19 MAY 25
14
ไม่ว่าจะเป็นการยิงโฆษณา Google Ads, การทำเว็บไซต์ E-Commerce, ทำ SEO (Search Engine Optimization), Email Marketing หรือกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ใด ๆ นักการตลาดต่างต้องการให้เกิด “Conversion” หรือ “อัตราการแปลง” ขึ้น เพราะสิ่งนี้คือการบ่งบอกว่ากลุ่มเป้าหมายได้กระทำสิ่งต่าง ๆ ตามที่เราต้องการ อาทิ ดาวน์โหลดไฟล์เอกสาร, ลงทะเบียน, สมัครสมาชิก, คลิก LINE หรือการสั่งซื้อสินค้า และเมื่อเราทำการตลาดไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดหนึ่งที่คู่แข่งเพิ่มขึ้นหรือยอดขายลดลง สิ่งที่เราต้องทำเพื่อให้ยอดขายหรือ Conversion กลับคืนมาก็คือ “CRO” นั่นเอง CRO คืออะไร? CRO ย่อมาจากอะไร? และ CRO มีวิธีการทำอย่างไร สามารถหาคำตอบได้ในบทความนี้กับ ANGA Mastery แพลตฟอร์มแห่งคอร์สเรียนการตลาด (Marketing) โดยผู้เชี่ยวชาญจากดิจิทัลเอเจนซี่รับทำ SEO และ Performance Marketing ชั้นนำ
CRO ย่อมาจาก Conversion Rate Optimization คือกระบวนการวิเคราะห์และปรับปรุงเว็บไซต์หรือแคมเปญการตลาดออนไลน์ เพื่อเพิ่มอัตราการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้า (Conversion Rate) การทำ CRO จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์หรือ Landing Page เพื่อให้ผู้ใช้กระทำในสิ่งที่เราต้องการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อสินค้า การลงทะเบียน การดาวน์โหลดเอกสาร หรือการสมัครรับข้อมูลข่าวสารก็ตาม โดยอาศัยการทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้ การทดสอบองค์ประกอบต่าง ๆ บนเว็บไซต์ และการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง
CRO มีความสำคัญมาก สำหรับธุรกิจที่ใช้เว็บไซต์เป็นเครื่องมือในการทำการตลาด ซึ่ง CRO ไม่ได้เพียงแต่ช่วยเพิ่ม Conversion Rate หรือยอดขายให้แก่ธุรกิจเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีและมีประโยชน์ต่อธุรกิจในด้านอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะในด้านของการมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้งานและการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว
การปรับแต่งเว็บไซต์หรือ Landing Page ให้ใช้งานง่ายและสวยงามช่วยสร้างความประทับใจให้ผู้เข้าชม เมื่อพวกเขารู้สึกว่าเว็บไซต์ใช้งานสะดวก ข้อมูลชัดเจน และหาสิ่งที่ต้องการได้ง่าย โอกาสที่จะเปลี่ยนจากแค่คนเข้ามาดูเป็นลูกค้าที่จ่ายเงินก็มีมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อซ้ำในอนาคตด้วย
แทนที่จะทุ่มเงินไปกับการยิงโฆษณาจำนวนมาก เพื่อดึงคนเข้าเว็บให้มากขึ้น การทำ CRO ช่วยให้คุณทำเงินได้มากขึ้นจากคนที่เข้ามาในเว็บอยู่แล้ว เช่น การปรับปรุงปุ่ม Call to Action, การจัดวางเนื้อหาใหม่ หรือทำให้ขั้นตอนการสั่งซื้อง่ายขึ้น ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ อาจช่วยเพิ่มโอกาสให้คนกดซื้อมากขึ้นโดยที่คุณไม่ต้องเสียเงินโฆษณาเพิ่มเลย
เมื่อคนเข้ามาในเว็บไซต์แล้วใช้เวลาอยู่นาน ๆ หรือคลิกไปดูหลาย ๆ หน้า แสดงว่าพวกเขาชอบเนื้อหาบนเว็บของคุณ ส่งผลให้ค่า Bounce Rate ต่ำลง Google จึงเห็นว่าเว็บคุณมีประโยชน์และตรงกับสิ่งที่คนค้นหา จึงจัดอันดับเว็บไซต์คุณไว้ในตำแหน่งที่ดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้มีคนเห็นและเข้ามาเว็บคุณมากขึ้น (Traffic) โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินโฆษณาเพิ่มขึ้นเลย
CRO ทำให้คุณเข้าใจว่าลูกค้าชอบอะไรและไม่ชอบอะไร เมื่อคุณปรับปรุงเว็บไซต์ไปเรื่อย ๆ ตามความต้องการของลูกค้า คุณจะรู้ว่าต้องทำอย่างไรให้คนตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น ในขณะที่คู่แข่งที่ไม่ได้ทำ CRO อาจยังคงติดอยู่กับวิธีเดิม ๆ คุณก็จะค่อย ๆ ดึงลูกค้ามาจากคู่แข่งได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
แจก 5 กลยุทธ์การทำ Conversion Rate Optimization ที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยเพิ่ม Conversion Rate ได้จริง อัปเดตล่าสุด 2025 นำไปใช้เป็นแนวทางการทำ CRO ได้เลย
ก่อนจะทำ Conversion Rate Optimization หรือแก้อะไร ต้องรู้ก่อนว่าอะไรเป็นปัญหา ใช้เครื่องมืออย่าง Google Analytics 4 ดูว่าคนออกจากเว็บตรงไหนเยอะที่สุด หรือใช้ Heatmap ดูว่าคนคลิกตรงไหนบ้าง เลื่อนลงไปดูแค่ไหน ลองดูวิดีโอบันทึกหน้าจอด้วยว่าคนใช้เว็บไซต์ยังไง สะดุดตรงไหน หรือทำแบบสอบถามสั้น ๆ ถามว่าทำไมถึงไม่ซื้อ เพื่อเก็บข้อมูลมาใช้วางแผนแก้ไข
อย่าพยายามแก้ทุกหน้าพร้อมกัน ให้เริ่มจากหน้าที่มีคนเข้าเยอะแต่ไม่เกิดการซื้อ หรือหน้าที่คนทิ้งตะกร้าบ่อย ๆ มาแก้ก่อน ลองดูว่าปุ่มซื้อชัดเจนพอไหม ขั้นตอนซื้อง่ายไหม มีรูปสินค้าชัด ๆ หรือเปล่า เขียนรายละเอียดสินค้าครบหรือยัง มีระบบชำระเงินให้เลือกพอไหม หรือเว็บโหลดช้าเกินไปจนคนรอไม่ไหว
เมื่อคิดวิธีแก้ได้แล้ว อย่าเพิ่งรีบเปลี่ยนทั้งหมด ให้ทำ A/B Testing ก่อน คือทำเว็บไซต์หรือ Landing Page 2 เวอร์ชัน (เดิมกับที่แก้ใหม่) แล้วให้คนเข้าชมสลับกันไป จากนั้นดูว่าเวอร์ชันไหนมียอดซื้อหรือสมัครมากกว่ากัน ตัวอย่างเช่น ลองเปลี่ยนสีปุ่มสั่งซื้อ ปรับข้อความโปรโมชัน หรือจัดหน้าเว็บใหม่ แล้วดูผลลัพธ์ว่าเวอร์ชันไหนดีกว่ากัน
ในปี 2025 คนใจร้อนกว่าแต่ก่อนมาก เว็บช้าเกิน 3 วินาทีก็เสี่ยงคนปิดทิ้งแล้ว ลองลดขนาดรูป ลดจำนวนการใช้ปลั๊กอิน ใช้ระบบ Caching หรือย้ายไปเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วกว่า ยิ่งเว็บโหลดเร็วเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสที่คนจะอยู่ดูจนครบและตัดสินใจซื้อมากขึ้นเท่านั้น
ตอนนี้คนระวังตัวจากเว็บไซต์หลอกลวงมากขึ้น เพราะมีข่าวโกงเยอะ การทำเว็บไซต์ให้ดูน่าเชื่อถือจึงเป็นเรื่องาสำคัญ โดยแนะนำให้ใส่ข้อมูลติดต่อครบถ้วน มีที่อยู่จริง เบอร์โทรจริง ใส่โลโก้รับประกันความปลอดภัย ใส่รีวิวจากลูกค้าจริง และถ้าทำได้ ควรมีระบบแชตสดตอบคำถามทันที เพราะถ้าคนสงสัยอะไรแล้วถามไม่ได้ โอกาสซื้อจะลดลงทันที
จากที่เราอธิบายไปในบทความนี้ คุณคงเข้าใจแล้วว่า CRO คืออะไร โดย CRO คือวิธีที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น จากการได้มาซึ่งยอดขาย ยอดผู้ติดต่อ หรือ Conversion Rate เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันนั้น คุณก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มงบประมาณในการโฆษณาให้สูงขึ้นเลย อย่างไรก็ตามการทำ Conversion Rate Optimization ไม่ใช่การทำครั้งเดียวแล้วจบ คุณต้องหมั่นตรวจสอบประสิทธิภาพและวัดผลอยู่เสมอและทำ CRO อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผลลัพธ์ดีมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ สิ่งที่คุณควรรู้คือเทรนด์และพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปตลอดเวลา สิ่งที่คุณเคยทำอาจไม่ได้ผลดีในปัจจุบันแล้ว ดังนั้น อย่าลืมติดตามสิ่งเหล่านี้ด้วยล่ะ จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีมากที่สุด
พัฒนาสกิลที่ถูกต้องสำหรับผู้นำ
ด้านการตลาดออนไลน์
19 MAY
แนะนำ Rankmath SEO เครื่องมือช่วยปรับแต่ง SEO บนเว็บไซต์ WordPress ทั้ง On-Page และ Off-Page ที่มีฟีเจอร์เพียบ! บอกเลยว่านักการตลาดไม่ควรพลาด
19 MAY
19 MAY
19 MAY
19 MAY
19 MAY
ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ