02 DECEMBER 24
91
ถ้าพูดถึงการทำ SEO ล่ะก็ บางคนมักจะมองข้ามสิ่งที่เรียกว่า Technical SEO ไป และไปเน้นโฟกัสแค่การทำบทความ SEO ลง On-Page หรือไม่ก็มุ่งไปทาง Backlink เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Off-Page โดยที่ลืมไปว่า Technical SEO คือรากฐานสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์แข็งแกร่งจนสามารถติดอันดับบน Google ได้ วันนี้ ANGA Mastery จะพาคุณมาไขข้อสงสัยเรื่อง Technical SEO แบบจัดเต็ม!
Technical SEO คือการปรับแต่งองค์ประกอบทางเทคนิคต่าง ๆ ของเว็บไซต์ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ Search Engine หรือเครื่องมือค้นหา โดยเฉพาะ Google สามารถเข้าถึง เก็บข้อมูล และทำความเข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้อย่างครบถ้วน การทำ Technical SEO จะครอบคลุมตั้งแต่การจัดการโครงสร้างเว็บไซต์ การปรับแต่งความเร็วในการโหลด การทำให้เว็บไซต์แสดงผลได้ดีบนทุกอุปกรณ์ ไปจนถึงการรักษาความปลอดภัยด้วย SSL Certificate ซึ่งงานในส่วนนี้มักดูแลโดย SEO Developer หรือ Front-end Developer ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
การทำ Technical SEO ที่ดีจะช่วยวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับเว็บไซต์ เพราะนอกจากจะทำให้ Search Engine เข้าใจและจัดอันดับเว็บไซต์ได้ดีขึ้นแล้ว ยังส่งผลโดยตรงต่อประสบการณ์การใช้งานของผู้เข้าชมเว็บไซต์ด้วย เช่น การโหลดหน้าเว็บที่เร็วขึ้น การนำทางระหว่างหน้าที่สะดวก และการแสดงผลที่สวยงามบนทุกขนาดหน้าจอ ทำให้ผู้ใช้อยากอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้นและมีโอกาสกลับมาใช้งานซ้ำ ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ Google ใช้ในการจัดอันดับนั่นเอง
องค์ประกอบหลักของ Technical SEO คือ
Technical SEO สำคัญมากกว่าที่หลาย ๆ คนคิด เปรียบเหมือนรากฐานที่ทำให้เว็บไซต์มีความมั่นคง ทั้งในด้านของการแสดงผลที่ผู้ใช้งานเห็นและในด้านของหลังบ้านเว็บไซต์ที่ Googlebot เห็น ถ้าคุณมีการปรับปรุง Technical SEO จนมีประสิทธิภาพเพียงพอต่อสเปคที่ Google ต้องการและเป็นที่น่าพึงพอใจของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการทำให้เว็บไซต์ใช้งานได้อย่างลื่นไหล เว็บไซต์โหลดเร็วแสดงผลไว โครงสร้างดี เซิร์ฟเวอร์เสถียร ฯลฯ ก็จะทำให้คะแนนด้าน SEO ของเว็บไซต์ดีขึ้น Google จึงช่วยดันอันดับเว็บไซต์คุณให้สูงขึ้นได้นั่นเอง
แล้วอันดับเว็บไซต์มีผลอย่างไรต่อธุรกิจ? อันดับเว็บไซต์ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะยิ่งมีคนมองเห็นเยอะ (Impression) เกิดโอกาสในการคลิกเข้าไปที่เว็บไซต์ เกิดเป็น Traffic พอพวกเขาเข้ามาบนพื้นที่ของคุณ คุณก็สามารถขายของได้อย่างเต็มที่ นำเสนอจุดเด่นของธุรกิจได้แบบจัดเต็ม ซึ่งจะทำให้พวกเขาจดจำคุณได้และมีโอกาสกลายไปเป็นลูกค้านั่นเอง หาก Technical SEO ไม่ดีหรือไม่มีการปรับปรุงใด ๆ อาจส่งผลให้เว็บไซต์สูญเสียโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและพลาดโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญไปได้
สรุปมาให้แล้ว 6 Technical SEO Checklist หรือวิธีปรับปรุง SEO เชิงเทคนิคบนเว็บไซต์ เพื่อผลักดันโอกาสการในติดอันดับ SEO บน Google อย่างยั่งยืน ลองมาจดเช็กลิสต์และเอาไปเป็นแนวทางการทำ Technical SEO ได้เลย ทั้งนี้ แต่ละเว็บไซต์จะมีการใช้ระบบ CMS และปัญหาภายในไม่เหมือนกัน ดังนั้น SEO Specialist ควรปรึกษาและทำงานควบคู่ไปกับ Web Developer จึงจะเป็นการดีที่สุด
ความเร็วในการโหลดเป็นปัจจัยทางเทคนิคที่สำคัญ เริ่มจากการบีบอัดรูปภาพให้มีขนาดเล็กลง แปลงไฟล์ภาพเป็น WebP การลด HTTP requests การ Minify CSS/JavaScript และการใช้ CDN เพื่อกระจายโหลดเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้เว็บโหลดเร็วขึ้นได้
Robots.txt เป็นไฟล์สำหรับกำหนดกฎการเข้าถึงหน้าเว็บของ Search Engine Bot โดยระบุว่าหน้าใดควรหรือไม่ควรถูกเก็บข้อมูล เช่น หน้า Admin หน้า Thank You หรือหน้าที่มีเนื้อหาซ้ำซ้อน เพื่อให้ Bot ใช้เวลาและทรัพยากรในการเก็บข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
XML Sitemap เป็นไฟล์ที่บอก Search Engine ว่ามีหน้าใดบ้างในเว็บไซต์ที่ควรถูกเก็บข้อมูล ต้องสร้างและอัปเดต Sitemap ให้ครอบคลุมทุกหน้าที่ต้องการให้ติดอันดับ พร้อมส่งผ่านเครื่องมือ Google Search Console เพื่อให้ Bot เข้าถึงและจัดทำดัชนี (Index) ได้รวดเร็วขึ้น
การตรวจสอบและแก้ไข Technical Error เช่น 404 Error, 301/302 Redirects, HTTP Error 500, Broken Links และ Server Error ต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญ เพราะปัญหาเหล่านี้ส่งผลต่อการทำงานของ Bot และประสบการณ์ผู้ใช้ ควรใช้เครื่องมืออย่าง Google Search Console ในการตรวจจับและแก้ไขปัญหาอย่างสม่ำเสมอ
Core Web Vitals คือชุดตัวชี้วัดประสิทธิภาพที่ Google ใช้ในการประเมินประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ ประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก คือ LCP (Largest Contentful Paint) วัดความเร็วในการโหลดเนื้อหาหลัก, INP (Interaction to Next Paint) วัดการตอบสนองของหน้าเว็บต่อการกระทำของผู้ใช้งาน และ CLS (Cumulative Layout Shift) วัดความเสถียรของการแสดงผลองค์ประกอบบนหน้าเว็บ การปรับแต่งค่าเหล่านี้ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน
การติดตั้ง SSL Certificate เพื่อเปลี่ยนโปรโตคอลจาก HTTP เป็น HTTPS เป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่ Google ให้ความสำคัญ ต้องตรวจสอบการ Redirect จาก HTTP ไป HTTPS ให้ถูกต้อง และแก้ไขปัญหา Mixed Content เพื่อให้ทุกองค์ประกอบในเว็บใช้งาน HTTPS อย่างสมบูรณ์ที่สุด
Technical SEO คืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพ และทำให้เว็บไซต์ของคุณกลายเป็นลูกรักของ Google โดยความหมายของ Technical SEO คือการปรับแต่งองค์ประกอบทางเทคนิคของเว็บไซต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการจัดอันดับบน Search Engine ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่ความเร็วในการโหลด การจัดการโครงสร้าง ไปจนถึงความปลอดภัยบนเว็บไซต์ และบทความนี้ก็ได้รวบรวมเทคนิคและวิธีการปรับปรุง Technical SEO มาให้คุณเรียบร้อยแล้ว สามารถดูเป็นแนวทางได้เลย แต่ถ้าใครอยากขยับไปทำความเข้าใจเรื่องการวางกลยุทธ์ SEO ล่ะก็ ลองชมรายละเอียดคอร์สเรียน SEO Strategy for Executives จาก ANGA Mastery เพิ่มเติมได้
พัฒนาสกิลที่ถูกต้องสำหรับผู้นำ
ด้านการตลาดออนไลน์
4 JANUARY
รวบรวมมาให้แล้วกับ 10 คอร์สเรียน Google Analytic ที่มีคุณภาพและน่าสนใจจากสถาบันชั้นนำในปี 2025 ตอบโจทย์ผู้เรียนทุกระดับ และมีครบทุกรูปแบบการสอน
4 JANUARY
3 JANUARY
3 JANUARY
3 JANUARY
3 JANUARY
ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ