ถ้าคุณเป็นนักการตลาดออนไลน์ นักเขียน หรือครีเอเตอร์ คุณคงจะเคยเห็นประโยค “Content is King” หรือ “คอนเทนต์คือราชา” ผ่านหูผ่านตามาบ้าง ซึ่งคำกล่าวนี้เป็นเรื่องจริง เพราะคอนเทนต์ (เนื้อหา) คือสิ่งสำคัญและเป็นตัวชี้วัดเลยว่าการทำการตลาดออนไลน์ของธุรกิจคุณจะรอดหรือร่วง? ถ้าคุณอยากก้าวขึ้นไปสู่การเป็นราชาบนโลกออนไลน์ด้วยการสร้างคอนเทนต์อย่างมีชั้นเชิง โดดเด่นเหนือคู่แข่ง และไม่ต้องปวดหัวเพราะไอเดียตัน ต้องมาทำความรู้จักกับ Content Pillar ที่สุดของกลยุทธ์การปั้นคอนเทนต์! Content Pillar คืออะไร มีอะไรบ้าง ทำยังไง และสำคัญกับธุรกิจออนไลน์อย่างไร มาทำความเข้าใจในบทความนี้ได้เลย
Content Pillar คืออะไร?
Content Pillar คือหัวใจหลักของการทำคอนเทนต์ หรือเปรียบเสมือนเสาหลักของคอนเทนต์ทั้งหมดที่คุณต้องการใช้ในการทำการตลาดออนไลน์ หน้าที่หลัก ๆ ของ Content Pillar คือการจัดระเบียบคอนเทนต์ให้เป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจน เพื่อที่คุณจะสามารถวางแผนการสร้างและเผยแพร่เนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจุดประสงค์ของ Content Pillar คือการกำหนดทิศทางของคอนเทนต์ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแบรนด์หรือเป้าหมายของธุรกิจ
Content Pillar เป็นเหมือนโครงสร้างที่เอาไว้ให้คอนเทนต์ต่าง ๆ ของแบรนด์ยึดเหนี่ยวไว้ ส่งผลให้ไม่ว่าแบรนด์ของคุณจะทำคอนเทนต์ลงบน Social Media แพลตฟอร์มไหน หรือจะโพสต์คอนเทนต์ลงบนเว็บไซต์ (Blog) เท่าไหร่ ทุกคอนเทนต์ก็จะมีความเชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกัน ไม่มีคอนเทนต์ไหนที่แตกต่างจากเพื่อน เมื่อมองภาพโดยรวม ส่งผลให้ผู้บริโภคหรือกลุ่มเป้าหมายเห็นภาพลักษณ์ของแบรนด์ชัดเจนขึ้น และเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในโลกของการทำธุรกิจออนไลน์
ประเภทของ Content Pillar มีอะไรบ้าง
คุณสามารถแบ่ง Content Pillar ได้ออกเป็นหลายประเภท ไม่ต่างกับประเภทของ Content Marketing เลย ซึ่งแต่ละแบรนด์สามารถกำหนดประเภทของ Content Pillar ได้ตามความต้องการ ตามแนวทางการทำคอนเทนต์หรือเป้าหมายที่แบรนด์อยากจะบรรลุ ซึ่งใน 1 คอนเทนต์อาจจะประกอบไปด้วย Content Pillar หลายประเภทได้ สำหรับ ANGA Mastery ขอแบ่ง Content Pillar ออกเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
1. การแบ่งตามประเภทของเนื้อหาในคอนเทนต์
- Lifestyle : คอนเทนต์ทั่ว ๆ ไปในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร ท่องเที่ยว สุขภาพ ความงาม แฟชั่น ฯลฯ
- Education : คอนเทนต์ให้ความรู้และหรือให้ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้รับ
- Branded : คอนเทนต์เกี่ยวกับแบรนด์ เช่น การนำเสนอจุดเด่น หรือประวัติความเป็นมาของแบรนด์
- Realtime : คอนเทนต์ตามกระแสหรือคอนเทนต์ที่ทำตามเทรนด์ปัจจุบันในขณะนั้น
- Seasoning Content : คอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลหรือวันสำคัญต่าง ๆ
2. การแบ่งตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
- Brand Awareness : คอนเทนต์ที่จะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและเป็นที่จดจำในวงกว้าง
- Engagement : เพิ่มเอนเกจเมนต์ให้กับบัญชีของธุรกิจ อาทิ เพิ่มยอดไลก์ ยอดคลิก ยอดวิว หรือ Follower
- Selling : คอนเทนต์กระตุ้นยอดขาย อย่างคอนเทนต์แจ้งโปรโมชั่นหรือนำเสนอสินค้าใหม่ ๆ
- Reviews : คอนเทนต์รีวิวผลลัพธ์หลังใช้สินค้าหรือรับบริการจากลูกค้าจริง หรือ User-generated Content
3. รูปแบบในการนำเสนอคอนเทนต์
- Blog Post : บทความบนเว็บไซต์ หรือ SEO Blog Content สำหรับให้ข้อมูลยาว ๆ
- Organic Post : คอนเทนต์ทั่ว ๆ ไปที่โพสต์ไปบนโซเชียลมีเดีย โดยที่ไม่ได้ยิงโฆษณา
- Advertising : คอนเทนต์ที่นำไปยิงโฆษณา (จ่ายเงินเพื่อให้เข้าถึงคนจำนวนมาก) เช่น TikTok Ads, Instagram Ads, Facebook Ads CPAS Ads หรือ Google Ads
- Infographics : คอนเทนต์ที่สรุปเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ ลงไปในภาพเดียว
- Video : คอนเทนต์ที่อยู่ในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหวและมีเสียงประกอบ (ทั้งวิดีโอสั้นและวิดีโอยาว)
- Podcast : คอนเทนต์ที่อยู่ในรูปแบบของเสียง ที่พูดหรือเล่าเกี่ยวกับหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง อาจจะเป็นการให้ความรู้หรือสร้างความบันเทิงก็ได้ (รู้เรื่องได้ แม้ไม่ได้มองภาพประกอบ)
ประโยชน์ของ Content Pillar ต่อการทำธุรกิจออนไลน์
ความเป็นระบบระเบียบและชัดเจนของคอนเทนต์ จากการทำ Content Pillar มีประโยชน์ต่อธุรกิจออนไลน์หลากหลายด้าน อีกทั้งประโยชน์ที่ว่านั้นก็ยังยั่งยืนจนเห็นผลในระยะยาวด้วย และนี่คือประโยชน์ของ Content Pillar ที่เราอยากให้คุณรู้!
1. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด
Content Pillar ช่วยให้ธุรกิจสามารถนำเสนอคอนเทนต์ที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดและแม่นยำ ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าคอนเทนต์ที่แบรนด์สร้างนั้น มีคุณค่าและตรงกับความต้องการของพวกเขา เช่น แบรนด์ลูกอมไร้น้ำตาล ทำคอนเทนต์ “ลูกอม VS ลูกอมไม่มีน้ำตาล แตกต่างกันอย่างไร” หรือ “ข้อดีของลูกอม Sugar Free” เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่อยากทานลูกอม แต่ไม่อยากเพิ่มน้ำตาลให้แก่ร่างกายโดยตรง พร้อมทั้งเปิดรับผู้บริโภคที่ชื่นชอบการทานลูกอม ให้มารู้จักลูกอมไร้น้ำตาลและประโยชน์ของมัน
2. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
แนวทางที่ดีสำหรับการทำ Content Pillar คือการคำนึงถึงประโยชน์ของกลุ่มเป้าหมายหรือผู้บริโภค มากกว่าการเน้นจุดเด่นของแบรนด์ เพราะแนวทางนี้จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกอินและประทับใจไปกับคุณ ซึ่งจะช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดี จนนำไปสู่ Brand Loyalty ได้ เช่น แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง สำหรับสาว ๆ วัยทำงาน ทำคอนเทนต์ “Try On กางเกงขายาว สำหรับคนสูง 155 165 และ 170” เพื่อให้ลูกค้าที่มีส่วนสูงที่แตกต่างกัน ได้เห็นว่าถ้าตัวเองใส่กางเกงรุ่นนี้ ความยาวและทรงจะอยู่ที่ประมาณไหน ซึ่งเป็นประโยชน์และช่วยให้พวกเขาติดสินใจได้ง่ายขึ้น
3. ดันอันดับ SEO เพิ่ม Organic Traffic บนเว็บไซต์
คุณสามารถทำ Content Pillar สำหรับคอนเทนต์บนเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาบน Google Search หรือที่เราเรียกว่า SEO ได้ ซึ่งอาจจะเป็นการทำ Content Pillar ของคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการหลัก เช่น สถาบันสอนทำการตลาดออนไลน์ ได้ทำ Blog Content ที่เกี่ยวกับคอร์สเรียนการตลาดออนไลน์ที่มี อย่าง “คอร์สเรียน SEO”, “คอร์สสอนยิงแอด” หรือ “คอร์สเรียน Google Analytics 4” เพื่อให้เนื้อหานี้เข้าถึงกลุ่มผู้ที่สนใจเรียนทำการตลาดออนไลน์ในด้านต่าง ๆ
ขั้นตอนการสร้าง Content Pillar ให้มีประสิทธิภาพ
อยากให้ Content Pillar มีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ของธุรกิจ ต้องเริ่มต้นด้วยการวางแผนทุกอย่างให้ละเอียดและชัดเจน ตั้งแต่การกำหนดเป้าหมาย > วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายและคู่แข่ง > การเลือกหัวข้อคอนเทนต์ให้เหมาะสม > กำหนดรูปแบบในการสร้างคอนเทนต์แต่ละชิ้น > การระบุช่องทางในการเผยแพร่คอนเทนต์ และสร้าง Content Calendar ให้เห็นภาพชัด ๆ ดังนี้
- กำหนดเป้าหมายวัตถุประสงค์หลักของแบรนด์ เช่น สร้าง Brand Awareness หรือสร้างยอดขาย พร้อมกับกำหนด KPIs ว่าคุณจะวัดผลความสำเร็จจากอะไร
- วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายและทำความเข้าใจ Pain Points เพื่อที่จะได้สร้างคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์แก่พวกเขา
- ศึกษากลยุทธ์การทำคอนเทนต์ของคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน พร้อมวิเคราะห์ SWOT ของคู่แข่ง
- เลือกหัวข้อคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ เช่น ต้องการสร้างยอดขาย อาจจะเน้นไปที่คอนเทนต์โปรโมชัน นำเสนอสินค้าราคาพิเศษ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้า
- กำหนดรูปแบบในการสร้างคอนเทนต์แต่ละชิ้น เช่น Single Post, Album Post, Video ฯลฯ
- ระบุช่องทางในการเผยแพร่คอนเทนต์ เช่น วิดีโอสั้น โพสต์ลง TikTok, วิดีโอยาว เนื้อหาแน่น โพสต์ลง YouTube หรือคอนเทนต์ที่เป็นรูปภาพ โพสต์ลง Facebook เป็นต้น
- สร้าง Content Calendar (ปฏิทินเนื้อหา) ระบุว่าวันใดลงคอนเทนต์อะไร หัวข้อไหน รูปแบบใด และช่องทางไหน เพื่อให้เห็นภาพรวมของ Content Pillar ที่จัดทำแบบชัด ๆ

ขอบคุณ Content Pillar ตัวอย่างจาก Loomly
บทสรุป
สรุปว่า Content Pillar คือกลยุทธ์การสร้างเนื้อหาที่เป็นหัวใจสำคัญของการทำการตลาดออนไลน์ในยุคที่เต็มไปด้วยคอนเทนต์อย่างทุกวันนี้ เพราะ Content Pillar จะช่วยให้แบรนด์สามารถวางแผนได้อย่างตรงจุด และผลิตคอนเทนต์ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ และสามารถสร้างความน่าเชื่อถือในระยะยาวได้ ถ้าตอนนี้แบรนด์ของคุณกำลังทำคอนเทนต์ลงบนสื่อออนไลน์แบบไม่มีแผน หรือมองภาพรวมแล้วดูเหมือนคนละแบรนด์ล่ะก็ คุณต้องรีบทำ Content Pillar ได้แล้ว!