CLS คือ อะไร? ทำความเข้าใจ Cumulative Layout Shif ที่สำคัญต่อ SEO

By Rachavit Whangpatanathon I MD at ANGA Group

10 FEBRUARY 25

189

44.webp

รู้หรือไม่ว่าคุณภาพของเว็บนั้น ไม่ได้วัดกันแค่ความสวยงามหรือความเร็วในการโหลดอีกต่อไป แต่ประสบการณ์การใช้งานของผู้เข้าชมกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ Google ให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในตัวชี้วัดที่น่าสนใจคือ Cumulative Layout Shift (CLS) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Core Web Vitals ที่ส่งผลโดยตรงต่อการจัดอันดับใน Google บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจว่า CLS คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และจะปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อย่างไร

ทำความเข้าใจพื้นฐานของ CLS และความสำคัญต่อ SEO

เมื่อพูดถึงการทำ SEO คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบน Google ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่การทำ Content หรือ Backlinks อีกต่อไป แต่ยังรวมถึงปัจจัยด้านเทคนิคอย่าง CLS ด้วย Cumulative Layout Shift คือ การวัดความเสถียรของการแสดงผลหน้าเว็บ โดยดูว่ามีองค์ประกอบใดในหน้าเว็บที่เลื่อนหรือขยับโดยไม่คาดคิดหรือไม่

การที่ CLS SEO มีความสำคัญเพิ่มขึ้น เป็นเพราะ Google เห็นว่าประสบการณ์ผู้ใช้งานมีผลต่อความสำเร็จของธุรกิจออนไลน์ เว็บไซต์ที่มีการแสดงผลไม่เสถียร เนื้อหากระโดดไปมา จะทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกหงุดหงิดและอาจออกจากเว็บไปในที่สุด

ตารางเปรียบเทียบค่า CLS ที่ Google กำหนด

ระดับคุณภาพ

ค่า CLS

ผลต่อ SEO

ดี

น้อยกว่า 0.1

ส่งผลดีต่อการจัดอันดับ

ต้องปรับปรุง

0.1 - 0.25

อาจส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับ

แย่

มากกว่า 0.25

ส่งผลเสียต่อการจัดอันดับ

วิธีการตรวจสอบและวัดค่า CLS อย่างละเอียด

สำหรับผู้ที่กำลังเรียน SEO การเข้าใจวิธีตรวจสอบค่า CLS เป็นทักษะสำคัญ เพราะจะช่วยให้สามารถวิเคราะห์และปรับปรุงเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ Google มีเครื่องมือหลายตัวที่ช่วยในการวัดค่า CLS โดยแต่ละเครื่องมือมีจุดเด่นแตกต่างกันไป

การใช้ Google PageSpeed Insights

PageSpeed Insights เป็นเครื่องมือยอดนิยมที่ให้ข้อมูลครบถ้วนทั้ง Lab Data และ Field Data พร้อมคำแนะนำในการปรับปรุง เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นศึกษาเรื่อง Core Web Vitals

การใช้ Chrome DevTools

Chrome DevTools มีฟีเจอร์พิเศษที่ช่วยให้เห็นการเคลื่อนไหวของ Layout Shift แบบ Real-time ทำให้ระบุปัญหาได้ง่ายขึ้น

การติดตามผ่าน Google Search Console

สำหรับผู้ที่สนใจใน Google Analytics 4 จะพบว่า Search Console มีรายงาน Core Web Vitals โดยเฉพาะ ซึ่งรวมถึงข้อมูล CLS ด้วย

สาเหตุที่ทำให้เกิด CLS และวิธีแก้ไข

การทำความเข้าใจสาเหตุของ CLS เป็นก้าวแรกสู่การแก้ไขปัญหา โดยทั่วไปแล้ว ปัญหา CLS มักเกิดจากการพัฒนาเว็บที่ไม่ได้คำนึงถึงการจัดการพื้นที่แสดงผลที่ดีพอ

1. รูปภาพและวิดีโอที่ไม่ระบุขนาด

การแก้ไข : 

<!-- วิธีที่ถูกต้อง --> 

<img src="image.jpg" width="800" height="600" alt="ตัวอย่างภาพ">

2. การจัดการพื้นที่โฆษณา

การแก้ไข : 

.ad-container { 

min-height: 250px; 

width: 300px; 

margin: 0 auto;

}

3. การจัดการ Dynamic Content อย่างถูกวิธี

การโหลดเนื้อหาแบบ Dynamic เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในเว็บสมัยใหม่ แต่เราสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย วิธีต่อไปนี้

// ใช้ Intersection Observer สำหรับ Lazy Loading Content 

const contentObserver = new IntersectionObserver((entries) => {

entries.forEach(entry => { 

if (entry.isIntersecting) { 

loadDynamicContent(entry.target);

 }

}); 

}, { 

rootMargin: '50px 0px' // Preload ก่อนที่จะถึง element 

}); 

function loadDynamicContent(container) { 

// สร้าง placeholder ที่มีขนาดเท่ากับเนื้อหาจริง 

container.style.minHeight = '200px'; 

// โหลดเนื้อหา

.then(response => response.json()) 

.then(data => { 

container.innerHTML = data.content; 

}); 

}

4. การจัดการ Third-party Content และโฆษณา

การจัดการเนื้อหาจากภายนอกเป็นความท้าทายสำคัญในการควบคุม CLS

<!-- สำรองพื้นที่สำหรับโฆษณา -->

<style>

.ad-slot {

  min-height250px;

  min-width300px;

  background: #f0f0f0;

  margin0 auto;

  display: flex;

  align-items: center;

  justify-content: center;

}

</style>

 

<div class="ad-slot" id="main-ad">

  <p>Advertisement</p>

</div>

 

<script>

// โหลดโฆษณาหลังจากสำรองพื้นที่แล้ว

window.addEventListener('load', () => {

  loadAdvertisement('main-ad');

});

</script>

5. การใช้ CSS Transform แทนการเปลี่ยน Layout

เมื่อต้องการทำ animation ควรใช้ CSS transform แทนการเปลี่ยนแปลง layout properties

/* ไม่ดี - ทำให้เกิด Layout Shift */

.expand-bad {

  height100px;

  transition: height 0.3s;

}

.expand-bad:hover {

  height200px;

}

 

/* ดี - ใช้ transform ไม่กระทบ layout */

.expand-good {

  transformscale(1);

  transition: transform 0.3s;

}

.expand-good:hover {

  transformscale(1.5);

}

Best Practices ในการพัฒนาเว็บเพื่อลด CLS

1. การวางแผนโครงสร้างหน้าเว็บ

การออกแบบโครงสร้างหน้าเว็บที่ดีควรคำนึงถึง

  1. การสำรองพื้นที่สำหรับ dynamic content
  2. การจัดลำดับการโหลด
  3. การใช้ skeleton screens
  4. การกำหนดขนาดองค์ประกอบต่างๆ ล่วงหน้า

<!-- ตัวอย่าง Skeleton Screen -->

<style>

.skeleton {

  backgroundlinear-gradient(90deg, #f0f0f0 25%, #e0e0e0 50%, #f0f0f0 75%);

  background-size200100%;

  animation: loading 1.5s infinite;

}

 

@keyframes loading {

  0%background-position2000; }

  100%background-position-2000; }

}

 

.article-skeleton {

  padding20px;

}

 

.title-skeleton {

  height32px;

  margin-bottom15px;

}

 

.text-skeleton {

  height20px;

  margin-bottom10px;

}

</style>

 

<div class="article-skeleton">

  <div class="title-skeleton skeleton"></div>

  <div class="text-skeleton skeleton"></div>

  <div class="text-skeleton skeleton"></div>

  <div class="text-skeleton skeleton" style="width: 80%;"></div>

</div>

2. การจัดการ Performance Budget

การกำหนด Performance Budget สำหรับ CLS

// ติดตาม CLS ด้วย Web Vitals

import {getCLS} from 'web-vitals';

 

getCLS(({value}) => {

  // ส่งค่า CLS ไปยัง Analytics

  if (value > 0.1) {

    console.warn('CLS exceeded budget:', value);

    sendToAnalytics({

      metric: 'cls',

      value: value,

      path: window.location.pathname

    });

  }

});

3. การทำ Progressive Enhancement

การพัฒนาแบบ Progressive Enhancement ช่วยให้เว็บทำงานได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม

<!-- Base styling -->

<style>

.content {

  font-family: system-ui, sans-serif;

}

 

/* Enhanced styling with Web Fonts */

@supports (font-variation-settings: normal) {

  .content {

    font-family'Variable Font', system-ui, sans-serif;

  }

}

</style>

 

<!-- Base image -->

<img src="small.jpg" 

     alt="Content image"

     width="400"

     height="300">

 

<!-- Enhanced image loading -->

<script>

if ('loading' in HTMLImageElement.prototype) {

  // ใช้ native lazy loading

  const images = document.querySelectorAll('img[loading="lazy"]');

  images.forEach(img => {

    img.src = img.dataset.src;

  });

else {

  // Fallback to Intersection Observer

  // ...

}

</script>

4. การ Optimize สำหรับ Mobile

การ optimize สำหรับ mobile มีความสำคัญเป็นพิเศษเนื่องจากข้อจำกัดด้านขนาดหน้าจอและการเชื่อมต่อ

/* Mobile-first design */

.container {

  width100%;

  padding15px;

}

 

/* ปรับขนาดตาม viewport */

@media (min-width: 768px) {

  .container {

    max-width750px;

    margin0 auto;

  }

}

 

/* ปรับ font-size ตาม viewport */

:root {

  --base-font16px;

  --scale-ratio1.2;

}

 

@media (min-width: 768px) {

  :root {

    --base-font18px;

    --scale-ratio1.25;

  }

}

 

.title {

  font-sizecalc(var(--base-font* var(--scale-ratio));

}

5. การ Monitor และ Debug CLS

การติดตามและแก้ไขปัญหา CLS อย่างต่อเนื่อง

// ติดตาม Layout Shifts

let layoutShifts = [];

 

new PerformanceObserver((list) => {

  for (const entry of list.getEntries()) {

    if (!entry.hadRecentInput) {

      layoutShifts.push({

        timestamp: entry.startTime,

        value: entry.value,

        elements: entry.sources.map(source => ({

          node: source.node,

          previousRect: source.previousRect,

          currentRect: source.currentRect

        }))

      });

    }

  }

}).observe({entryTypes: ['layout-shift']});

 

// วิเคราะห์ Layout Shifts

function analyzeLayoutShifts() {

  const totalCLS = layoutShifts.reduce((sum, shift) => sum + shift.value, 0);

  console.log('Total CLS:', totalCLS);

  

  // หา elements ที่มีการ shift มากที่สุด

  const elementShifts = new Map();

  layoutShifts.forEach(shift => {

    shift.elements.forEach(element => {

      const current = elementShifts.get(element.node) || 0;

      elementShifts.set(element.node, current + shift.value);

    });

  });

  

  console.log('Elements causing shifts:'

    Array.from(elementShifts.entries())

      .sort((a, b) => b[1- a[1])

      .slice(05)

  );

}

เทคนิคขั้นสูงในการปรับปรุง CLS

วิธีทำให้ SEO ติดหน้าแรก สิ่งสำคัญคือการปรับปรุง CLS ให้ได้ผลดีที่สุด ทำให้คุณจำเป็นต้องเข้าใจเทคนิคขั้นสูงเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ JavaScript ที่เหมาะสม การจัดการ Font Loading หรือการทำ Responsive Design ที่มีประสิทธิภาพ

การใช้ Font Loading API อย่างมีประสิทธิภาพ

การโหลด Web Font เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิด CLS เนื่องจากเมื่อฟอนต์โหลดเสร็จ ขนาดและรูปแบบของตัวอักษรอาจเปลี่ยนไปจากฟอนต์เริ่มต้น ทำให้เกิดการขยับของเนื้อหา เราสามารถจัดการปัญหานี้ได้หลายวิธี

1.การใช้ Font Loading API

// ตรวจสอบว่าบราวเซอร์รองรับ Font Loading API หรือไม่

if ('fonts' in document) {

  // โหลดฟอนต์แบบ Promise

  document.fonts.load('1em YourFontName').then(() => {

    // ทำงานหลังจากโหลดฟอนต์เสร็จ

    document.documentElement.classList.add('fonts-loaded');

  });

}

2.การกำหนด font-display

@font-face {

  font-family'YourFontName';

  srcurl('/fonts/your-font.woff2'format('woff2');

  font-display: swap; /* หรือใช้ optional สำหรับ CLS ที่ดีกว่า */

}

3.การ Preload ฟอนต์สำคัญ

<link rel="preload" 

      href="/fonts/your-font.woff2" 

      as="font"

      type="font/woff2" 

crossorigin>

นอกจากนี้ การใช้ CSS ที่ชาญฉลาดยังช่วยลดผลกระทบจาก Font Loading ได้

/* กำหนดขนาดฟอนต์ให้ใกล้เคียงกับ Web Font */

body {

  font-family: Arial, sans-serif; /* Fallback font */

}

 

.fonts-loaded body {

  font-family'YourFontName', Arial, sans-serif;

}

 

/* ใช้ size-adjust และ ascent-override เพื่อปรับ Fallback font */

@font-face {

  font-family: Arial;

  size-adjust95%;

  ascent-override90%;

}

การเลือกใช้ font-display มีผลต่อการแสดงผลดังนี้

  • swap: แสดง Fallback font ก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนเป็น Web Font (อาจทำให้เกิด FOUT)
  • block: ซ่อนข้อความจนกว่า Web Font จะโหลดเสร็จ (อาจทำให้เกิด FOIT)
  • optional: โหลด Web Font แต่ใช้เฉพาะเมื่อพร้อมก่อนการแสดงผลครั้งแรก
  • fallback: คล้าย optional แต่มีเวลารอสั้นกว่า

การทำ Responsive Images เพื่อลด CLS

การจัดการรูปภาพแบบ Responsive ที่ดีไม่เพียงช่วยประหยัด Bandwidth แต่ยังช่วยลด CLS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูวิธีการทำที่แนะนำ

1.การกำหนดสัดส่วนภาพล่วงหน้า

<!-- วิธีดั้งเดิม -->

<img src="image.jpg" width="800" height="600" alt="ตัวอย่างภาพ">

 

<!-- วิธีใหม่ใช้ aspect-ratio -->

<style>

.image-container {

  aspect-ratio4/3;

  width100%;

}

</style>

<div class="image-container">

  <img src="image.jpg" alt="ตัวอย่างภาพ">

</div>

2.การใช้ srcset และ sizes สำหรับภาพ Responsive

<img src="small.jpg"

     srcset="small.jpg 300w,

             medium.jpg 600w,

             large.jpg 900w"

     sizes="(max-width: 320px) 280px,

            (max-width: 640px) 580px,

            800px"

    alt="ตัวอย่างภาพ Responsive">

3.การใช้ picture element สำหรับ Art Direction

<picture>

  <source media="(min-width: 800px)" srcset="hero.jpg">

  <source media="(min-width: 400px)" srcset="medium.jpg">

  <img src="small.jpg" alt="ตัวอย่างภาพ">

</picture>

สรุปและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

ในฐานะที่ ANGA Mastery เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO เราตอบได้เลยว่าการปรับปรุง CLS ไม่ใช่เพียงการทำตามข้อกำหนดของ Google แต่เป็นการยกระดับคุณภาพเว็บไซต์โดยรวม เราแนะนำให้เริ่มจากการตรวจสอบค่า CLS ปัจจุบัน วิเคราะห์สาเหตุ และวางแผนการปรับปรุงอย่างเป็นระบบ

สำหรับผู้ที่สนใจทำ SEO ควรให้ความสำคัญกับ CLS ควบคู่ไปกับปัจจัยอื่นๆ เช่น INP คือ เมตริกใหม่ล่าสุดจาก Google ที่จะมีผลต่อการจัดอันดับในอนาคต การปรับปรุง CLS ที่ดีไม่เพียงช่วยเรื่อง SEO แต่ยังส่งผลดีต่อ Conversion Rate และความพึงพอใจของผู้ใช้งานอีกด้วย

และหากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำการตลาดดิจิทัล เราแนะนำหลักสูตรเรียน Google Ads และ Facebook Ads ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจภาพรวมของการทำการตลาดออนไลน์แบบครบวงจร

Related News

รู้จัก Churn Rate คืออะไร ทำไมถึงกลายเป็นฝันร้ายของคนทำธุรกิจ

Churn Rate คือตัวชี้วัดการสูญเสียลูกค้าที่ส่งผลโดยตรงต่อกำไรธุรกิจ เรียนรู้สาเหตุและ 5 เทคนิคลด Churn Rate ที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริงในบทความนี้

แชร์ 5 เครื่องมือใช้เช็กอันดับเว็บไซต์ SEO ที่เอเจนซี่ใช้จริง

รวม 5 เครื่องมือเช็กอันดับเว็บที่เอเจนซี่รับทำ SEO ใช้จริง พร้อมวิธีใช้งานทีละขั้นตอน ทั้ง Google Search Console, SERanking, Ahrefs และอื่น ๆ

สอนวิธีเช็กอันดับเว็บไซต์ เช็กอันดับ SEO ด้วยตัวเอง

รวมวิธีสอนเช็กอันดับเว็บง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เช็กอันดับ SEO ยังไงได้บ้าง เลือกมาให้แค่วิธีที่ง่ายและฟรี มือใหม่ทำได้ ไม่ต้องจ้างเอเจนซี่ อัปเดต 2025

รู้จัก Churn Rate คืออะไร ทำไมถึงกลายเป็นฝันร้ายของคนทำธุรกิจ

Churn Rate คือตัวชี้วัดการสูญเสียลูกค้าที่ส่งผลโดยตรงต่อกำไรธุรกิจ เรียนรู้สาเหตุและ 5 เทคนิคลด Churn Rate ที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริงในบทความนี้

แชร์ 5 เครื่องมือใช้เช็กอันดับเว็บไซต์ SEO ที่เอเจนซี่ใช้จริง

รวม 5 เครื่องมือเช็กอันดับเว็บที่เอเจนซี่รับทำ SEO ใช้จริง พร้อมวิธีใช้งานทีละขั้นตอน ทั้ง Google Search Console, SERanking, Ahrefs และอื่น ๆ

สอนวิธีเช็กอันดับเว็บไซต์ เช็กอันดับ SEO ด้วยตัวเอง

รวมวิธีสอนเช็กอันดับเว็บง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เช็กอันดับ SEO ยังไงได้บ้าง เลือกมาให้แค่วิธีที่ง่ายและฟรี มือใหม่ทำได้ ไม่ต้องจ้างเอเจนซี่ อัปเดต 2025

logo

ติดต่อเรา

ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ