10 อันดับ Search Engine ที่นิยมใช้มากที่สุดในโลก อัปเดต 2025

Search Engine คือเครื่องมือที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลบนโลกออนไลน์ ซึ่งทุกคนล้วนเคยใช้งาน Search Engine มาแล้วอย่างแน่นอน ซึ่ง Search Engine ที่คนไทยรู้จักมักคุ้นและใช้งานมากที่สุด คงไม่พ้น Google แถมหลาย ๆ ธุรกิจยังมีการทำการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหา (Search Engine Marketing) อย่างการทำ SEO และยิงโฆษณา Google Ads เพื่อกระตุ้นยอดขายและโปรโมตธุรกิจให้เติบโตอีกด้วย รู้ไหมว่านอกจาก Google แล้ว เว็บไซต์ Search Engine มีอะไรบ้าง? ถ้าอยากรู้ว่า Search Engine ที่นิยมมีอะไรบ้าง ดูได้ในบทความนี้เลย ANGA Mastery ได้รวบรวม Top 10 Search Engine ที่นิยมใช้มากที่สุดมาให้แล้ว ข้อมูลอัปเดตใหม่ล่าสุด 2025

1. Google 

Google ยังเป็น Search Engine ที่นิยมใช้มากที่สุดในโลก ถึงแม้ว่าส่วนแบ่งตลาดจะลดลงเหลือ 89.34% ในเดือนตุลาคม 2024 ซึ่งต่ำกว่า 90% เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมาก็ตาม โดย Google เริ่มให้บริการมาตั้งแต่ปี 1998 และขึ้นแท่นอันดับหนึ่งอย่างรวดเร็วด้วยความแม่นยำในการแสดงผล ปัจจุบันครองตลาดทั้งบนเดสก์ท็อป 79.1% และบนมือถือ 93.88%

Google ในปี 2025 เปลี่ยนไปจากสมัยก่อนมา โดยจะเน้นไปที่การหารายได้จากโฆษณา (Google Ads) และการเก็บข้อมูลผู้ใช้มากขึ้น พื้นที่ผลการค้นหาแบบธรรมชาติหรือ SEO ลดลง ถูกแทนที่ด้วยโฆษณาและฟีเจอร์ของ Google เอง ทำให้เว็บไซต์ทั่วไปมีโอกาสปรากฏบนหน้าแรกน้อยลงได้

2. Microsoft Bing

Microsoft Bing คือ Search Engine ที่นิยมใช้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ประมาณ 2.92% ถึง 3.97% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่า Microsoft จะพยายามเอาชนะ Google และต้องการเป็น Search Engine ตั้งต้นสำหรับ Windows PC แต่ก็ไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้ว่าผลการค้นหามีความน่าเชื่อถือเทียบเท่า Google ได้

ในปี 2023 Bing เปิดตัวบริการแชตบอต AI (Bing Chat ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Copilot) ที่ใช้เทคโนโลยี GPT4 เร็วกว่า Google แต่ถึงจะได้รับการตอบรับในช่วงแรก ส่วนแบ่งตลาดก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำอยู่ดี Bing พัฒนามาจากเครื่องมือค้นหาเดิมของ Microsoft คือMSN Search, Windows Live Search, Live Search และปัจจุบันติดอันดับเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมมากเป็นอันดับ 26 ของโลก

3. Yahoo

Yahoo เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการอีเมลยอดนิยม และยังครองอันดับสามด้วยส่วนแบ่ง 2.34% ซึ่ง Yahoo มีประวัติสลับไปมาในด้านเทคโนโลยีเบื้องหลังการค้นหา โดยระหว่างปี 2011-2015 ใช้เทคโนโลยีของ Bing จากนั้นเปลี่ยนไปใช้ของ Google ในช่วงปี 2015-2018 และกลับมาใช้ของ Microsoft Bing อีกครั้งตั้งแต่ปี 2019 จนถึงปัจจุบัน

Yahoo ยังเป็นเครื่องมือค้นหาตั้งต้นของเบราว์เซอร์ Firefox ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2014 เว็บพอร์ทัลของ Yahoo ได้รับความนิยมสูงและติดอันดับเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมมากเป็นอันดับ 9 ของโลก ช่วงที่ Yahoo มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดคือปี 2015 ที่ 4.19% แต่หลังจากนั้นก็ลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี

4. Baidu

Baidu เป็น Search Engine ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศจีน มีส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 0.81% แม้จะยังน้อยเมื่อเทียบกับ Google หรือ Bing แต่ก็ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งอย่างชัดเจนในตลาดจีน ซึ่ง Baidu ให้บริการมาตั้งแต่ปี 2000 และมีจำนวนการค้นหาหลายพันล้านครั้งต่อเดือน

และถึงแม้ว่า Baidu จะสามารถเข้าถึงได้จากทั่วโลก แต่ระบบและเนื้อหาทั้งหมดจะอยู่ในภาษาจีนเท่านั้น ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้งานในจีนเป็นหลัก นอกจากนี้ Baidu ยังมีบริการอื่น ๆ สำหรับผู้ใช้งานในประเทศด้วย เช่น Baidu Maps (คล้าย Google Maps), Baidu Baike (คล้าย Wikipedia), บริการ AI และคลาวด์ที่รองรับการใช้งานด้านธุรกิจ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Baidu ถูกเรียกว่าเป็น "Google ของจีน" เพราะมีบริการที่ครบวงจรและผูกกับพฤติกรรมผู้ใช้งานภายในประเทศเป็นอย่างดี

5. Yandex

Yandex เป็น Search Engine ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซีย โดยมีส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศประมาณ 65% และส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกอยู่ที่ราว 2.34% ถือเป็นคู่แข่งหลักของ Google ในรัสเซีย Yandex.ru ยังติดอันดับเว็บไซต์ยอดนิยมอันดับ 8 ของประเทศ และอยู่ใน 10 อันดับเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกตามข้อมูลจาก Wikipedia

Yandex ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือค้นหาเท่านั้น แต่ยังเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่พัฒนาบริการหลากหลายโดยใช้ระบบ Machine Learning ด้วย ทั้งระบบนำทาง Yandex Maps และ Yandex Navigator, บริการอีเมล Yandex.Mail หรือแพลตฟอร์มโฆษณาและ Cloud Services ดังนั้น Yandex จึงเป็นแพลตฟอร์มที่มีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งานในรัสเซีย

6. DuckDuckGo

DuckDuckGo คือ Search Engine ที่เน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานเป็นสำคัญ มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 0.65% และแม้จะมีการค้นหามากกว่า 3 พันล้านครั้งต่อเดือน แต่ส่วนแบ่งตลาดก็ยังไม่เคยเกิน 0.69% โดยจุดเด่นของ DuckDuckGo คือไม่ติดตามหรือเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เลย ซึ่งต่างจาก Search Engine รายใหญ่หลายเจ้า

DuckDuckGo ไม่มีระบบเก็บข้อมูลเว็บไซต์หรือสร้างดัชนีการค้นหาเอง แต่จะใช้ผลการค้นหาจากแหล่งอื่น เช่น Bing, Yahoo, Yelp และ StackOverflow ทำให้บางครั้งผลลัพธ์อาจไม่ละเอียดหรือเจาะลึกเท่า Google ที่ใช้ AI คัดกรองข้อมูลจากทั่วทั้งเว็บโดยตรง จุดเด่นของ DuckDuckGo คืออินเทอร์เฟซที่เรียบง่าย ไม่มีโฆษณารกตา, ใช้งานได้ผ่านเบราว์เซอร์ทั่วไป, มีส่วนขยายเบราว์เซอร์ และมีแอปพลิเคชันบนมือถือ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการค้นหาโดยไม่ถูกติดตามหรือเก็บพฤติกรรมการใช้งาน

7. Ask.com

Ask.com หรือชื่อเดิมคือ Ask Jeeves เป็น Search Engine ที่เน้นการค้นหาผ่านรูปแบบคำถาม-คำตอบ โดยเปิดให้ผู้ใช้งานคนอื่นเข้ามาตอบคำถามหรือร่วมโหวต ทำให้เนื้อหาบางส่วนมีลักษณะคล้ายกับเว็บชุมชนถาม-ตอบ แม้จะยังมีระบบค้นหาแบบทั่วไป แต่คุณภาพของผลลัพธ์เมื่อเทียบกับ Google, Bing หรือ Yahoo ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า

Ask.com มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ประมาณ 0.42% และได้รับผู้เข้าชมเฉลี่ยราว 36 ล้านครั้งต่อเดือนตามข้อมูลจาก SimilarWeb ถึงแม้จะไม่ใช่ทางเลือกหลักในการค้นหาสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ แต่ก็ยังคงมีผู้ใช้งานเฉพาะกลุ่มที่นิยมใช้ในบางกรณี เช่น การหาคำตอบสั้น ๆ หรือสอบถามความคิดเห็นจากชุมชน

8. Ecosia

Ecosia เป็น Search Engine ที่มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการปลูกต้นไม้และโครงการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 0.10% แม้จะยังน้อย แต่ก็มีผู้ใช้งานประจำราว 20 ล้านคน Ecosia ทำงานร่วมกับ Bing ในการแสดงผลการค้นหา โดยก่อตั้งขึ้นในปี 2009 ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี รายได้จากโฆษณาที่ปรากฏในผลการค้นหาจะถูกนำไปใช้ในการปลูกต้นไม้ โดยเฉลี่ยแล้วทุก 45 ครั้งที่ค้นหา สามารถสนับสนุนการปลูกต้นไม้ได้หนึ่งต้น พร้อมทั้งมีรายงานการเงินที่โปร่งใส เผยรายได้และการใช้จ่ายในแต่ละเดือนด้วย

9. AOL.com

AOL อดีตผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตยุคแรกยังคงติดอันดับหนึ่งในสิบของ Search Engine ที่นิยมใช้มากที่สุด โดยมีส่วนแบ่งตลาดราว 0.05% แม้จะลดลงจากยุครุ่งเรือง แต่ก็ยังคงมีผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ยอดผู้เข้าชมเฉลี่ยราว 339 ล้านครั้งต่อเดือน และมีบริการอัปเดตข่าวสาร เทคโนโลยี และบันเทิงผ่านเว็บในเครืออย่างต่อเนื่อง

ซึ่ง AOL เป็นเจ้าของเครือข่ายเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียง เช่น Engadget, TechCrunch และ Huffington Post ซึ่งในปี 2015 ถูกซื้อโดย Verizon Communications และต่อมาในปี 2021 ถูกขายให้กับ Apollo Global Management เจ้าของเดียวกับ Yahoo ปัจจุบัน AOL จึงเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Yahoo! Inc. ใหม่นั่นเอง

10. Internet Archive

Internet Archive หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ Archive.org เป็น Search Engine ที่ดำเนินงานในรูปแบบองค์กรไม่แสวงหากำไร โดยเปิดให้ผู้ใช้งานเข้าถึงเว็บไซต์ หนังสือ ภาพยนตร์ ซอฟต์แวร์ และทรัพยากรออนไลน์อื่น ๆ ได้ฟรี ปัจจุบันมีดัชนีข้อมูลเว็บไซต์มากถึง 845 พันล้านหน้า หนังสือกว่า 39 ล้านเล่ม และภาพยนตร์อีก 11 ล้านเรื่อง สำหรับฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Wayback Machine ซึ่งสามารถย้อนดูหน้าตาเว็บไซต์ย้อนหลังตั้งแต่ปี 1996 ได้ เหมาะสำหรับการศึกษาประวัติของโดเมน หรือดูว่าหน้าเว็บเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

สรุป

ตอนนี้คุณคงจะทราบแล้วว่า Search Engine ที่นิยมมีอะไรบ้าง และเราจะเห็นได้ว่า Google คือSearch Engine ที่นิยมใช้มากที่สุดในโลก สำหรับใครที่จะทำการตลาดผ่าน Search Engine อย่างแรกเลยคือคุณต้องรู้ก่อนว่า Search Engine ที่ได้รับความนิยมในหมู่ของกลุ่มเป้าหมายของคุณคืออะไร อย่างถ้าทำการตลาดออนไลน์ในไทย คุณก็จะต้องทำ SEO หรือยิงโฆษณาผ่าน Google เป็นหลักหรือช่องทางเดียว และนำงบประมาณการตลาดส่วนที่เหลือไปทำ Social Media Marketing หรือยิงโฆษณาบนแพลตฟอร์มยอดฮิตอื่น ๆ อย่าง TikTok Ads, Facebook Ads จะดีที่สุด ทั้งนี้กลยุทธ์ที่ใช้ในการทำการตลาดจะขึ้นอยู่กับว่าธุรกิจของคุณอยู่ในอุตสาหกรรมอะไรด้วย ถ้าเป็นการเริ่มต้นทำการตลาดโปรโมตเว็บไซต์หรือธุรกิจในช่วงแรก การจ้างดิจิทัลเอเจนซี่หรือบริษัทรับทำ SEO อาจเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์มากกว่าการลงมือทำเองแบบไม่รู้อะไรเลย

แต่ถ้าคุณอยากลงมือทำการตลาดออนไลน์เอง แต่ยังไม่ได้มีทักษะหรือสกิลที่เชี่ยวชาญ สามารถเลือกชมคอร์สการตลาดจาก ANGA Mastery ได้ เราเปิดสอนการตลาด โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจากดิจิทัลเอเจนซี่ชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นคอร์สเรียน SEO, คอร์สเรียน Google Ads, คอร์สสอน Google Analytics 4 หรือคอร์สเรียน Facebook Ads ก็ตาม

ขอบคุณที่มาของข้อมูลและรูปภาพประกอบจาก https://www.reliablesoft.net