วิธีทำ Key Performance Indicator ที่มีประสิทธิภาพพร้อมตัวอย่าง

By Rachavit Whangpatanathon I MD at ANGA Group

24 JANUARY 25

96

KPI.webp

"เราจะรู้ได้อย่างไรว่าทีมกำลังไปในทิศทางที่ถูกต้อง?" คำถามนี้อาจทำให้ผู้บริหารหลายคนปวดหัว โดยเฉพาะเมื่อต้องประเมินผลงานทีมที่มีความหลากหลาย ตั้งแต่ทีมขายที่วัดผลจากตัวเลขได้ชัดเจน ไปจนถึงทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นผล

Key Performance Indicator หรือ KPI คือคำตอบที่จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมการทำงานขององค์กรได้ชัดเจนขึ้น เปรียบเสมือนแผนที่ที่จะพาคุณไปถึงเป้าหมาย แต่การสร้าง KPI ที่ดีไม่ใช่แค่การตั้งตัวเลขสวยๆ บทความนี้เราจะพาคุณไปเรียนรู้วิธีการสร้าง KPI ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมตัวอย่างจากองค์กรชั้นนำที่คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง

ความสำคัญของ KPI ต่อความสำเร็จขององค์กร

การพัฒนาทักษะการเป็นผู้นำที่ดีต้องเริ่มจากการเข้าใจเครื่องมือวัดผลอย่าง KPI อย่างถ่องแท้ KPI ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขที่ใช้ประเมินผลงานเท่านั้น แต่ยังเป็นเข็มทิศที่ชี้นำองค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้

KPI คืออะไร และทำไมองค์กรถึงต้องมี

KPI หรือ Key Performance Indicator เป็นเครื่องมือวัดผลการดำเนินงานที่สะท้อนให้เห็นว่าองค์กรหรือบุคลากรบรรลุเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ การกำหนด KPI ที่ดีจะช่วยให้

  • ผู้บริหารติดตามความคืบหน้าได้อย่างเป็นรูปธรรม
  • พนักงานมีเป้าหมายชัดเจนในการทำงาน
  • องค์กรสามารถระบุปัญหาและแก้ไขได้ทันท่วงที

หลักการสร้าง KPI ที่มีประสิทธิภาพ

มาดูหลักการสร้าง KPI ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งคุณสามารถเริ่มต้นสร้าง KPI ให้เหมาะกับองค์กรของคุณได้ด้วยการ

1. การเลือกประเภท KPI ให้เหมาะกับงาน

การเลือกประเภท KPI ที่เหมาะสมเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ โดย KPI แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก 

  1. ประเภทแรกคือ KPI เชิงปริมาณ ที่มุ่งเน้นการวัดผลด้วยตัวเลขที่ชัดเจน เช่น การติดตามยอดขายรายเดือน จำนวนลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น หรืออัตราการเติบโตของรายได้ ตัวชี้วัดเหล่านี้ให้ข้อมูลที่เป็นรูปธรรม สามารถเปรียบเทียบและติดตามผลได้อย่างแม่นยำ
  2. ส่วนประเภทที่สองคือ KPI เชิงคุณภาพ ที่มุ่งวัดผลในแง่มุมที่จับต้องได้ยากกว่า แต่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เช่น ระดับความพึงพอใจของลูกค้า คุณภาพของผลิตภัณฑ์ หรือประสิทธิภาพในการให้บริการ แม้การวัดผลอาจซับซ้อนกว่า แต่สามารถใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น แบบสำรวจความคิดเห็น หรือการประเมินผลแบบ 360 องศา มาช่วยให้การวัดผลมีความเป็นระบบมากขึ้น

2. การใช้หลัก SMART ในการกำหนด KPI

การกำหนด KPI ที่มีประสิทธิภาพนั้นไม่ใช่แค่การตั้งเป้าหมายตามความรู้สึก แต่ต้องอาศัยหลักการที่เป็นมาตรฐานสากล นั่นคือหลัก “SMART” ที่ได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารทั่วโลก ผู้บริหารที่มีประสบการณ์ผ่านหลักสูตรผู้บริหารยุคใหม่ต่างเห็นพ้องว่าหลัก SMART เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่ช่วยให้การตั้ง KPI เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ

  • Specific: กำหนดเป้าหมายชัดเจน
  • Measurable: วัดผลได้เป็นตัวเลข
  • Achievable: เป็นไปได้จริง
  • Relevant: สอดคล้องกับเป้าหมายองค์กร
  • Time-bound: มีกรอบเวลาชัดเจน

การนำหลัก SMART มาประยุกต์ใช้จะช่วยให้คุณสามารถสร้าง KPI ที่ทรงพลัง เริ่มจาก Specific หรือการกำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง ไม่คลุมเครือ ตามด้วย Measurable หรือการทำให้วัดผลได้จริงด้วยตัวเลขหรือเกณฑ์ที่ชัดเจน Achievable คือการตั้งเป้าที่ท้าทายแต่สามารถทำได้จริง Relevant เน้นความสอดคล้องกับเป้าหมายองค์กร และ Time-bound คือการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน

ยกตัวอย่างเช่น แทนที่จะตั้ง KPI ว่า "เพิ่มยอดขาย" ซึ่งไม่เป็นไปตามหลัก SMART เราควรปรับเป็น "เพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์กลุ่ม A ในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้ได้ 25% ภายในไตรมาสที่ 4" ซึ่งมีความชัดเจนและวัดผลได้มากกว่า

ตัวอย่าง KPI แยกตามแผนก (Department KPIs)

สำหรับตำแหน่ง CMO ที่ต้องรับผิดชอบด้านการตลาด ตัวอย่าง KPI ที่ควรมี

ทีมการตลาด (Marketing Team)

  1. การเติบโตของรายได้
    • เป้าหมาย: เพิ่มขึ้น 25% ต่อปี
    • วิธีวัด: ((รายได้ปีปัจจุบัน - รายได้ปีก่อน) / รายได้ปีก่อน) × 100
  2. ประสิทธิภาพของแคมเปญ
    • เป้าหมาย: ROI มากกว่า 300% ต่อแคมเปญ
    • วิธีวัด: (รายได้จากแคมเปญ - ต้นทุนแคมเปญ) / ต้นทุนแคมเปญ × 100
  3. การมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย
    • เป้าหมาย: Engagement Rate 5% ขึ้นไป
    • วิธีวัด: (จำนวนการมีส่วนร่วมทั้งหมด / จำนวนผู้ติดตาม) × 100

ทีมการเงิน (Finance Team)

  1. อัตราส่วนสภาพคล่อง
    • เป้าหมาย: มากกว่า 1.5
    • วิธีวัด: สินทรัพย์หมุนเวียน / หนี้สินหมุนเวียน
  2. อัตรากำไรสุทธิ
    • เป้าหมาย: มากกว่า 15%
    • วิธีวัด: (กำไรสุทธิ / รายได้รวม) × 100
  3. ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ย
    • เป้าหมาย: น้อยกว่า 45 วัน
    • วิธีวัด: (ลูกหนี้การค้า × 365) / ยอดขายเชื่อสุทธิ

ทีม Data Science

  1. ความแม่นยำของโมเดล
    • เป้าหมาย: Accuracy มากกว่า 95%
    • วิธีวัด: จำนวนการทำนายถูกต้อง / จำนวนการทำนายทั้งหมด
  2. เวลาในการพัฒนาโมเดล
    • เป้าหมาย: น้อยกว่า 3 เดือนต่อโมเดล
    • วิธีวัด: ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มพัฒนาจนถึงนำไปใช้จริง
  3. ผลกระทบทางธุรกิจ
    • เป้าหมาย: สร้างมูลค่าเพิ่ม 5 ล้านบาทต่อโครงการ
    • วิธีวัด: มูลค่าที่ประหยัดได้หรือรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการใช้โมเดล

ทีม Data Engineer

  1. ความพร้อมใช้งานของระบบ
    • เป้าหมาย: System Uptime 99.9%
    • วิธีวัด: (เวลาระบบทำงาน / เวลาทั้งหมด) × 100
  2. ประสิทธิภาพการประมวลผล
    • เป้าหมาย: ลดเวลาประมวลผล 30%
    • วิธีวัด: เปรียบเทียบเวลาประมวลผลก่อนและหลังปรับปรุง
  3. คุณภาพข้อมูล
    • เป้าหมาย: Data Accuracy 99%
    • วิธีวัด: จำนวนข้อมูลที่ถูกต้อง / จำนวนข้อมูลทั้งหมด

ทีมบัญชี (Accounting Team)

  1. ความถูกต้องของรายงานการเงิน
    • เป้าหมาย: ข้อผิดพลาดน้อยกว่า 0.1%
    • วิธีวัด: จำนวนรายการที่ผิดพลาด / จำนวนรายการทั้งหมด
  2. ระยะเวลาปิดบัญชี
    • เป้าหมาย: ภายใน 5 วันทำการ
    • วิธีวัด: จำนวนวันที่ใช้ในการปิดบัญชีประจำเดือน
  3. การส่งภาษีตรงเวลา
    • เป้าหมาย: 100% ของการยื่นภาษีทั้งหมด
    • วิธีวัด: จำนวนครั้งที่ส่งตรงเวลา / จำนวนครั้งที่ต้องส่งทั้งหมด

ทีมทรัพยากรบุคคล (Human Resources)

  1. อัตราการลาออก
    • เป้าหมาย: น้อยกว่า 10% ต่อปี
    • วิธีวัด: (จำนวนพนักงานที่ลาออก / จำนวนพนักงานทั้งหมด) × 100
  2. ระยะเวลาการสรรหา
    • เป้าหมาย: น้อยกว่า 45 วันต่อตำแหน่ง
    • วิธีวัด: จำนวนวันตั้งแต่เปิดรับสมัครจนถึงวันเริ่มงาน
  3. ความพึงพอใจของพนักงาน
    • เป้าหมาย: คะแนนความพึงพอใจมากกว่า 8/10
    • วิธีวัด: ผลสำรวจความพึงพอใจประจำปี

ทีม Customer Service

  1. ระยะเวลาตอบสนอง
    • เป้าหมาย: ภายใน 30 นาที
    • วิธีวัด: เวลาเฉลี่ยในการตอบกลับลูกค้า
  2. อัตราการแก้ปัญหาในครั้งแรก
    • เป้าหมาย: มากกว่า 80%
    • วิธีวัด: (จำนวนปัญหาที่แก้ได้ในครั้งแรก / จำนวนปัญหาทั้งหมด) × 100
  3. ความพึงพอใจของลูกค้า
    • เป้าหมาย: CSAT Score มากกว่า 4.5/5
    • วิธีวัด: คะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยจากแบบสำรวจ

แต่ละ KPI ควรมีการทบทวนและปรับปรุงทุกไตรมาสหรือทุกปี เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และเป้าหมายขององค์กรที่อาจเปลี่ยนแปลงไป

สรุปบทความ

การสร้าง KPI ที่มีประสิทธิภาพนั้นเปรียบเสมือนการวางรากฐานสำคัญสู่ความสำเร็จขององค์กร ไม่ใช่เพียงแค่การตั้งตัวเลขเป้าหมาย แต่เป็นการผสมผสานระหว่างศาสตร์และศิลป์ในการบริหารจัดการ ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ การเข้าใจบริบทของธุรกิจ และการคำนึงถึงศักยภาพของทีม

การนำหลัก SMART มาประยุกต์ใช้ร่วมกับการเลือกประเภท KPI ที่เหมาะสม จะช่วยให้องค์กรสามารถติดตามและวัดผลการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญ KPI ไม่ใช่เครื่องมือที่ตายตัว แต่ควรได้รับการทบทวนและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป

สำหรับองค์กรที่ต้องการยกระดับการวัดผลการดำเนินงานในด้านดิจิทัล ทีมงานรับทำ SEO ของ ANGA พร้อมรับผิดชอบในส่วนของ KPI ด้าน Organic Traffic เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกดิจิทัล

จำไว้ว่า KPI ที่ดีไม่ได้มีไว้เพื่อกดดันทีม แต่เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ทุกคนในองค์กรมองเห็นเป้าหมายร่วมกัน และเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกันอย่างมั่นใจ เพราะความสำเร็จขององค์กรไม่ได้วัดจากตัวเลขเพียงอย่างเดียว แต่วัดจากการเติบโตอย่างยั่งยืนของทั้งธุรกิจและบุคลากรไปพร้อมๆ กัน

Related News

การตลาดโรงแรม (Hotel Marketing) ทำยังไงให้ปัง? บทความนี้มีคำตอบ

แจก 6 กลยุทธ์ลับสำหรับทำการตลาดโรงแรม (Hotel Marketing) ให้ประสบความสำเร็จในปี 2025 ชนะคู่แข่ง เพิ่มลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า และเติบโตอย่างยั่งยืน

เจาะลึก STP กลยุทธ์ที่จะพลิกโฉมธุรกิจของคุณ

วิเคราะห์ Segmentation Targeting Positioning (STP) คือกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้า ช่วยวางแผนการตลาดแม่นยำ และสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นเหนือคู่แข่ง

นักการตลาดดิจิทัล เงินเดือนเท่าไหร่? อัพเดทล่าสุดปี 2025

อัพเดทเงินเดือนนักการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) ทุกตำแหน่งปี 2025 เจาะลึกรายได้แต่ละระดับ พร้อมเคล็ดลับก้าวสู่สายงานที่มาแรงที่สุดแห่งปี

การตลาดโรงแรม (Hotel Marketing) ทำยังไงให้ปัง? บทความนี้มีคำตอบ

แจก 6 กลยุทธ์ลับสำหรับทำการตลาดโรงแรม (Hotel Marketing) ให้ประสบความสำเร็จในปี 2025 ชนะคู่แข่ง เพิ่มลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า และเติบโตอย่างยั่งยืน

เจาะลึก STP กลยุทธ์ที่จะพลิกโฉมธุรกิจของคุณ

วิเคราะห์ Segmentation Targeting Positioning (STP) คือกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้า ช่วยวางแผนการตลาดแม่นยำ และสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นเหนือคู่แข่ง

นักการตลาดดิจิทัล เงินเดือนเท่าไหร่? อัพเดทล่าสุดปี 2025

อัพเดทเงินเดือนนักการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) ทุกตำแหน่งปี 2025 เจาะลึกรายได้แต่ละระดับ พร้อมเคล็ดลับก้าวสู่สายงานที่มาแรงที่สุดแห่งปี

logo

ติดต่อเรา

ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ