ทำความรู้จัก Business Model Canvas คืออะไร

By Rachavit Whangpatanathon I MD at ANGA Group

10 FEBRUARY 25

680

netflix.webp

โลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความท้าทาย เช่นเดียวกับการทำ SWOT คือ การวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของธุรกิจ การมีแผนธุรกิจที่ดีและเข้าใจง่ายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง แต่หลายครั้งการเขียนแผนธุรกิจแบบดั้งเดิมที่มีความยาวหลายสิบหน้ากลับทำให้ผู้ประกอบการและทีมงานเข้าใจยาก ไม่สามารถมองเห็นภาพรวมของธุรกิจได้อย่างชัดเจน Business Model Canvas (BMC) จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้ โดยนำเสนอโมเดลธุรกิจทั้งหมดบนกระดาษเพียงแผ่นเดียว ทำให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าใจและมองเห็นภาพรวมของธุรกิจได้ตรงกัน

Business Model Canvas คืออะไร

Business Model Canvas คือเครื่องมือการวางแผนธุรกิจที่ได้รับการพัฒนาโดย Alexander Osterwalder และ Yves Pigneur เครื่องมือนี้ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถมองเห็นองค์ประกอบสำคัญของธุรกิจทั้ง 9 ด้านได้อย่างครบถ้วนในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า คุณค่าที่ส่งมอบ ช่องทางการเข้าถึง รายได้ และต้นทุน ทำให้การวางแผนและพัฒนาธุรกิจเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การใช้ Business Model Canvas ไม่เพียงแต่ช่วยในการวางแผนธุรกิจใหม่เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้วิเคราะห์และปรับปรุงโมเดลธุรกิจที่มีอยู่แล้วให้แข็งแกร่งขึ้น ทำให้เห็นจุดอ่อนและโอกาสในการพัฒนาได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะถ้าคุณอยู่ในตำแหน่ง CMO หรือผู้บริหารที่ต้องมองภาพรวมการตลาดทั้งหมด

ทำไมต้องใช้ Business Model Canvas?

การใช้ Business Model Canvas มีข้อดีหลายประการที่ทำให้เครื่องมือนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ดังนี้

  1. ง่ายต่อการทำความเข้าใจ: ด้วยการนำเสนอในรูปแบบภาพ ทำให้ทุกคนในทีมเข้าใจโมเดลธุรกิจได้ตรงกัน
  2. ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้: สามารถปรับเปลี่ยนแผนได้ง่ายตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
  3. มองเห็นความเชื่อมโยง: ช่วยให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ของธุรกิจ
  4. ประหยัดเวลา: ไม่ต้องเสียเวลาเขียนแผนธุรกิจยาวๆ แต่ยังได้สาระสำคัญครบถ้วน

องค์ประกอบทั้ง 9 ของ Business Model Canvas

Business Model Canvas ประกอบด้วย 9 องค์ประกอบสำคัญที่ครอบคลุมทุกมิติของธุรกิจ ตั้งแต่การสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า ไปจนถึงการสร้างรายได้และการจัดการต้นทุน โดยแต่ละองค์ประกอบมีความสำคัญและเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ

1. Customer Segments (กลุ่มลูกค้า)

กลุ่มลูกค้าถือเป็นหัวใจสำคัญของทุกธุรกิจ เช่นเดียวกับการทำ RMF Model คือ การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า เพราะไม่มีธุรกิจใดจะอยู่รอดได้หากไม่มีลูกค้า การเข้าใจและระบุกลุ่มลูกค้าให้ชัดเจนจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการวางแผนธุรกิจ โดยสามารถแบ่งประเภทของกลุ่มลูกค้าได้ดังนี้

  • Mass Market (ตลาดมวลชน): เน้นกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก ไม่แบ่งแยกกลุ่ม
  • Niche Market (ตลาดเฉพาะกลุ่ม): มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าเฉพาะที่มีความต้องการพิเศษ
  • Segmented (ตลาดแบ่งส่วน): แบ่งกลุ่มลูกค้าตามความต้องการที่แตกต่างกัน
  • Diversified (ตลาดที่หลากหลาย): มีกลุ่มลูกค้าหลายประเภทที่ไม่เกี่ยวข้องกัน

2. Value Propositions (คุณค่าที่ส่งมอบ)

คุณค่าที่ส่งมอบเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าเลือกใช้สินค้าหรือบริการของคุณแทนคู่แข่ง สิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นนวัตกรรมใหม่เสมอไป แต่ต้องตอบโจทย์ความต้องการหรือแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างตรงจุด การกำหนดคุณค่าที่จะส่งมอบควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  • นวัตกรรมใหม่: การนำเสนอสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาด
  • ประสิทธิภาพ: การพัฒนาประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีอยู่
  • การปรับแต่ง: การปรับผลิตภัณฑ์หรือบริการให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของลูกค้า
  • การออกแบบ: การสร้างความแตกต่างด้วยการออกแบบที่โดดเด่น
  • ราคา: การนำเสนอคุณค่าที่ใกล้เคียงกันในราคาที่ต่ำกว่า

3. Channels (ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า)

ช่องทางการเข้าถึงลูกค้าเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญระหว่างธุรกิจกับลูกค้า ไม่เพียงแต่เป็นวิธีการที่คุณจะสื่อสารและส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีตลอดการเดินทางของลูกค้า (Customer Journey) ด้วย ช่องทางการเข้าถึงลูกค้าแบ่งได้เป็น

ช่องทางที่เป็นของตัวเอง

  • ทีมขายโดยตรง
  • เว็บไซต์
  • ร้านค้าของตัวเอง

ช่องทางพันธมิตร

  • ร้านค้าพันธมิตร
  • ตัวแทนจำหน่าย
  • ร้านค้าส่ง

4. Customer Relationships (ความสัมพันธ์กับลูกค้า)

การสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จระยะยาวของธุรกิจ เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยรักษาฐานลูกค้าเดิม แต่ยังช่วยในการขยายฐานลูกค้าใหม่ผ่านการบอกต่อ ความสัมพันธ์กับลูกค้าสามารถสร้างได้หลายรูปแบบ

  • การให้บริการส่วนบุคคล: การมีพนักงานดูแลลูกค้าโดยตรง
  • การให้บริการอัตโนมัติ: การใช้ระบบอัตโนมัติในการให้บริการ
  • ชุมชน: การสร้างชุมชนให้ลูกค้าได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
  • การร่วมสร้างสรรค์: การให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์

5. Revenue Streams (กระแสรายได้)

กระแสรายได้คือเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงธุรกิจ การเข้าใจว่ารายได้ของธุรกิจมาจากแหล่งใดบ้างและมีรูปแบบอย่างไรจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเงินและพัฒนาธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ รูปแบบของกระแสรายได้มีดังนี้

  • การขายสินค้า: รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์
  • ค่าบริการ: รายได้จากการให้บริการ
  • ค่าสมาชิก: รายได้จากการสมัครสมาชิกแบบต่อเนื่อง
  • ค่าเช่า/ให้เช่า: รายได้จากการให้ใช้ทรัพย์สินชั่วคราว
  • ค่าลิขสิทธิ์: รายได้จากการอนุญาตให้ใช้ทรัพย์สินทางปัญญา

6. Key Activities (กิจกรรมหลัก)

กิจกรรมหลักคือสิ่งที่ธุรกิจต้องทำเพื่อให้โมเดลธุรกิจประสบความสำเร็จ เป็นกิจกรรมที่สำคัญที่สุดในการสร้างและส่งมอบคุณค่า รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า และสร้างรายได้ กิจกรรมหลักสามารถแบ่งได้เป็น

  • การผลิต: กิจกรรมที่เกี่ยวกับการออกแบบ ผลิต และส่งมอบสินค้า
  • การแก้ปัญหา: การให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาให้ลูกค้า
  • แพลตฟอร์ม/เครือข่าย: การพัฒนาและดูแลแพลตฟอร์ม

7. Key Resources (ทรัพยากรหลัก)

ทรัพยากรหลักเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เป็นปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจสามารถสร้างคุณค่า เข้าถึงตลาด รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า และสร้างรายได้ ทรัพยากรหลักแบ่งได้เป็น

  • ทรัพยากรกายภาพ: อาคาร เครื่องจักร ระบบ
  • ทรัพยากรทางปัญญา: แบรนด์ สิทธิบัตร ฐานข้อมูล
  • ทรัพยากรมนุษย์: บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ
  • ทรัพยากรทางการเงิน: เงินสด สินเชื่อ หุ้น

8. Key Partnerships (พันธมิตรหลัก)

พันธมิตรหลักคือเครือข่ายของซัพพลายเออร์และคู่ค้าที่ทำให้โมเดลธุรกิจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างพันธมิตรช่วยลดความเสี่ยง ขยายขีดความสามารถ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ รูปแบบของพันธมิตรมีดังนี้

  • พันธมิตรเชิงกลยุทธ์: ความร่วมมือระหว่างองค์กรที่ไม่ใช่คู่แข่ง
  • การร่วมทุน: การพัฒนาธุรกิจใหม่ร่วมกัน
  • ความสัมพันธ์ผู้ซื้อ-ซัพพลายเออร์: การรักษาความสัมพันธ์ที่เชื่อถือได้

9. Cost Structure (โครงสร้างต้นทุน)

โครงสร้างต้นทุนอธิบายถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการดำเนินธุรกิจตามโมเดลที่กำหนด การเข้าใจโครงสร้างต้นทุนช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างกำไรได้ตามเป้าหมาย โครงสร้างต้นทุนประกอบด้วย

  • ต้นทุนคงที่: ค่าใช้จ่ายที่ไม่เปลี่ยนแปลงตามปริมาณการผลิต
  • ต้นทุนผันแปร: ค่าใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลงตามปริมาณการผลิต
  • การประหยัดจากขนาด: การลดต้นทุนเมื่อผลิตในปริมาณมาก
  • การประหยัดจากขอบเขต: การลดต้นทุนจากการใช้ทรัพยากรร่วมกัน

กรณีศึกษา Business Model Canvas ของ Netflix

business model canvas ตัวอย่าง

เพื่อให้เห็นภาพการใช้งาน Business Model Canvas ที่ชัดเจนขึ้น เรามาดูตัวอย่างการวิเคราะห์โมเดลธุรกิจของ Netflix ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจสตรีมมิ่งระดับโลก

องค์ประกอบ

รายละเอียด

การวิเคราะห์

Customer Segments

- คนรุ่น Y-Z ในเขตเมือง

- กลุ่มคนทำงานที่ชอบความบันเทิง

- ครอบครัวที่ต้องการความบันเทิง

- ผู้ชื่นชอบซีรีส์และภาพยนตร์

Netflix เข้าใจการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกในการรับชมความบันเทิง

Value Propositions

- คอนเทนต์พิเศษเฉพาะ Netflix

- การปรับเนื้อหาให้เหมาะกับท้องถิ่น

- แพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย

- ราคาที่คุ้มค่า

- การรับชมได้ทุกที่ทุกเวลา

การสร้างคอนเทนต์เองช่วยสร้างความแตกต่างและลดการพึ่งพาคอนเทนต์จากภายนอก

Channels

- แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์ต่างๆ

- เว็บไซต์

- การตลาดดิจิทัล

- สื่อสังคมออนไลน์

ช่องทางดิจิทัลช่วยให้เข้าถึงผู้ชมได้ทั่วโลกด้วยต้นทุนที่ต่ำ

Customer Relationships

- การแนะนำคอนเทนต์ส่วนบุคคล

- ระบบสมาชิก

- การรับฟังความคิดเห็น

- การสร้างชุมชนแฟนคลับ

การใช้ข้อมูลและ AI ในการสร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว

Revenue Streams

- ค่าสมาชิกรายเดือน

- การขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์

- สินค้าที่ระลึก

โมเดลรายได้แบบสมาชิกช่วยสร้างรายได้ที่แน่นอนและต่อเนื่อง

Key Activities

- การผลิตคอนเทนต์

- การพัฒนาแพลตฟอร์ม

- การวิเคราะห์ข้อมูล

- การทำการตลาด

การลงทุนในการผลิตคอนเทนต์คุณภาพสูงและเทคโนโลยี

Key Resources

- คลังคอนเทนต์

- แพลตฟอร์มเทคโนโลยี

- ข้อมูลผู้ใช้

- แบรนด์ที่แข็งแกร่ง

ทรัพยากรที่สำคัญคือคอนเทนต์และเทคโนโลยี

Key Partners

- ผู้ผลิตคอนเทนต์

- ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต

- ผู้ผลิตอุปกรณ์

- นักแสดงและผู้กำกับ

การสร้างพันธมิตรช่วยขยายการเข้าถึงและเพิ่มคุณค่า

Cost Structure

- การผลิตคอนเทนต์

- การพัฒนาเทคโนโลยี

- การตลาด

- ค่าลิขสิทธิ์

ต้นทุนหลักมาจากการลงทุนในคอนเทนต์และเทคโนโลยี

จากการวิเคราะห์ Business Model Canvas ของ Netflix เราจะเห็นว่าความสำเร็จของบริษัทมาจากการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างการสร้างคอนเทนต์คุณภาพสูง การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง การปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจจากการให้เช่าดีวีดีมาเป็นผู้ให้บริการสตรีมมิ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค

สรุปความสำคัญของ Business Model Canvas ต่อธุรกิจ

จากประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์ธุรกิจหลายท่าน Business Model Canvas ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวางแผนและพัฒนาธุรกิจ ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถมองเห็นภาพรวมของธุรกิจได้อย่างชัดเจน และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็วตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

การใช้ Business Model Canvas อาจต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจและฝึกฝนในช่วงแรก แต่เมื่อเข้าใจหลักการพื้นฐานแล้ว คุณจะพบว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การวางแผนธุรกิจเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ประกอบการมือใหม่หรือเจ้าของธุรกิจที่ดำเนินกิจการมานาน Business Model Canvas จะช่วยให้คุณสามารถพัฒนาธุรกิจได้อย่างมีทิศทางและประสบความสำเร็จในระยะยาว

Related News

รู้จัก Churn Rate คืออะไร ทำไมถึงกลายเป็นฝันร้ายของคนทำธุรกิจ

Churn Rate คือตัวชี้วัดการสูญเสียลูกค้าที่ส่งผลโดยตรงต่อกำไรธุรกิจ เรียนรู้สาเหตุและ 5 เทคนิคลด Churn Rate ที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริงในบทความนี้

แชร์ 5 เครื่องมือใช้เช็กอันดับเว็บไซต์ SEO ที่เอเจนซี่ใช้จริง

รวม 5 เครื่องมือเช็กอันดับเว็บที่เอเจนซี่รับทำ SEO ใช้จริง พร้อมวิธีใช้งานทีละขั้นตอน ทั้ง Google Search Console, SERanking, Ahrefs และอื่น ๆ

สอนวิธีเช็กอันดับเว็บไซต์ เช็กอันดับ SEO ด้วยตัวเอง

รวมวิธีสอนเช็กอันดับเว็บง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เช็กอันดับ SEO ยังไงได้บ้าง เลือกมาให้แค่วิธีที่ง่ายและฟรี มือใหม่ทำได้ ไม่ต้องจ้างเอเจนซี่ อัปเดต 2025

รู้จัก Churn Rate คืออะไร ทำไมถึงกลายเป็นฝันร้ายของคนทำธุรกิจ

Churn Rate คือตัวชี้วัดการสูญเสียลูกค้าที่ส่งผลโดยตรงต่อกำไรธุรกิจ เรียนรู้สาเหตุและ 5 เทคนิคลด Churn Rate ที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริงในบทความนี้

แชร์ 5 เครื่องมือใช้เช็กอันดับเว็บไซต์ SEO ที่เอเจนซี่ใช้จริง

รวม 5 เครื่องมือเช็กอันดับเว็บที่เอเจนซี่รับทำ SEO ใช้จริง พร้อมวิธีใช้งานทีละขั้นตอน ทั้ง Google Search Console, SERanking, Ahrefs และอื่น ๆ

สอนวิธีเช็กอันดับเว็บไซต์ เช็กอันดับ SEO ด้วยตัวเอง

รวมวิธีสอนเช็กอันดับเว็บง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เช็กอันดับ SEO ยังไงได้บ้าง เลือกมาให้แค่วิธีที่ง่ายและฟรี มือใหม่ทำได้ ไม่ต้องจ้างเอเจนซี่ อัปเดต 2025

logo

ติดต่อเรา

ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ