DuckDuckGo คืออะไร เครื่องมือค้นหาที่ถูกมองว่า “ปลอดภัย” ที่สุด

Featured Image

เรื่องความเป็นส่วนตัวกลายเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็พูดถึงในยุคนี้ ทำให้หลายคนเริ่มมองหาทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าเวลาเข้าเน็ต DuckDuckGo คือตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่อยากให้ใครมาแอบดูว่าเราค้นหาอะไรบ้าง และหลาย  ๆ คนยกให้ DuckDuckGo เป็นเครื่องมือค้นหาที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้ เพราะ DuckDuckGo คือเครื่องมือค้นหาที่ไม่เก็บข้อมูลเราและไม่เอาข้อมูลพวกนั้นไปทำโฆษณามายิงใส่เราด้วย ANGA Mastery เลยอยากชวนคุณมารู้จัก DuckDuckGo ให้มากขึ้น ไม่แน่ว่าคุณอาจจะชอบมากกว่า Google และหันมาทำ SEO Marketing ผ่านช่องทางนี้แทนก็เป็นได้

DuckDuckGo คืออะไร

DuckDuckGo คือ Search Engine ทางเลือกที่เน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานเป็นหลัก ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 โดย Gabriel Weinberg เจ้าของโลโก้รูปเป็ดที่หลายคนคุ้นตากันเป็นอย่างดี ซึ่ง DuckDuckGo แตกต่างจาก Google หรือ Search Engine รายใหญ่อื่น ๆ ตรงที่ไม่ติดตามหรือเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน ไม่มีระบบ Tracking ข้อมูล ไม่มีคุกกี้ และไม่มีการสร้างโปรไฟล์ผู้ใช้งาน ทำให้ผู้ใช้ทุกคนจะได้รับผลการค้นหาที่เหมือนกันและเป็นกลาง ไม่มีการปรับแต่งผลลัพธ์ตามพฤติกรรมของแต่ละบุคคล

DuckDuckGo มีการทำงานอย่างไร

การจัดอันดับบน DuckDuckGo จะพิจารณาจากการจับคู่คีย์เวิร์ด (Keyword) ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ และการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ในภาพรวม นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เด่นอย่าง Instant Answers ที่แสดงข้อมูลสรุปทันที, Bangs (!) ที่ช่วยค้นหาโดยตรงบนเว็บไซต์อื่น, ระบบเข้ารหัสที่ปลอดภัย, การบล็อกตัวติดตาม และ Global Privacy Control ที่แจ้งเว็บไซต์ว่าไม่ต้องการให้ขายหรือแชร์ข้อมูลส่วนตัว ทั้งหมดนี้ทำให้ DuckDuckGo เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ใส่ใจความเป็นส่วนตัวในการใช้งานอินเทอร์เน็ต แต่ด้วยความที่ DuckDuckGo ไม่ได้มีระบบเก็บข้อมูลเว็บไซต์หรือสร้างดัชนีการค้นหาเป็นของตัวเอง เนื่องจากใช้ผลการค้นหาจากแหล่งอื่น เช่น Bing, Yahoo, Yelp และ StackOverflow มาแสดงผล จึงทำให้บางครั้งผลลัพธ์อาจไม่ละเอียดหรือเจาะลึกเท่า Google ที่ใช้ AI คัดกรองข้อมูลจากทั่วทั้งเว็บโดยตรงได้

จุดเด่นของ DuckDuckGo คืออะไร

DuckDuckGo กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นจากผู้ใช้ที่ต้องการทางเลือกในการค้นหาข้อมูลออนไลน์ที่ปลอดภัย Search Engine นี้มีจุดแข็งหลายประการที่ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากเลือกหันมาใช้บริการ โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวและความโปร่งใสในการแสดงผลการค้นหา ลองมาดูจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ DuckDuckGo แตกต่างจาก Search Engine อื่นๆ

1. ไม่แสดงโฆษณาเฉพาะเจาะจง (Zero Personalized Ads)

DuckDuckGo จะแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณกำลังค้นหาในขณะนั้นเท่านั้น ไม่มีการใช้ข้อมูลส่วนตัวหรือประวัติการค้นหาเก่า ๆ มากำหนดโฆษณาที่จะแสดง คุณจึงไม่ต้องเจอกับโฆษณาที่ “ตามติด” หลังจากเคยค้นหาสินค้าหรือบริการนั้น ๆ ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์การใช้งานที่สะอาดและไม่น่ารำคาญ

2. ระบบป้องกันการติดตาม (Tracking Protection)

ฟีเจอร์ป้องกันการติดตามของ DuckDuckGo ช่วยบล็อกโค้ดติดตามที่มองไม่เห็นจากบริษัทต่าง ๆ ที่พยายามเฝ้าดูพฤติกรรมออนไลน์ของคุณได้ นอกจากจะทำงานบนการค้นหาแล้ว ยังทำงานบนเบราว์เซอร์และแอปมือถือของ DuckDuckGo ด้วย ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นส่วนตัวมากขึ้น

3. การค้นหาที่เที่ยงตรง (Unbiased Results)

ข้อดีที่ชัดเจนของ DuckDuckGo คือการแสดงผลการค้นหาแบบเดียวกันสำหรับทุกคน ไม่มีการปรับแต่งผลลัพธ์ตามประวัติหรือข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่เที่ยงตรงและหลากหลายมากขึ้น หลีกเลี่ยงปัญหา “filter bubble” ที่ผู้ใช้มักจะเห็นแต่เนื้อหาที่สอดคล้องกับสิ่งที่เคยค้นหาหรือสนใจมาก่อน

4. ปราศจากการเก็บข้อมูลผู้ใช้ (Zero Data Storage)

จุดเด่นหลักของ DuckDuckGo คือการไม่จัดเก็บข้อมูลส่วนตัวหรือประวัติการค้นหาของผู้ใช้ เมื่อคุณปิดแท็บหรือเซสชันการค้นหา ข้อมูลทั้งหมดจะถูกล้างทิ้งโดยสมบูรณ์ ไม่มีการสร้างประวัติหรือโปรไฟล์ผู้ใช้ใด ๆ 

5. ระบบการเข้ารหัสอัตโนมัติ (Smarter Encryption)

DuckDuckGo พยายามนำผู้ใช้ไปยังเวอร์ชันที่เข้ารหัส HTTPS ของเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเชื่อมต่อและลดความเสี่ยงจากการดักจับข้อมูลระหว่างการส่งข้อมูล ทำให้การท่องเว็บของคุณปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

6. คำสั่ง !Bang ที่สะดวกรวดเร็ว (Bang Commands)

DuckDuckGo มีฟีเจอร์พิเศษที่เรียกว่า !Bang ที่ช่วยให้คุณค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์เฉพาะได้อย่างรวดเร็ว เช่น พิมพ์ !yt ตามด้วยคำค้นหาเพื่อค้นหาใน YouTube หรือ !wiki เพื่อค้นหาใน Wikipedia โดยตรง ช่วยประหยัดเวลาและทำให้การค้นหาข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้น

7. ระบบตรวจสอบความปลอดภัยของเว็บไซต์ (Site Privacy Ratings)

เมื่อใช้เบราว์เซอร์หรือแอปของ DuckDuckGo คุณจะได้รับการประเมินความปลอดภัยสำหรับเว็บไซต์ที่เข้าชม แสดงเป็นระดับเกรดความปลอดภัย ช่วยให้คุณทราบว่าเว็บไซต์ใดมีการใช้ตัวติดตามมากเกินไปหรือมีความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวอื่น ๆ ทำให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าควรให้ความไว้วางใจเว็บไซต์นั้นหรือไม่

DuckDuckGo สามารถใช้ทำ SEO ได้ไหม

DuckDuckGo สามารถทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าแสดงผลการค้นหา (SERPs) ได้ โดยใช้วิธีทำ SEO พื้นฐานทั่วไปเหมือนที่ทำกับ Google ดังนี้เลย

  • การสร้างเนื้อหาคุณภาพสูงหรือบทความ SEO ที่ให้ข้อมูลครบถ้วนและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
  • การส่ง Sitemap ไปยัง Search Engine เป็นแหล่งข้อมูลหลักของ DuckDuckGo
  • การปรับปรุงความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ และประสบการณ์ผู้ใช้บนทุกอุปกรณ์
  • การพัฒนาโครงสร้างเว็บไซต์ ให้มีการจัดวาง Heading tags และ Meta tags อย่างเหมาะสม
  • การสร้าง Internal link เชื่อมโยงเนื้อหาภายในเว็บไซต์อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การได้รับ Backlink คุณภาพสูง จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือในอุตสาหกรรมเดียวกัน
  • การเพิ่มข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง และการทำ Local SEO สำหรับธุรกิจที่มีหน้าร้าน

สรุป

DuckDuckGo คือเครื่องมือค้นหาที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มากที่สุด ปัจจุบันเราใช้อินเทอร์เน็ตกันแทบทุกวัน แต่น้อยคนจะรู้ว่าทุกครั้งที่เราค้นหาอะไรบน Google ข้อมูลพวกนั้นถูกเก็บไว้และนำไปใช้สร้างโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของเรา นี่คือเหตุผลที่หลายคนเริ่มหันมาให้ความสนใจกับ DuckDuckGo มากขึ้น ใครที่รู้สึกอึดอัดกับการที่ข้อมูลส่วนตัวถูกใช้โดยที่เราไม่รู้ตัว ลองเปลี่ยนมาใช้ DuckDuckGo ดู มันอาจจะไม่สมบูรณ์แบบเท่า Google ที่เป็น Search Engine ที่นิยมใช้มากที่สุด แต่อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากขึ้นเวลาท่องเว็บ

แนะนำคอร์สเรียนการตลาดจาก ANGA Mastery สอนโดยผู้เชี่ยวชาญจากเอเจนซี่

คอร์สเรียน Google Analytics 4 เรียนออนไลน์
คอร์สเรียน SEO Strategy for Executives (Onsite)
คอร์สเรียน Website Tracking (Onsite)
คอร์สเรียนยิงแอด Facebook (Onsite)
คอร์สเรียน Google Ads

พัฒนาสกิลที่ถูกต้องสำหรับผู้นำ
ด้านการตลาดออนไลน์

ปรึกษาคอร์สเรียน
วิธี Track ผู้ใช้งานที่เข้าเว็บไซต์จาก Influencer ด้วย Google Analytics

กันยายน 16

วิธี Track ผู้ใช้งานที่เข้าเว็บไซต์จาก Influencer ด้วย Google Analytics

การทำงานกับ Influencer เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าใหม่ได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าเราไม่รู้ว่าทราฟฟิกจาก Influencer มีผลลัพธ์จริงแค่ไหน ก็ยากที่จะวัด ROI ของการจ้างงาน บทความนี้จะพาคุณทำ Step by Step ตั้งแต่การสร้างลิงก์ ไปจนถึงการดูรายงานใน Google Analytics ทำไมต้อง Track Traffic จาก Influencer? Step by Step วิธี Track User จาก Influencer ด้วย Google Analytics สมมุติว่าตอนนี้ทีมการตลาดของเราจ้าง Influencer ให้ทำคอนเท้นโปรโมทสินค้าและบริการของเราบน Facebook โดยในแคปชั่นที่เขาเขียนจะมีลิงค์เข้าเว็ปไซต์เรา เพื่อให้คนคลิ๊กเข้ามาดูรายละเอียดสินค้าและบริการของเรา 1. สร้างลิงก์ UTM สำหรับ Influencer เราจำเป็นต้องสร้าง UTM Link ของเว็บไซต์ของเรา เพื่อให้ Google Analytics รู้ว่าผู้ใช้มาจากแคมเปญ Influencer เช่น: https://angamastery.co.th/?utm_source=facebook&utm_medium=influencer&utm_campaign=summer_sale (สามารถสร้างได้ที่ ลิงค์นี้) เพียงเท่านี้ Google Analytics จะสามารถรับรู้ได้ทันทีว่า user ที่คลิ๊กเข้ามาจากลิงค์นี้เป็นคนที่คลิ๊กเข้ามาจาก Facebook Post ของ Influencer ในแคมเปญของ Summer Sale 2. แชร์ลิงก์นี้ให้ Influencer ส่งลิงก์ที่มี UTM ให้ Influencer เพื่อใส่ในคอนเท้นหรือโพสของพวกเขา 3. สร้าง Channel Group ใหม่ใน GA4 (Google Analytics 4) เพื่อให้ทราฟฟิกจาก Influencer แสดงผลใน Channel Group แยกออกมา: 1.เข้า Google Analytics 2. ไปที่ Admin > Data Settings > Channel Groups 3. คลิก Create new channel group 4. ในช่อง Group Name ให้ตั้งชื่อว่า Influencer ว่า Description ว่า GA4 Influencer Tracking 5. ในช่อง Channel name ให้ใส่ Influencer และ กำหนด Channel Condition ดังนี้: 6. กด Save Channel เพียงเท่านี้ก็จะสามารถสร้าง Default Channel Group ที่ชื่อว่า Influencer ได้เองแล้ว 4. ตรวจสอบ Report สรุป เพียงทำตาม Step ง่าย ๆ นี้ คุณก็สามารถ Track User และ Session ที่เข้ามาจาก Influencer ได้แล้ว โดยแยกเป็น Channel Group ใหม่ ทำให้เห็นชัดเจนว่า Influencer มีผลต่อ Conversion และยอดขายจริงหรือไม่

Related News

วิธี Track ผู้ใช้งานที่เข้าเว็บไซต์จาก Influencer ด้วย Google Analytics
วิธี Track ผู้ใช้งานที่เข้าเว็บไซต์จาก Influencer ด้วย Google Analytics

16 กันยายน

วิธี Track ผู้ใช้งานที่เข้าเว็บไซต์จาก Influencer ด้วย Google Analytics

เรียนรู้วิธี Track ผู้ใช้งานที่เข้าเว็บไซต์จาก Influencer ด้วย Google Analytics ตั้งแต่การสร้าง UTM ไปจนถึงการตั้งค่า Channel Group ใหม่ เพื่อวัดผลแคมเปญได้อย่างแม่นยำ

อ่านเพิ่มเติม
Facebook Ads — Budget Testing Scenario เทคนิคการยิงโฆษณาให้คุ้มค่าที่สุด

9 กันยายน

Facebook Ads — Budget Testing Scenario เทคนิคการยิงโฆษณาให้คุ้มค่าที่สุด

ANGA MASTERY นำเสนอเทคนิคการทำ Facebook Ads ที่เอเจนซี่เราใช้งานจริง นั่นก็คือการทำ Budget Testing Scenario เพื่อยิงโฆษณาให้คุ้มค่าที่สุด

อ่านเพิ่มเติม