19 MAY 25
22
ในตอนนี้ ไม่ว่าธุรกิจไหน ๆ ก็หันมาเขียนบทความหรือทำคอนเทนต์เสิร์ฟผู้บริโภคกันทั้งนั้น เพราะคอนเทนต์ที่มีประโยชน์จะช่วยดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาหาแบรนด์เอง แบบธรรมชาติ ซึ่งเป็นหนึ่ง Inbound Marketing ที่สำคัญ ในทุก ๆ เดือนเราต้องทำคอนเทนต์จำนวนมากและต้องคิดหัวข้อใหม่อยู่ตลอด เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ ตรงนี้อาจกลายทำให้นักเขียนเจอปัญหาไอเดียตันและต้องทำงานแข่งกับเวลามาก ๆ ได้ ANGA Mastery เลยอยากจะมาแชร์ 15 AI ช่วยเขียนบทความที่จะเข้ามาแบ่งเบาภาระ ทำให้งานของคุณเสร็จเร็วขึ้น และไม่ต้องปวดหัวคิดค้นหาไอเดียหรือทำ Keyword Research ด้วยตัวเองทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการให้ AI เขียนบทความ SEO, บทความสำหรับโพสต์ลง Facebook Page, Copywriting ประกอบแคมเปญโฆษณา หรือจะเป็น Cation ก็ตาม
AI Writer คือเครื่องมือที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยผู้ใช้งานสร้างเนื้อหาในรูปแบบต่าง ๆ โดยใช้อัลกอริทึมและฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่เรียนรู้จากข้อมูลในอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีนี้ทำงานได้หลากหลายตั้งแต่แนะนำหัวข้อ เขียนเนื้อหา ตรวจไวยากรณ์ ไปจนถึงปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งการใช้ AI เขียนบทความจะช่วยให้การผลิตคอนเทนต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การสร้างเนื้อหาคุณภาพด้วยตนเองต้องใช้เวลาเยอะมาก ทั้งค้นคว้าข้อมูล วางโครงเรื่อง และลงมือเขียน แต่ การให้ AI เขียนบทความช่วยลดขั้นตอนพวกนี้ได้เยอะเลย โดยสามารถผลิตเนื้อหาออกมาได้ในเวลาแค่ไม่กี่นาที ไม่ว่าจะเป็นบทความทั่วไป บทความวิชาการ หรือบทความสำหรับทำ SEO ก็ตาม ช่วยให้คุณมีเวลาไปทำงานสร้างสรรค์อื่น ๆ ที่สำคัญกว่าได้
AI ไม่มีปัญหาเรื่องความเหนื่อยล้าหรือขาดแรงบันดาลใจ ทำให้ผลิตเนื้อหาได้ต่อเนื่องและสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดภาวะไอเดียหมดหรือเขียนไม่ออก สำหรับธุรกิจที่ต้องปล่อยคอนเทนต์เป็นประจำ การใช้ AI เขียน Content จึงเป็นตัวช่วยเด็ดในการรักษาตารางการเผยแพร่เนื้อหาให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้
AI มีความสามารถสร้างเนื้อหาได้หลายรูปแบบมาก ๆ ตั้งแต่ Blog, Email Marketing, Social Media Content ไปจนถึง Ads Copy และ Product Description นอกจากนี้ยังปรับโทนเสียงและสไตล์การเขียนให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันได้ด้วย ทำให้การสื่อสารกับคนอ่านได้ตรงจุดมากขึ้น
นอกจากจะให้ AI ช่วยเขียนบทความแล้ว คุณยังสามารถใช้ AI ในการวิเคราะห์ Keyword (คำค้นหา) และเทรนด์การค้นหาได้แม่น ๆ ช่วยให้บทความ SEO ของเรามีโอกาสติดอันดับสูงบนหน้าแสดงผลการค้นหาของ Search Wngine อย่าง Google นอกจากนี้ยังช่วยจัดโครงสร้างเนื้อหาให้เป็นมิตรกับ SEO และสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ ทำให้ Website Traffic เพิ่มขึ้นและเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้า
แม้ว่า AI จะไม่สามารถแทนที่ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ได้ทั้งหมด แต่มันเป็นเครื่องมือกระตุ้นไอเดียได้ดีเลย โดย AI จะช่วยแนะนำหัวข้อเจ๋ง ๆ ให้มุมมองที่แตกต่าง หรือเทรนด์ใหม่ ๆ ที่กำลังฮิต ทำให้นักเขียนมีไอเดียมากขึ้นและสามารถนำไปต่อยอดเป็นเนื้อหาที่มีเอกลักษณ์และน่าสนใจได้
เรารวบรวม AI ช่วยเขียนบทความมาให้แล้ว 15 ตัวด้วยกัน รองรับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องทำงานเกี่ยวกับการเขียนและต้องการผลิตเนื้อหาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง สามารถเขียนคอนเทนต์ได้หลากหลายประเภทและยืดหยุ่นได้ตามความต้องการ ประหยัดเวลาและแรงในการทำงานได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้ฟรีด้วย ไปดูกันว่าจะมี AI ตัวไหนบ้าง
ChatGPT ถือเป็นผู้บุกเบิกด้าน AI เขียนบทความที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน พัฒนาโดย OpenAI สามารถเข้าใจและโต้ตอบด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติจนแทบแยกไม่ออกว่าเขียนโดย AI หรือมนุษย์ โดยเฉพาะการประมวลผลภาษาไทยที่ทำได้น่าประทับใจเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เวอร์ชันล่าสุด ChatGPT 4o สามารถรองรับการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่การแต่งบทกวี วิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการเขียนโค้ดโปรแกรม
Google เปิดตัว Gemini ซึ่งเป็นการปรับโฉมใหม่จาก Bard เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด AI คุณภาพสูง จุดแข็งของ Gemini อยู่ที่การผสานความสามารถด้านการค้นหาของ Google เข้ากับความสามารถด้าน AI ทำให้ข้อมูลที่ได้มีความทันสมัยและอ้างอิงจากแหล่งที่เชื่อถือได้ โดดเด่นเรื่องการรองรับการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน Google อื่น ๆ เช่น Docs, Gmail และ Drive โดยสามารถสรุปข้อมูล สร้างเนื้อหา และวิเคราะห์เอกสารได้ในระบบนิเวศของ Google
นวัตกรรม AI จากบริษัท Anthropic ที่มีจุดเด่นในการตอบคำถามอย่างเป็นเหตุเป็นผล มีความชัดเจน และน่าเชื่อถือ Claude ได้รับการออกแบบให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและจริยธรรม จึงมีการกลั่นกรองคำตอบที่อาจเป็นอันตรายหรือผิดกฎหมายออกไป สำหรับงานเขียนนั้น Claude สามารถสร้างบทความภาษาไทยได้อย่างน่าทึ่ง มีความลื่นไหล เป็นธรรมชาติ และใช้สำนวนโวหารได้อย่างสละสลวย เข้าใจนัยและบริบทของภาษาได้ลึกซึ้ง
Perplexity เปลี่ยนโฉมการสืบค้นข้อมูลแบบเดิม ๆ ด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาผสานกับการค้นหา ทำให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและมีการอ้างอิงชัดเจน เรียกได้ว่าเป็นเสิร์ชเอนจินที่มี AI เป็นผู้ช่วย จุดเด่นของ Perplexity คือการตอบคำถามแบบตรงประเด็น พร้อมระบุแหล่งอ้างอิงให้สามารถตรวจสอบได้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักเขียนหรือนักการตลาดที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกและน่าเชื่อถือเพื่อสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ
หนึ่งในเครื่องมือ AI สร้างเนื้อหาที่มีจุดขายโดดเด่นด้านความคุ้มค่า ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง $9 ต่อเดือน แต่อัดแน่นไปด้วยฟังก์ชันครบครัน เหมาะสำหรับมือใหม่ที่กำลังเริ่มใช้เทคโนโลยี AI ในการช่วยเขียน นอกจากอินเทอร์เฟซที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนแล้ว Rytr ยังมีเครื่องมือพิเศษอย่าง "Continue Ryting" ที่สามารถขยายข้อความสั้น ๆ ให้กลายเป็นย่อหน้ายาวได้ในพริบตา และยังสามารถปรับเปลี่ยนโทนเสียงของเนื้อหาได้มากกว่า 20 แบบ ตั้งแต่สไตล์เป็นกันเองไปจนถึงแบบวิชาการเลยทีเดียว
หากมองหา AI ที่สามารถผลิตเนื้อหาคุณภาพสูงในเวลาอันรวดเร็ว Copy.ai คือคำตอบที่น่าสนใจ คลังเครื่องมือกว่า 90 รูปแบบของมันให้อิสระในการสร้างสรรค์เนื้อหาได้แทบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบทความ จดหมาย หรือโพสต์บนโซเชียลมีเดีย ฟีเจอร์ที่ได้รับความชื่นชมมากที่สุดคือ "Real-time Search" ที่ช่วยให้ AI ดึงข้อมูลล่าสุดจากทั่วโลกมาประกอบการสร้างเนื้อหา ทำให้บทความมีความทันสมัยและอ้างอิงข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีระบบ "Prompt Improvement" ที่ช่วยปรับแต่งคำสั่งของคุณให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
เปรียบเสมือนมือขวาสำหรับนักการตลาดและครีเอทีฟมืออาชีพ Jasper ทำงานภายใต้ปรัชญา "คุณภาพมาก่อนปริมาณเสมอ" ด้วยเทคโนโลยี Brand IQ ที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ Jasper สามารถเรียนรู้ลักษณะการเขียนและโทนเสียงของแบรนด์คุณ แล้วนำมาสร้างเนื้อหาที่มีเอกลักษณ์ได้ ไม่ว่าใครในองค์กรจะเป็นผู้ใช้งานก็ตาม
ถ้าคุณจริงจังกับการทำ SEO นี่คือเครื่องมือที่ต้องลอง Frase.io ไม่ได้เป็นแค่ AI เขียนบทความธรรมดา แต่เป็นผู้ช่วยที่จะทำให้คุณแซงหน้าคู่แข่งบนหน้าผลการค้นหาได้อย่างมีกลยุทธ์ จุดเด่นอยู่ที่ระบบ Research ที่จะแกะบทความทั้ง 20 อันดับแรกบน Google ให้คุณดูว่าใครใช้หัวข้ออะไร มีคำสำคัญอะไร แล้วคนถามคำถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง ทำให้คุณเขียนบทความที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ผู้อ่านได้ดีกว่า ไม่ต้องเดาว่าควรเขียนอะไร แต่รู้เลยว่าต้องเขียนอะไรถึงจะชนะคู่แข่ง
Writesonic เหมาะมากสำหรับคนงบน้อยแต่อยากได้ AI คุณภาพดี เพราะแผนไม่จำกัดคำเริ่มต้นแค่ $20 เท่านั้น ทำให้คุ้มกว่าหลายเจ้าในตลาด แต่อย่าคิดว่าถูกแล้วจะไม่ดีนะ เพราะคุณภาพงานเขียนที่ได้ไม่ธรรมดาเลย เนื้อหาที่ได้อ่านลื่น มีโครงสร้างชัดเจน และใช้ภาษาเป็นธรรมชาติมาก ๆ Writesonic มีเครื่องมือครบครันกว่า 80 อย่าง ไม่ว่าจะเขียนบทความ ทำโฆษณา เขียนอีเมล สร้างแคปชั่น หรือแม้แต่คำอธิบายสินค้า ทำได้หมดในที่เดียว
คนชอบฟรีต้องปลื้ม เพราะ YouChat ให้ใช้ฟรีแบบไม่มีกั๊ก ไม่มีข้อจำกัด โดยไม่ต้องจ่ายสักบาท พัฒนาโดยทีม You.com เลยได้เปรียบตรงที่เข้าถึงข้อมูลออนไลน์ล่าสุดได้เร็วมาก พอถามอะไรหรือขอให้เขียนบทความ นอกจากได้คำตอบดี ๆ แล้ว ยังมีลิงก์แหล่งอ้างอิงแนบมาให้ด้วย ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ได้ไม่ได้มาจากการเดา หน้าตาแอปก็ใช้ง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ไม่อยากปวดหัวกับเครื่องมือซับซ้อน
Seapik AI เน้นการทำคอนเทนต์การตลาดและงานโฆษณาโดยเฉพาะ เครื่องมือตัวนี้มีจุดเด่นในการสร้างข้อความที่กระตุ้นยอดขายและเพิ่มการมีส่วนร่วมจากลูกค้า สามารถทำงานได้หลากหลายตั้งแต่งานเขียนโฆษณา รวมถึงบทความอื่น ๆ และอีเมลให้น่าสนใจ หรือคำอธิบายสินค้าก็ทำได้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถปรับโทนเสียงของงานเขียนให้เข้ากับแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเหมาะสม
Copyleaks ไม่ได้เป็น AI ช่วยเขียนบทความโดยตรง แต่เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักเขียนทุกคน มันช่วยตรวจจับการลอกเลียนเนื้อหาได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากสำหรับงาน SEO เนื่องจาก Google ให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่เป็นต้นฉบับ หากเนื้อหาซ้ำกับแหล่งอื่น อันดับบน Google จะลดลงอย่างรวดเร็ว Copyleaks สามารถตรวจจับได้ละเอียดตั้งแต่วลีที่ซ้ำกัน คำศัพท์ที่มีลักษณะเฉพาะ ไปจนถึงโครงสร้างประโยคที่มีความคล้ายคลึงกัน
Anyword เป็น AI ที่มีความแตกต่างด้วยความสามารถในการทำนายประสิทธิภาพของเนื้อหา ด้วยฟีเจอร์ Predictive Performance Scoring ที่ไม่มีในเครื่องมืออื่น สามารถให้คะแนนเนื้อหาที่สร้างว่าจะมีประสิทธิภาพในการดึงดูดผู้อ่านได้มากน้อยเพียงใด ช่วยให้ทราบล่วงหน้าถึงผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้รับ เหมาะสำหรับนักการตลาดที่ต้องการคอนเทนต์ที่นำไปสู่การคลิก การซื้อ หรือการสมัครสมาชิก
สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ Copysmith ถือเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ได้ดี เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในการสร้างคอนเทนต์สำหรับร้านค้าออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นคำอธิบายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ข้อความโฆษณาที่ช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นลูกค้า โพสต์โซเชียลที่นำเสนอสินค้าได้น่าสนใจ หรือบทความที่สร้างแรงจูงใจให้ลูกค้า ฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือ Bulk Content Generation ที่ช่วยให้สร้างเนื้อหาจำนวนมากได้พร้อมกัน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับร้านค้าที่มีสินค้าหลากหลาย
Prompt Lab เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง จัดการ และทดสอบ Prompts (คำสั่ง) สำหรับโมเดล AI อย่าง GPT-3 หรืออื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด การป้อนคำสั่งให้ AI เขียนบทความเป็นทักษะสำคัญที่ต้องเรียนรู้ วิธีการถามที่ถูกต้องจะนำไปสู่คำตอบที่มีคุณภาพ Prompt Lab มีทั้งเครื่องมือสร้าง Prompts และคลังรวบรวม Prompts ที่มีประสิทธิภาพจากผู้ใช้ทั่วโลก
เทคโนโลยี AI ช่วยเขียนบทความ ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักการตลาดและนักเขียนยุคใหม่ไปแล้ว และบทความนี้ก็ได้รวบรวม 15 เครื่องมือ AI เขียนบทความที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ตั้งแต่การวิเคราะห์คีย์เวิร์ด การสร้างโครงสร้างเนื้อหา ไปจนถึงการปรับแต่งเพื่อ SEO มาให้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดที่ควรระวัง โดยเฉพาะด้านภาษาไทยและความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้นการเลือกใช้ AI ช่วยเขียนบทความให้เหมาะกับงานเฉพาะทาง พร้อมกับการตรวจสอบและเพิ่มเติมความเป็นมนุษย์ลงไป จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ลงตัวและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับใครที่อยากอัปสกิลด้าน Digital Marketing และกำลังมองหาคอร์สเรียนการตลาดอยู่ ANGA Mastery เปิดคอร์สเรียนเพียบ! สอนโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจากเอเจนซี่รับทำ SEO และ Performance Marketing โดยตรง อาทิต คอร์สเรียน SEO, คอร์สสอนวางกลยุทธ์ SEO, คอร์สสอน Google Ads, คอร์สเรียน Facebook Ads, คอร์สเรียน Google Analytic 4 และรวมไปถึงคอร์สสอนใช้ AI ก็มีเช่นกัน
พัฒนาสกิลที่ถูกต้องสำหรับผู้นำ
ด้านการตลาดออนไลน์
19 MAY
แนะนำ Rankmath SEO เครื่องมือช่วยปรับแต่ง SEO บนเว็บไซต์ WordPress ทั้ง On-Page และ Off-Page ที่มีฟีเจอร์เพียบ! บอกเลยว่านักการตลาดไม่ควรพลาด
19 MAY
19 MAY
19 MAY
19 MAY
19 MAY
ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ