19 MAY 25
129
ไม่ว่าจะเป็นการยิงโฆษณา Google Ads, การทำเว็บไซต์ E-Commerce, ทำ SEO (Search Engine Optimization), Email Marketing หรือกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ใด ๆ นักการตลาดต่างต้องการให้เกิด “Conversion” หรือ “อัตราการแปลง” ขึ้น เพราะสิ่งนี้คือการบ่งบอกว่ากลุ่มเป้าหมายได้กระทำสิ่งต่าง ๆ ตามที่เราต้องการ อาทิ ดาวน์โหลดไฟล์เอกสาร, ลงทะเบียน, สมัครสมาชิก, คลิก LINE หรือการสั่งซื้อสินค้า และเมื่อเราทำการตลาดไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดหนึ่งที่คู่แข่งเพิ่มขึ้นหรือยอดขายลดลง สิ่งที่เราต้องทำเพื่อให้ยอดขายหรือ Conversion กลับคืนมาก็คือ “CRO” นั่นเอง CRO คืออะไร? CRO ย่อมาจากอะไร? และ CRO มีวิธีการทำอย่างไร สามารถหาคำตอบได้ในบทความนี้กับ ANGA Mastery แพลตฟอร์มแห่งคอร์สเรียนการตลาด (Marketing) โดยผู้เชี่ยวชาญจากดิจิทัลเอเจนซี่รับทำ SEO และ Performance Marketing ชั้นนำ
CRO ย่อมาจาก Conversion Rate Optimization คือกระบวนการวิเคราะห์และปรับปรุงเว็บไซต์หรือแคมเปญการตลาดออนไลน์ เพื่อเพิ่มอัตราการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้า (Conversion Rate) การทำ CRO จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์หรือ Landing Page เพื่อให้ผู้ใช้กระทำในสิ่งที่เราต้องการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อสินค้า การลงทะเบียน การดาวน์โหลดเอกสาร หรือการสมัครรับข้อมูลข่าวสารก็ตาม โดยอาศัยการทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้ การทดสอบองค์ประกอบต่าง ๆ บนเว็บไซต์ และการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง
CRO มีความสำคัญมาก สำหรับธุรกิจที่ใช้เว็บไซต์เป็นเครื่องมือในการทำการตลาด ซึ่ง CRO ไม่ได้เพียงแต่ช่วยเพิ่ม Conversion Rate หรือยอดขายให้แก่ธุรกิจเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีและมีประโยชน์ต่อธุรกิจในด้านอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะในด้านของการมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้งานและการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว
การปรับแต่งเว็บไซต์หรือ Landing Page ให้ใช้งานง่ายและสวยงามช่วยสร้างความประทับใจให้ผู้เข้าชม เมื่อพวกเขารู้สึกว่าเว็บไซต์ใช้งานสะดวก ข้อมูลชัดเจน และหาสิ่งที่ต้องการได้ง่าย โอกาสที่จะเปลี่ยนจากแค่คนเข้ามาดูเป็นลูกค้าที่จ่ายเงินก็มีมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อซ้ำในอนาคตด้วย
แทนที่จะทุ่มเงินไปกับการยิงโฆษณาจำนวนมาก เพื่อดึงคนเข้าเว็บให้มากขึ้น การทำ CRO ช่วยให้คุณทำเงินได้มากขึ้นจากคนที่เข้ามาในเว็บอยู่แล้ว เช่น การปรับปรุงปุ่ม Call to Action, การจัดวางเนื้อหาใหม่ หรือทำให้ขั้นตอนการสั่งซื้อง่ายขึ้น ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ อาจช่วยเพิ่มโอกาสให้คนกดซื้อมากขึ้นโดยที่คุณไม่ต้องเสียเงินโฆษณาเพิ่มเลย
เมื่อคนเข้ามาในเว็บไซต์แล้วใช้เวลาอยู่นาน ๆ หรือคลิกไปดูหลาย ๆ หน้า แสดงว่าพวกเขาชอบเนื้อหาบนเว็บของคุณ ส่งผลให้ค่า Bounce Rate ต่ำลง Google จึงเห็นว่าเว็บคุณมีประโยชน์และตรงกับสิ่งที่คนค้นหา จึงจัดอันดับเว็บไซต์คุณไว้ในตำแหน่งที่ดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้มีคนเห็นและเข้ามาเว็บคุณมากขึ้น (Traffic) โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินโฆษณาเพิ่มขึ้นเลย
CRO ทำให้คุณเข้าใจว่าลูกค้าชอบอะไรและไม่ชอบอะไร เมื่อคุณปรับปรุงเว็บไซต์ไปเรื่อย ๆ ตามความต้องการของลูกค้า คุณจะรู้ว่าต้องทำอย่างไรให้คนตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น ในขณะที่คู่แข่งที่ไม่ได้ทำ CRO อาจยังคงติดอยู่กับวิธีเดิม ๆ คุณก็จะค่อย ๆ ดึงลูกค้ามาจากคู่แข่งได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
แจก 5 กลยุทธ์การทำ Conversion Rate Optimization ที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยเพิ่ม Conversion Rate ได้จริง อัปเดตล่าสุด 2025 นำไปใช้เป็นแนวทางการทำ CRO ได้เลย
ก่อนจะทำ Conversion Rate Optimization หรือแก้อะไร ต้องรู้ก่อนว่าอะไรเป็นปัญหา ใช้เครื่องมืออย่าง Google Analytics 4 ดูว่าคนออกจากเว็บตรงไหนเยอะที่สุด หรือใช้ Heatmap ดูว่าคนคลิกตรงไหนบ้าง เลื่อนลงไปดูแค่ไหน ลองดูวิดีโอบันทึกหน้าจอด้วยว่าคนใช้เว็บไซต์ยังไง สะดุดตรงไหน หรือทำแบบสอบถามสั้น ๆ ถามว่าทำไมถึงไม่ซื้อ เพื่อเก็บข้อมูลมาใช้วางแผนแก้ไข
อย่าพยายามแก้ทุกหน้าพร้อมกัน ให้เริ่มจากหน้าที่มีคนเข้าเยอะแต่ไม่เกิดการซื้อ หรือหน้าที่คนทิ้งตะกร้าบ่อย ๆ มาแก้ก่อน ลองดูว่าปุ่มซื้อชัดเจนพอไหม ขั้นตอนซื้อง่ายไหม มีรูปสินค้าชัด ๆ หรือเปล่า เขียนรายละเอียดสินค้าครบหรือยัง มีระบบชำระเงินให้เลือกพอไหม หรือเว็บโหลดช้าเกินไปจนคนรอไม่ไหว
เมื่อคิดวิธีแก้ได้แล้ว อย่าเพิ่งรีบเปลี่ยนทั้งหมด ให้ทำ A/B Testing ก่อน คือทำเว็บไซต์หรือ Landing Page 2 เวอร์ชัน (เดิมกับที่แก้ใหม่) แล้วให้คนเข้าชมสลับกันไป จากนั้นดูว่าเวอร์ชันไหนมียอดซื้อหรือสมัครมากกว่ากัน ตัวอย่างเช่น ลองเปลี่ยนสีปุ่มสั่งซื้อ ปรับข้อความโปรโมชัน หรือจัดหน้าเว็บใหม่ แล้วดูผลลัพธ์ว่าเวอร์ชันไหนดีกว่ากัน
ในปี 2025 คนใจร้อนกว่าแต่ก่อนมาก เว็บช้าเกิน 3 วินาทีก็เสี่ยงคนปิดทิ้งแล้ว ลองลดขนาดรูป ลดจำนวนการใช้ปลั๊กอิน ใช้ระบบ Caching หรือย้ายไปเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วกว่า ยิ่งเว็บโหลดเร็วเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสที่คนจะอยู่ดูจนครบและตัดสินใจซื้อมากขึ้นเท่านั้น
ตอนนี้คนระวังตัวจากเว็บไซต์หลอกลวงมากขึ้น เพราะมีข่าวโกงเยอะ การทำเว็บไซต์ให้ดูน่าเชื่อถือจึงเป็นเรื่องาสำคัญ โดยแนะนำให้ใส่ข้อมูลติดต่อครบถ้วน มีที่อยู่จริง เบอร์โทรจริง ใส่โลโก้รับประกันความปลอดภัย ใส่รีวิวจากลูกค้าจริง และถ้าทำได้ ควรมีระบบแชตสดตอบคำถามทันที เพราะถ้าคนสงสัยอะไรแล้วถามไม่ได้ โอกาสซื้อจะลดลงทันที
จากที่เราอธิบายไปในบทความนี้ คุณคงเข้าใจแล้วว่า CRO คืออะไร โดย CRO คือวิธีที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น จากการได้มาซึ่งยอดขาย ยอดผู้ติดต่อ หรือ Conversion Rate เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันนั้น คุณก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มงบประมาณในการโฆษณาให้สูงขึ้นเลย อย่างไรก็ตามการทำ Conversion Rate Optimization ไม่ใช่การทำครั้งเดียวแล้วจบ คุณต้องหมั่นตรวจสอบประสิทธิภาพและวัดผลอยู่เสมอและทำ CRO อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผลลัพธ์ดีมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ สิ่งที่คุณควรรู้คือเทรนด์และพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปตลอดเวลา สิ่งที่คุณเคยทำอาจไม่ได้ผลดีในปัจจุบันแล้ว ดังนั้น อย่าลืมติดตามสิ่งเหล่านี้ด้วยล่ะ จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีมากที่สุด
พัฒนาสกิลที่ถูกต้องสำหรับผู้นำ
ด้านการตลาดออนไลน์
26 MAY
คอร์สเรียน Google Tag Manager โดยตรงจากเอเจนซี่ สอนทุกเทคนิคการติดตั้ง Tracking โดยไม่ต้องเขียนโค้ด
26 MAY
26 MAY
19 MAY
19 MAY
19 MAY
ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ