การตลาด (Marketing) เป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจไม่ควรมองข้ามไป โดยเฉพาะกับธุรกิจรถยนต์ เพราะการทำการตลาดจะช่วยลดช่องว่างระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคได้ดี ทำให้ทั้งสองฝ่ายใกล้ชิดและรู้ใจกันมากขึ้น หากคุณใช้กลยุทธ์การตลาดรถยนต์ที่เหมาะสมและวางแผนการตลาดรถยนต์ได้อย่างแยบยล ก็จะช่วยสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และความเชื่อมั่นในแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูง ๆ อย่างรถยนต์นั่นเอง ANGA Mastery ขอแชร์กลยุทธ์การตลาดรถยนต์ที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตเหนือคู่แข่งในปี 2025 ถ้าพร้อมแล้วเราไปติดตามอ่านกันได้เลย
ประโยชน์ของการทำการตลาดรถยนต์
- ทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบหรือต้องการซื้อรถยนต์
- สร้างภาพลักษณ์และเพิ่มชื่อเสียงให้แก่ธุรกิจ ทำให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือ
- นำข้อมูลที่ได้จากการทำการตลาดมาวิเคราะห์ เพื่อศึกษาความต้องการของผู้บริโภค ทำให้รู้ว่าควรปรับปรุงกลยุทธ์และทำการตลาดรถยนต์อย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม
- สร้างฐานลูกค้าที่มีคุณภาพและมีโอกาสซื้อซ้ำหรือบอกต่อสูง
- สร้างผลกำไร เพิ่ม ROI และทำให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้
เปิด 5 กลยุทธ์การตลาดรถยนต์ 2025
การตลาดรถยนต์มีการเปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้บริโภคในยุคนี้ไม่เพียงแค่ต้องการซื้อรถยนต์ที่มีสมรรถนะดี แต่ยังมองหาประสบการณ์การซื้อและการใช้งานที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตด้วย การทำการตลาดรถยนต์จึงจำเป็นต้องผสมผสานทั้งการสื่อสารที่ตรงประเด็น คอนเทนต์ที่ตอบโจทย์โดนใจ และรวมไปถึงการมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่พวกเขาตลอด Customer Journey ด้วย มาดูกันว่ากลยุทธ์การตลาดที่ธุรกิจรถยนต์ไม่ควรพลาดมีอะไรกันบ้าง
1. ทำโฆษณา Google Ads
Google Ads เป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ การลงโฆษณาบน Google จะช่วยให้ธุรกิจของคุณไปแสดงอยู่ในตำแหน่งสูง ๆ เหนือผลการค้นหาแบบ Organic (SEO Marketing) บนหน้าแสดงผลการค้นหา ทำให้มีคนมองเห็นเยอะ และเพิ่มโอกาสในการได้ลูกค้าที่มีความสนใจและพร้อมจะซื้อรถยนต์จริง ๆ นอกจากนี้ยังสามารถวัดผลและปรับแต่งแคมเปญให้แม่นยำขึ้นได้ตลอด ทำให้การใช้งบประมาณการตลาดมีความคุ้มค่าไม่เสียเปล่า สามารถติดตามและวัดผลแคมเปญได้โดยการใช้เครื่องมือฟรีจาก Google อย่าง Google Analytics และ Google Tag Manager
- คู่มือติดตั้ง Google Analytics
- สอนติดตั้ง Google Tag Manager
- คอร์สเรียน Google Ads สอนยิงแอดผ่าน Google ให้โดดเด่นอย่างมืออาชีพ
- คอร์สเรียน Google Analytics 4 สอนใช้งาน GA4 ทุกฟีเจอร์สำคัญ โดยตรงจากเอเจนซี่
2. สร้างเว็บไซต์และทำ SEO
การมีเว็บไซต์ธุรกิจและทำ SEO (Search Engine Optimization) ควบคู่กันไปด้วย จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ผ่านการแสดงผลแบบ Organic บน Google ได้เป็นอย่างดี นอกจากจะทำให้กลุ่มเป้าหมายสามารถค้นหาข้อมูลรถยนต์ได้สะดวกและนำไปสู่การตัดสินใจซื้อที่ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนในการทำการตลาดรถยนต์ในระยะยาวด้วย เช่น คนค้นหาคำว่า “รถยนต์มือ 2” “รถไฟฟ้าราคาไม่เกิน 1 ล้าน” “เปลี่ยนยางรถยนต์ใกล้ฉัน” และ อื่นๆ user จะต้องเจอเว็ปไซต์ของเราแสดงผลอยู่ ดังนั้นการทำ SEO ในธุรกิจรถยนต์ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่ต้องทำและคุ้มค่าเพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทุกวันเหมือน Google Ads การทำ SEO มีหลากหลายส่วนไม่ว่าจะเป็น การปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้โหลดเร็วและง่ายต่อการใช้งาน, การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ใช้งานบนมือถือได้, การทำบทความ SEO ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์, การทำ On-Page SEO, การสร้าง Link Building หรือ Backlink และรวมไปถึงการปรับปรุง Technical SEO ด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น การทำ SEO จำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของผู้ทำ เราจึงแนะนำให้คุณลงคอร์สเรียน SEO หรือจ้างเอเจนซี่ที่มีบริการรับทำ SEO มาช่วยทำในช่วงแรกจะเป็นการดีที่สุด
3. สร้าง Google Business Profile
Google Business Profile หรือที่เรารู้จักในชื่อเดิม Google My Business เป็นเครื่องมือในการทำ Local SEO ที่ตอบโจทย์ธุรกิจรถยนต์ที่มีโชว์รูมหรือหน้าร้านอย่างมาก ซึ่งจะเป็นการที่คุณสร้างบัญชีและใส่รายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจของคุณลงไป ทั้งข้อมูลธุรกิจ ที่ตั้ง วันเวลาในการเปิดทำการ เบอร์โทรศัพท์ รูปภาพ ฯลฯ เมื่อกลุ่มเป้าหมายค้นหาธุรกิจรถยนต์ในย่านนั้นก็จะพบกับธุรกิจของคุณได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ คุณยังสามารถเชิญชวนให้ลูกค้าเข้ามารีวิว เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือได้อีกด้วย ข้อดีคือลูกค้าหาร้านของคุณง่าย เดินทางมาสะดวก และติดต่อกับคุณได้อย่างรวดเร็วทันใจ
4. อัปเดตคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ
สร้างคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายและเกี่ยวข้องกับธุรกิจในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบทความ, Infographic, วิดีโอสั้น, วิดีโอยาว หรือพอดแคสต์ และอัปเดตลงบนช่องทางต่าง ๆ ที่มีอยู่ เช่น TikTok, Facebook, Instagram, Website หรือ YouTube เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเห็นว่าคุณคือผู้เชี่ยวชาญเรื่องรถยนต์ตัวจริง มีการอัปเดตข้อมูลข่าวสารอยู่ตลอดเวลา ดูน่าสนใจและแตกต่างกับคู่แข่ง (อาจจะสร้างเป็นโฆษณาสินค้าโน้มน้าวใจแล้วเอาไปยิงแอดก็ได้) ซึ่งแนะนำให้วางแผนการสร้างคอนเทนต์ผ่าน Content Pillar เพื่อให้มองเห็นภาพรวมได้อย่างชัดเจนและทำให้คอนเทนต์มีประสิทธิภาพมากที่สุด
5. ให้อินฟลูเอนเซอร์ช่วยโปรโมต
อีกหนึ่งวิธีการทำการตลาดรถยนต์ที่ได้ผลดีมาก ๆ ในตอนนี้คือการให้อินฟลูเอนเซอร์ที่ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับรถยนต์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มาโปรโมตธุรกิจของคุณให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น อาจจะแชร์ประสบการณ์ในการใช้รถยนต์ แนะนำรถยนต์ แนะนำศูนย์บริการรถยนต์ ฯลฯ และสอดแทรกการแนะนำธุรกิจของคุณลงไปอย่างแนบเนียนและเป็นธรรมชาติ ซึ่งอินฟลูเอนเซอร์เป็นกลุ่มผู้ที่มีอิทธิพล พวกเขาสามารถชักจูงให้ผู้ติดตามหรือผู้ชมคล้อยตามได้ดี ด้วยภาพลักษณ์ที่เข้าถึงง่ายและภาพรวมของคอนเทนต์ที่เคยทำจากประสบการณ์ที่ผ่านมา
สรุป
ธุรกิจรถยนต์ต้องการอาศัยความน่าเชื่อถือสูง เพราะสินค้ามีมูลค่าสูง ผู้บริโภคจึงต้องใช้ระยะเวลาในการตัดสินใจนาน เนื่องจากต้องศึกษาให้มั่นใจก่อนว่ารถยนต์รุ่นไหนตอบโจทย์พวกเขาที่สุด หรือควรจะซื้อรถยนต์ที่ไหนจะได้ไม่โดนหลอกลวง ดังนั้น การทำการตลาดรถยนต์ (Automobile Marketing) จึงมีความสำคัญมาก คุณควรมีงบประมาณให้กับตรงนี้ด้วย สำหรับกลยุทธ์การตลาดรถยนต์ที่เราได้แนะนำไปในบทความนี้ก็มีทั้งหมด 5 กลยุทธ์ด้วยกัน สามารถเริ่มต้นจากการทำเว็บไซต์และ SEO ก่อนได้เลย จากนั้นก็ยิงแอดและทำการตลาดบนช่องทางอื่น ๆ เสริม
