ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าการเขียนบทความ SEO ที่ดีจะต้องเขียนตามหลัก E-E-A-T Factor มีโครงสร้างเนื้อหาที่ชัดเจน และมีการนำคีย์เวิร์ดหรือคำค้นหามาใช้งาน ซึ่งในหนึ่งหน้าเว็บควรมีคีย์เวิร์ดหลักเพียงแค่หนึ่งคำเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสับสน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องใช้คีย์เวิร์ดหลักคำเดียวนั้นซ้ำไปซ้ำมา คุณควรนำ LSI Keywords มาใช้งานด้วย โดย LSI คือคีย์เวิร์ดแวดล้อมที่มีความเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดหลัก (ไม่ใช่คำที่มีความหมายหรือคำพ้องเหมือนคีย์เวิร์ดหลักนะ) LSI Keywords นี่เอง ที่จะช่วยทำให้บทความของคุณน่าสนใจขึ้น มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น และยังส่งผลดีต่อประสิทธิภาพของการทำ SEO เข้าไปอีก เนื่องจาก LSI Keywords คือสิ่งที่ทำให้ Google เข้าใจบริบทของเนื้อหา เข้าใจเนื้อหาโดยรวม และสามารถติดอันดับเหมือนคีย์เวิร์ดหลักได้ด้วย ต้องบอกว่านี้คือวิธีทำ SEO ติดหน้าแรกที่หลาย ๆ เว็บไซต์ใช้กันเลยก็ว่าได้ มาเรียนรู้ว่า LSI คืออะไร พร้อมวิธีนำไปใช้งานในบทความนี้กับ ANGA Mastery
LSI Keywords คืออะไร
LSI Keywords คือกลุ่มคำที่เราใช้เพื่อขยายความคีย์เวิร์ดคำหลักในเนื้อหา ช่วยทำให้บทความมีความสมบูรณ์และอธิบายเรื่องราวได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เหมือนการใช้คำแวดล้อมส่งเสริมคีย์เวิร์ดหลักเพื่อให้ผู้อ่านและ Google เข้าใจว่าเนื้อหาของเรากำลังพูดถึงอะไร ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเขียนบทความ SEO เกี่ยวกับ “กาแฟ” เราอาจใช้คำว่า “เมล็ดกาแฟ” “วิธีชงกาแฟ” “รสชาติของกาแฟ” “บาริสต้า” เพื่อให้เนื้อหามีความครบถ้วนและน่าสนใจยิ่งขึ้น
LSI มาจากคำว่า Latent Semantic Indexing ซึ่งหมายถึงการใช้ดัชนีความหมายที่เชื่อมโยงกัน คำเหล่านี้ไม่ใช่แค่คำที่มีความหมายเหมือนกัน แต่เป็นคำที่มีความเกี่ยวข้องและช่วยอธิบายเรื่องราวให้ชัดเจนขึ้น เช่น ถ้าพูดถึง “บัตรเครดิต” เราจะเจอคำที่เกี่ยวข้องอย่าง “วงเงิน” “ดอกเบี้ย” “คะแนนสะสม” “สิทธิประโยชน์” ซึ่งคำเหล่านี้ช่วยให้เข้าใจเรื่องบัตรเครดิตได้ดีมากขึ้น
LSI Keywords สำคัญกับการทำ SEO อย่างไร
LSI คือส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับบน Google ได้ดียิ่งขึ้น เพราะช่วยให้ทั้ง Google และผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาของคุณได้ชัดเจนขึ้น เหมือนการเล่าเรื่องที่มีรายละเอียดครบถ้วน ไม่ใช่แค่พูดคำเดิมซ้ำไปซ้ำมา และยังช่วยให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับจากคำค้นหาที่หลากหลายมากขึ้นด้วย มาดูกันว่า LSI Keywords ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO ได้อย่างไรบ้าง
Google เข้าใจเนื้อหาของคุณได้ดีขึ้น
Google ในปัจจุบันฉลาดขึ้นมาก สามารถเข้าใจความหมายและบริบทของเนื้อหาได้ดีกว่าแต่ก่อน เช่น ถ้าเราเขียนเรื่อง “แอปเปิล” แล้วใช้คำว่า “วิตามิน” “ผลไม้” “สารอาหาร” Google จะรู้ว่าเรากำลังพูดถึงผลแอปเปิล ไม่ใช่บริษัทผลิตไอโฟน แบบนี้เนื้อหาของเราก็จะไปโผล่ให้คนที่อยากรู้เรื่องผลไม้เห็น ไม่ใช่ไปปนกับคนที่กำลังหาข้อมูลเรื่องมือถือ
เพิ่มจำนวนคีย์เวิร์ดที่ติดอันดับ
คนที่สนใจเรื่องการออมเงินอาจใช้คำค้นหาต่างกัน บางคนพิมพ์ “วิธีเก็บเงิน” บางคนพิมพ์ “จัดการการเงิน” บางคนพิมพ์ “ออมเงินยังไงดี” การใช้ LSI Keywords ที่หลากหลายช่วยให้เว็บคุณมีโอกาสติดอันดับจากทุกคำค้นหาเหล่านี้ ยิ่งมีคนเจอเว็บคุณได้หลายทาง ยอดคนอ่านก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเนื้อหา
เนื้อหาที่พูดถึงเรื่อง “การดูแลรถยนต์” แล้วมีคำที่เกี่ยวข้องอย่าง “ระบบเครื่องยนต์” “การบำรุงรักษา” “ตรวจเช็กสภาพ” “น้ำมันเครื่อง” จะดูน่าเชื่อถือกว่าเนื้อหาที่พูดแค่ “ดูแลรถ” ซ้ำไปซ้ำมา เหมือนกับการฟังช่างที่มีความรู้จริงอธิบาย ย่อมดูน่าเชื่อถือกว่าคนที่พูดผิวเผิน Google ก็ชอบเนื้อหาที่มีความลึกแบบนี้และมักให้อันดับที่ดีกว่า
ไม่ถูกมองว่าสแปมคีย์เวิร์ด
แทนที่จะใช้คำว่า “ท่องเที่ยว” ซ้ำๆ ในบทความ เราสามารถใช้คำที่เกี่ยวข้องอย่าง “แหล่งท่องเที่ยว” “จุดชมวิว” “ที่พัก” “เส้นทาง” “กิจกรรม” เพื่อให้เนื้อหาอ่านสนุกและเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่น่าเบื่อ และยังช่วยอธิบายรายละเอียดการท่องเที่ยวได้ครบถ้วนกว่าด้วย
แจกวิธีหา LSI Keywords
การค้นหา LSI Keywords ที่เหมาะสมจะช่วยให้เนื้อหาของคุณโดดเด่นและครบถ้วนมากขึ้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อเครื่องมือ SEO ราคาแพง ๆ หรือจ้างเอเจนซี่รับทำ SEO ให้มาจัดการให้เลย เพราะคุณสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ตามวิธีเหล่านี้เลย
- ให้ Google Suggest – หลังจากที่เราพิมพ์คีย์เวิร์ดหลักลงไป Google ก็จะทำการแนะนำคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องด้วย
- ดู People Also Ask – เป็นฟีเจอร์ที่รวบรวมคำถามที่ผู้ใช้มักถามเกี่ยวกับหัวข้อนั้น ๆ
- ใช้ Google Image Tags – คีย์เวิร์ดที่แสดงแต่ Search Bar เมื่อคุณค้นหารูปภาพบน Google
- ดู Related Searches – จะอยู่ส่วนท้ายของหน้าแสดงผลการค้นหา (Google SERPs)
- วิเคราะห์เว็บไซต์คู่แข่ง – วิเคราะห์เว็บไซต์คู่แข่งหรือเว็บไซต์ที่ติดอันดับต้น ๆ
สอนวิธีใช้ LSI Keywords อย่างมีประสิทธิภาพ
- ใส่ใน Meta Title – ใช้ LSI Keywords ร่วมกับคีย์เวิร์ดหลักในการตั้งชื่อเรื่อง เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและบอกเล่าเนื้อหาได้ครบถ้วน
- เสริมใน Meta Description – เขียนคำอธิบายหน้าเว็บที่กระชับ ใช้คำที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นธรรมชาติ โดยมีความยาว 120 – 160 ตัวอักษร
- กระจายในเนื้อหา – ใช้ LSI Keywords ในสัดส่วน 2:1 เทียบกับคีย์เวิร์ดหลัก เน้นการเขียนที่เป็นธรรมชาติและอ่านเข้าใจง่าย
- ใส่ในหัวข้อย่อย – ช่วยแบ่งเนื้อหาให้เป็นระเบียบและเข้าใจง่าย ทำให้ผู้อ่านและ Google เห็นโครงสร้างเนื้อหาที่ชัดเจนขึ้น
- ใช้ในรูปภาพ – เพิ่ม LSI Keywords ใน Alt Text และชื่อไฟล์รูปภาพ ช่วยให้ Google เข้าใจว่ารูปภาพนี้เกี่ยวกับอะไร พร้อมกับสร้างโอกาสในการติดอันดับบน Google Image Search
สรุป
LSI Keywords คือกลยุทธ์ SEO ที่สำคัญในการช่วยให้เนื้อหาของคุณมีความสมบูรณ์และเข้าใจง่ายมากขึ้น การใช้คำที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นธรรมชาติจะช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น ส่งผลให้เว็บไซต์ติดอันดับได้ดีในระยะยาว นอกจากนี้การทำ Keyword Research อย่างละเอียด การวิเคราะห์ User Intent และการทำ Content Optimization อย่างต่อเนื่องก็เป็นสิ่งสำคัญ
หากคุณสนใจเรียน SEO กับผู้เชี่ยวชาญจากเอเจนซี่ชั้นนำโดยตรง สามารถเข้าร่วมคอร์สเรียน SEO กับ ANGA Mastery ได้ รวมถึงคอร์สเรียน Marketing เรื่องอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น คอร์สสอน Google Analytics 4 หรือจะเป็นคอร์สเรียนยิงแอดอย่าง คอร์สเรียน Google Ads และ คอร์สสอน Facebook Ads ก็ตาม