โดยมักจะอยู่ในรูปแบบของคอร์สเรียนที่สถาบันหรือหน่วยงานต่าง ๆ จัดขึ้น สถาบันเหล่านั้นจะเปิดคอร์สเรียนหรือเปิดคลาสอบรมแบบ Public Training ในเรื่องที่ตัวเองเชี่ยวชาญ อย่าง ANGA Matery หรือที่บางคนอาจจะรู้จักในนามของ ANGA เป็นเอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญด้านบริการรับทำ SEO และ Performace Marketing จึงเปิดสอน SEO ในรูปแบบของ Public Training เพื่อรองรับผู้เรียนที่สนใจเรื่องการทำ SEO หรือพนักงานทีมการตลาดจากองค์กรต่าง ๆ เป็นต้น
การส่งพนักงานไปอบรมภายนอกองค์กรถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก เพราะหลักสูตรการอบรมพนักงาน สามารถช่วยพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีทักษะด้านต่าง ๆ เช่น ทักษะการเรียนวิธียิงแอด เรียนรู้วิธีการใช้ Google Analytics หรือ แม้กระทั่งการเรียนรู้ทักษะผู้บริหาร เพื่อเตรียมความพร้อมให้พนักงานทุกคนในการเติบโต ซึ่ง Public Training จะเปิดโอกาสให้พนักงานได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญตัวจริงที่มีประสบการณ์เฉพาะด้านโดยตรง พบปะพบเจอผู้คนที่จากหลายสาขาอาชีพ หลายช่วงอายุวัย และทุกคนมีประสบการณ์ในด้านนั้นแตกต่างกันไป ทำให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนมุมมองและมีคอนเนคชั่นเพิ่ม ซึ่งพวกเขาอาจจะกลายมาเป็นพาร์ทเนอร์กับองค์กรของคุณในอนาคตก็ได้
นอกจากนี้ คงไม่พ้นเรื่องของค่าใช้จ่ายที่องค์กรต้องแบกรับ หากต้องการจัดอบรมเองภายในองค์กร เพราะไหนจะค่าจ้างผู้เชี่ยวชาญให้มาสอนหรือบรรยายให้ ค่าอุปกรณ์ หรือค่าระบบเสียง แล้วยังต้องเสียเวลาในการเตรียมงานด้วย รวมถึงเรื่องที่จะเทรนอาจจะเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่ม เฉพาะบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับบางบุคคลเท่านั้น บอกเลยว่าถ้าองค์กรจะจัด In-house Training เอง มันทั้งเหนื่อยและไม่คุ้มเลย ดังนั้น การเลือกส่งพนักงานออกไปอบรมแบบ Public Training จึงเป็นอะไรที่ตอบโจทย์มาก
Public Training คือการอบรมภายนอกองค์กร ส่วน In-house Training คือการอบรมภายในองค์กร ทั้งสองอย่างนี้มีความแตกต่างกันทั้งในด้านรูปแบบการจัดอบรมและเนื้อหา การที่คุณรู้ว่า Public Training ต่างกับ In-house Training อย่างไร จะช่วยให้คุณที่อยู่ในฐานะองค์กรสามารถเลือกวิธีพัฒนาทักษะของพนักงานได้ตรงกับเป้าหมาย และให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยไม่ต้องเสียงบประมาณไปอย่างผิดจุด
แม้ว่า Public Training จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่องค์กรควรพิจารณาก่อนตัดสินใจส่งพนักงานไปอบรม เนื่องจากการอบรมรูปแบบนี้มีเนื้อหาและรูปแบบที่กำหนดไว้แล้ว อาจไม่สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความต้องการเฉพาะขององค์กรได้ทั้งหมด นอกจากนี้ การที่ผู้เข้าอบรมมาจากหลากหลายองค์กรและมีพื้นฐานความรู้ต่างกัน อาจทำให้การเรียนรู้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร โดยเฉพาะในกรณีที่เนื้อหาการอบรมไม่สอดคล้องกับระดับความรู้หรือประสบการณ์ของผู้เข้าอบรม (วิธีแก้คือเริ่มต้นเรียนตั้งแต่คอร์สพื้นฐานและค่อย ๆ ขยับไปเรียนคอร์สที่มีความเฉพาะเจาะจงขึ้น)
องค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรย่อมเล็งเห็นว่า Public Training คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับพนักงาน ด้วยการเรียนรู้จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เข้าอบรมจากต่างองค์กร ช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ ในการทำงานได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ความสำเร็จของการอบรมขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกหลักสูตรที่ตอบโจทย์หรือไม่ เลือกระดับของความลึกของเนื้อหาได้เหมาะสมไหม และการนำความรู้มาประยุกต์ใช้อย่างต่อเนื่องหรือเปล่า หากผู้เข้ารับการอบรมต่อยอดความรู้และนำไปใช้ในชีวิตการทำงานจริงเป็นประจำ รับรองว่าผลลัพธ์มันจะออกมาดีและคุ้มค่าอย่างแน่นอน
พัฒนาสกิลที่ถูกต้องสำหรับผู้นำ
ด้านการตลาดออนไลน์
4 JANUARY
รวบรวมมาให้แล้วกับ 10 คอร์สเรียน Google Analytic ที่มีคุณภาพและน่าสนใจจากสถาบันชั้นนำในปี 2025 ตอบโจทย์ผู้เรียนทุกระดับ และมีครบทุกรูปแบบการสอน
4 JANUARY
3 JANUARY
3 JANUARY
3 JANUARY
3 JANUARY
ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ