เคยสงสัยกันไหมว่า เวลาเราเข้าเว็บไซต์โดยพิมพ์แค่ชื่อเว็บ เช่น google.com แล้วระบบรู้ได้อย่างไรว่าเว็บไซต์เราอยู่ที่ไหน คำตอบก็คือทั้งหมดนี้ทำงานอยู่บนสิ่งที่เรียกว่า DNS คือ ระบบเบื้องหลังที่ทำให้ชีวิตบนโลกออนไลน์ของเราง่ายขึ้น แม้คุณจะไม่ใช่สายเทค วันนี้เราจะมาอธิบายให้เข้าใจแบบง่ายๆ พร้อมแนะนำแนวทางในการป้องกันความเสี่ยง และเพิ่มความปลอดภัยให้การใช้งานของคุณ
Table of Contents
DNS คืออะไร
DNS ย่อมาจาก Domain Name System โดย DNS คือ ระบบที่ทำหน้าที่แปลงชื่อเว็บไซต์ที่มนุษย์เข้าใจได้ โดย เช่น facebook.com ให้กลายเป็นหมายเลข IP ที่เครื่องคอมพิวเตอร์เข้าใจได้ เช่น 157.240.22.35 โดยระบบนี้ถูกใช้อยู่ทั่วโลกแบบอัตโนมัติทุกครั้งที่เราเข้าเว็บ
ทำไมเราถึงต้องใช้ DNS
ลองนึกภาพว่าทุกครั้งที่คุณจะเข้าเว็บไซต์ ต้องจำหมายเลข IP ยาวๆ แทนชื่อเว็บ นั่นคงไม่สะดวกแน่ๆ ดังนั้น dns คืออะไร ก็คือเครื่องมือแปลภาษาระหว่างมนุษย์กับระบบ (Device) ที่ช่วยให้เราใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่ได้มีพื้นฐานด้านเทคนิค
หลักการทำงานของ DNS
การเข้าใจหลักการทำงานของ DNS จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของการใช้อินเตอร์เน็ตได้ชัดเจนขึ้น แม้คุณจะไม่ใช่สายเทคก็ตาม
ขั้นตอนการทำงานของ DNS
- ผู้ใช้พิมพ์ชื่อเว็บลงใน Browser
- เครื่องจะส่งคำขอไปยัง DNS Resolver
- Resolver จะส่ง Request ไปยัง Root Server
- Root Server ส่งต่อไปยัง TLD Server
- TLD Server ส่งต่อไปยัง Authoritative Server
- เมื่อได้ IP Address มาแล้ว ก็จะนำมาใช้ในการโหลดเว็บไซต์ให้กับคุณ (Client-side)
ตัวอย่างกระบวนการ DNS Resolution
เมื่อคุณเข้าเว็บ www.angamastery.co.th ระบบ DNS จะช่วยแปลงชื่อโดเมนให้กลายเป็นหมายเลข IP Address ตามขั้นตอนการทำงานในหัวข้อด้านบน หลังจากนั้นในฝั่ง Client ก็จะสามารถเข้าถึงหน้าเว็บ ANGA MASTERY ได้ตามปกติ
องค์ประกอบของระบบ DNS
ก่อนที่ระบบ DNS จะสามารถแปลงชื่อเว็บไซต์ให้กลายเป็น IP Address ได้นั้น จำเป็นต้องมีองค์ประกอบหลายส่วนที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยแต่ละส่วนมีหน้าที่เฉพาะ เช่น การจัดเก็บข้อมูลชื่อโดเมน การแปลชื่อให้เป็นหมายเลข IP และการส่งข้อมูลต่อไปยังผู้ใช้ หากเข้าใจองค์ประกอบเหล่านี้ จะช่วยให้มองภาพการทำงานของ DNS ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
1.Domain Name Space (โครงสร้างชื่อโดเมน)
- เป็นลำดับชั้น (Hierarchy) ของชื่อโดเมน เช่น www.example.com
- แบ่งเป็นระดับ Root (.) → Top-Level Domain (TLD เช่น .com, .org, .th) → Second-Level Domain (example) → Subdomain (www)
2.DNS Server (Nameserver)
- Root Name Server: จุดเริ่มต้นของการค้นหาข้อมูล DNS
- Top-Level Domain Server (TLD Server): เก็บข้อมูลสำหรับ TLD (.com, .org, .th)
- Authoritative DNS Server: เก็บข้อมูลจริงของโดเมน เช่น example.com ว่าชี้ไปที่ไหน
- Recursive DNS Resolver: ตัวกลางที่รับคำถามจากผู้ใช้ แล้วไปตามหาคำตอบจาก Root → TLD → Authoritative
3.Resource Records (RRs) ข้อมูลที่เก็บใน DNS Server เช่น
- A Record: ชี้โดเมนไปยัง IPv4 Address
- AAAA Record: ชี้โดเมนไปยัง IPv6 Address
- CNAME Record: ตั้งชื่อแทน (Alias) ของโดเมน
- MX Record: บอก Mail Server
- NS Record: ระบุ Nameserver ของโดเมน
- TXT Record: เก็บข้อความ เช่น SPF, DKIM
4.Resolver (DNS Client)
- ส่วนที่อยู่ในคอมพิวเตอร์/มือถือของผู้ใช้งาน ทำหน้าที่ส่ง Request DNS ไปยัง Recursive DNS Resolver
5.Cache (DNS Caching)
- ระบบเก็บ Cache ที่ Resolver และ Client เพื่อให้การค้นหาเร็วขึ้น โดยมี TTL (Time To Live) ควบคุมอายุของข้อมูล
Domain Name และ IP Address คืออะไร
Domain Name เป็นชื่อเว็บไซต์ที่เราเรียกกัน ส่วน IP Address คือชุดตัวเลขที่ระบบคอมพิวเตอร์ใช้ในการสื่อสารกัน DNS คือระบบที่แปลจากชื่อเป็นหมายเลขเพื่อให้การเชื่อมต่อเกิดขึ้นได้
DNS Server คืออะไร
DNS Server คือเครื่องแม่ข่ายที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับชื่อโดเมนและ IP Address และเป็นตัวกลางในการค้นหาข้อมูลชื่อเว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานเรียก
ประเภทของ DNS Server
ระบบ DNS ไม่ได้ทำงานเพียงแค่เซิร์ฟเวอร์เดียว แต่ประกอบด้วยเซิร์ฟเวอร์หลายประเภทที่ทำหน้าที่ต่างกัน โดยทำงานร่วมกันเป็นลำดับขั้นจากการ Request คำขอไปจนถึงการค้นหาคำตอบที่ถูกต้องในรูปแบบของ IP Address แต่ละประเภทของ DNS Server
1. Recursive Resolver
ทำหน้าที่รับคำขอจากผู้ใช้งาน และตามหา IP Address ให้จนกว่าจะเจอคำตอบ
2. Root Name Server
ชี้ให้ Resolver ทราบว่าควรไปหาชื่อโดเมนจากที่ใด
3. TLD Server
จัดการข้อมูลของโดเมน เช่น .com .net .th
4. Authoritative Server
เป็นแหล่งข้อมูลสุดท้ายที่ทำหน้าที่ตอบกลับ IP จริงของเว็บไซต์นั้น
DNS มีประโยชน์อย่างไร
- ช่วยให้เราไม่ต้องจำ IP Address เอง
- เร่งความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ (ด้วยการทำ Caching ข้อมูล DNS)
- รองรับการใช้งานจากอุปกรณ์ต่างๆ ในทุกๆ Devices ได้อย่างราบรื่น
- เป็นพื้นฐานสำคัญในการทำเว็บไซต์และ Technical SEO
หากคุณสนใจในด้าน SEO หรือต้องการเรียนผ่าน คอร์สเรียน SEO ว่าการทำ SEO คืออะไร ควรเริ่มจากเข้าใจพื้นฐานเรื่อง DNS ก่อน เพราะเกี่ยวข้องกับทั้งความเร็ว ความปลอดภัย และโครงสร้างของเว็บไซต์นั่นเอง
ความปลอดภัยของระบบ DNS
แม้ว่า DNS จะเป็นระบบพื้นฐานที่ช่วยให้เราท่องเว็บได้อย่างสะดวก แต่ในอีกมุมหนึ่ง DNS ก็เป็นจุดที่ผู้ไม่หวังดีมักใช้เป็นช่องทางโจมตีหรือดักข้อมูลผู้ใช้งาน หากไม่มีการป้องกันที่เหมาะสม อาจเสี่ยงต่อการถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ปลอม หรือถูกแอบดูข้อมูลที่รับส่งระหว่างเครื่องของคุณกับปลายทาง
ปัญหาด้านความปลอดภัยที่พบบ่อย
DNS อาจถูกโจมตีได้ เช่น DNS Spoofing ที่หลอกให้ผู้ใช้เข้าเว็บปลอม หรือ DNS Hijacking ที่เปลี่ยนปลายทางของการเชื่อมต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต
การป้องกันด้วย DNS over HTTPS (DoH)
DoH เป็นการเข้ารหัสข้อมูล DNS ช่วยให้ผู้ไม่หวังดีไม่สามารถสอดแนม หรือเปลี่ยนปลายทางข้อมูลได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะเวลาเข้าเว็บจากเครือข่ายสาธารณะ
หากคุณใช้ DNS จากผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้ เช่น Cloudflare คือ อีกหนึ่งทางเลือกที่ปลอดภัยและเร็วมากในปัจจุบัน
รู้หรือไม่ คุณสามารถตรวจสอบ DNS ด้วยตัวเองได้
ANGA MASTERY ขอนำเสนอ Tool ที่ SEO Specialist ในเอเจนซี่ของเราใช้งานกันจริงๆ นั่นก็คือ WHOIS (https://who.is/) โดยวิธีใช้งานง่ายมากๆ เพียงแค่คุณนำ URL ของเว็บไซต์คุณเข้าไปใส่บน WHOIS คุณก็จะสามารถตรวจสอบรายละเอียดเบื่องต้นบนเว็บไซต์คุณได้แล้ว ตัวอย่างเช่น
- ข้อมูลการจดทะเบียนโดเมน (Registration Data)
- ข้อมูลผู้ให้บริการจดทะเบียน (Registrar)
- วันที่โดเมนถูกสร้าง (Creation Date)
- วันที่มีการแก้ไขล่าสุด (Updated Date)
- วันหมดอายุ (Expiration Date)
- รายชื่อ DNS Servers ที่ชี้โดเมนนั้นๆ (Nameservers, Hostname)
- สถานะของโดเมน (Domain Status)
ยกตัวอย่าง Use Case ที่ทางเอเจนซี่ ANGA Bangkok ใช้งานกันจริงๆ เช่น เมื่อทาง SEO Specialist ตรวจสอบความผิดปกติบนเว็บไซต์ของลูกค้า เช่นการวิ่งเข้ามาของ Spam ที่ตรวจพบบน Google Search Console (GSC) สิ่งหนึ่งที่เราสามารถสันนิษฐานได้เลย คือการใช้ Shared Hosting หรือ Hosting ที่ไม่ได้มี Security หรือมาตรฐานสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณปลอดภัย ดังนั้น การเข้ามาใช้งาน WHOIS เพื่อตรวจสอบ Nameservers เบื้องต้น ก็จะทำให้รู้ในขั้นต้น ว่าเว็บไซต์ของคุณปลอดภัยแค่ไหน มีการเชื่อมต่อกับ Cloudflare เพื่อความปลอดภัยของเว็บไซต์หรือไม่
สรุปเกี่ยวกับ DNS คืออะไร?
DNS คือระบบสำคัญที่ทำงานอยู่เบื้องหลังอินเทอร์เน็ตทุกวันโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว แม้จะไม่ใช่สายเทค ก็สามารถเข้าใจหลักการพื้นฐานได้ และสามารถนำไปต่อยอด เช่น การทำเว็บไซต์ การใช้งาน VPN หรือแม้แต่การพัฒนาเว็บด้วย SEO WordPress
ยิ่งคุณเข้าใจระบบ DNS มากเท่าไหร่ การใช้งานเว็บและการเข้าเว็บที่ถูกบล็อกก็จะยิ่งปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เขียนโดย: Sattawat Srijun (ศิษย์เก่าคลาส Advanced SEO Content Writing Batch 1)










