03 JANUARY 25
677
WordPress คือเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างเว็บไซต์และจัดการเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นระบบ CMS ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในโลก เพราะมีระบบที่ใช้งานง่าย มีโครงสร้างระบบที่เป็นมิตรกับ Search Engine และที่สำคัญเลยคือมีปลั๊กอินรองรับการทำ SEO WordPress เพียบ ทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับการค้นหาบนหน้าแรกของ Google สูง สำหรับวันนี้ ANGA Mastery จะมาสอนทำ WordPress SEO อย่างมืออาชีพ แบบ Step by Step อันเป็นคู่มืออัปเดตใหม่ล่าสุด 2025 ที่คุณสามารถไกด์ดูเป็นแนวทางได้เลย! บอกเลยว่าทักษะการทำ SEO WordPress นี้ถือเป็นหนึ่งในทักษะการเป็นผู้นำที่หัวหน้าฝ่ายการตลาดและ CMO ไม่ควรพลาด
SEO WordPress คือการปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ที่สร้างด้วย WordPress ให้เป็นที่ถูกใจของผู้ใช้งาน (User) และ Search Engine หรือเครื่องมือการค้นหาอย่าง Google ถึงแม้ว่า WordPress จะมีโครงสร้างที่เป็นมิตรกับ SEO อยู่แล้ว แต่การทำ SEO ควบคู่กันไป จะช่วยขยายโอกาสให้เว็บไซต์ติดอันดับสูงบน Google ได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากการแข่งขันบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะช่องทาง Google Search ที่สูงมากขึ้นเรื่อย ๆ การพึ่งพาเพียงโครงสร้างเว็บไซต์พื้นฐานจึงไม่เพียงพออีกต่อไป
การทำ SEO WordPress อย่างถูกต้องจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเว็บไซต์ได้เป็นอย่างดี ทั้งในด้านเทคนิค โครงสร้าง และเนื้อหา ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการจัดอันดับของ Google อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือจนสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนใช้ Search Engine ในการค้นหาข้อมูลและบริการต่าง ๆ มากขึ้น
เราได้รวบรวม 20 วิธีทำ WordPress SEO ที่ครอบคลุมครบทุกด้าน พร้อมคำอธิบายและขั้นตอนการทำที่เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นที่ไม่เคยเรียน SEO และผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการทำ SEO หรือเว็บไซต์มาแล้ว เพื่อให้คุณสามารถนำไปปรับใช้กับเว็บไซต์ได้ทันที โดยวิธีการเหล่านี้ผ่านการทดสอบและพิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง อีกทั้งยังสอดคล้องกับแนวทางการทำ SEO ที่ Google ต้องการในปี 2025 อีกด้วย
โฮสติ้งที่ดีเป็นรากฐานสำคัญของการทำ SEO WordPress เพราะส่งผลต่อความเร็วในการโหลดเว็บไซต์และประสบการณ์ผู้ใช้งาน ควรเลือกโฮสติ้งที่รองรับเทคโนโลยีล่าสุดของ PHP และ MySQL มี Uptime สูง และระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง
ธีมที่เหมาะกับการทำ SEO ต้องมีโครงสร้างโค้ดที่สะอาด น้ำหนักเบา และเป็นมิตรกับ SEO ตั้งแต่ต้น ควรเลือกธีมที่มีการอัปเดตสม่ำเสมอและรองรับการทำงานร่วมกับปลั๊กอิน SEO ยอดนิยม
การติดตั้ง SSL Certificate และเปลี่ยนเว็บเป็น HTTPS ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตา Google และปกป้องข้อมูลผู้ใช้งาน ปัจจุบันสามารถขอ SSL ฟรีหรือซื้อจากผู้ให้บริการโฮสติ้งได้โดยตรง
เลือกติดตั้งเฉพาะปลั๊กอินที่จำเป็นต่อการใช้งานจริง และต้องได้รับการอัปเดตสม่ำเสมอ เพราะการมีปลั๊กอินมากเกินไปส่งผลเสียต่อความเร็วเว็บไซต์และการทำ SEO ได้
ตรวจสอบการตั้งค่า Search Engine Visibility ใน WordPress ให้เปิดโอกาสให้ Google เข้าถึงและจัดทำดัชนีเนื้อหาได้ โดยต้องไม่ติ๊กเลือกตัวเลือก "Discourage search engines"
เชื่อมต่อเว็บไซต์กับ Google Search Console เพื่อติดตามประสิทธิภาพการทำ SEO รวมถึงตรวจสอบปัญหาและรับการแจ้งเตือนจาก Google โดยตรง การเชื่อมต่อนี้ช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น
กำหนดโครงสร้าง URL ให้เป็นมิตรกับ SEO โดยเลือกรูปแบบ Post name ที่แสดงชื่อบทความในลิงก์ แทนการใช้ตัวเลขหรือวันที่ เพื่อให้ URL อ่านง่ายและจดจำได้ดี
ตั้ง Site Title หรือชื่อเว็บไซต์ให้กระชับและสื่อถึงธุรกิจหรือบริการ หลีกเลี่ยงการใส่คีย์เวิร์ดมากเกินไปใน Site Title เพราะจะส่งผลต่อการแสดงผลบน SERPs ของทุกหน้าในเว็บไซต์
เลือกติดตั้งปลั๊กอิน SEO ที่มีฟังก์ชันครบถ้วนและใช้งานง่าย เช่น Yoast SEO หรือ Rank Math เพื่อช่วยในการปรับแต่ง Meta Tags และวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำ SEO
สร้าง XML Sitemap และส่งไปยัง Google Search Console เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์และจัดทำดัชนีเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ติดตั้งปลั๊กอิน Cache เพื่อเก็บข้อมูลสำเนาของหน้าเว็บ ช่วยลดการทำงานของเซิร์ฟเวอร์และเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ ส่งผลดีต่อ Core Web Vitals
ปรับแต่ง On-Page SEO ให้มีประสิทธิภาพ โดยวางโครงสร้างเนื้อหาให้เป็นระเบียบด้วยการใช้ Heading tags (H1-H6) อย่างเหมาะสม พร้อมใส่คีย์เวิร์ดหลัก (Keyword) ใน Title tag และ Meta Description
กำหนด Alt Text สำหรับรูปภาพทุกรูปบนเว็บไซต์ โดยใช้คำอธิบายที่เกี่ยวข้องและมีคีย์เวิร์ดที่ต้องการ เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของรูปภาพ
สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ ถูกต้อง และน่าเชื่อถือตามหลัก Experience, Expertise, Authoritativeness และ Trustworthiness (E-E-A-T Factor) เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในสายตา Google
ปรับปรุงเนื้อหาเก่าและเพิ่มเนื้อหาใหม่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อแสดงให้ Google เห็นว่าเว็บไซต์ยังคงมีความเคลื่อนไหวและข้อมูลทันสมัย โดยเฉพาะการปรับปรุงข้อมูลให้เป็นของปีใหม่ล่าสุด
Link Building คือการสร้างลิงก์เชื่อมโยง ทั้งลิงก์ภายในเว็บไซต์ (Internal Link) และรับลิงก์จากเว็บไซต์ภายนอกที่มีคุณภาพ (Backlink) เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและอำนาจของโดเมน ส่งผลดีต่อการจัดอันดับบนหน้าแสดงผลการค้นหา
กำหนด Canonical สำหรับหน้าที่มีเนื้อหาเหมือนกันหรือคล้ายกัน เพื่อบอก Google ว่าหน้าไหนคือหน้าหลักที่ควรจัดทำดัชนี (Index) และนำไปจัดอันดับ
ทำ 301 Redirect ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง URL เพื่อส่งต่อพลังด้าน SEO จากลิงก์เก่าไปยังลิงก์ใหม่ และป้องกันปัญหาหน้า 404 Not Found
ทำ Noindex สำหรับหน้าที่ไม่ต้องการให้แสดงในผลการค้นหา เช่น หน้าที่ยังปรับปรุงไม่เสร็จ, หน้า Thank you, หน้าเข้าสู่ระบบ หรือหน้าที่มีเนื้อหาน้อย เพื่อให้ Google โฟกัสกับหน้าที่สำคัญเท่านั้น
เพิ่มสารบัญอัตโนมัติในหน้าบทความ (Blog) เพื่อช่วยให้ผู้อ่านนำทางไปยังส่วนที่สนใจได้ง่าย และเพิ่มโอกาสในติดอันดับ 0 ที่สร้างผลลัพธ์ได้มากกว่าอันดับ 1 หรือที่เรียกว่า Featured Snippet นั่นเอง
อยากทำ SEO ด้วยตัวเองเป็นไม่ใช่เรื่องยาก แต่คุณต้องหมั่นเรียนรู้และทำความเข้าใจพื้นฐานการทำ SEO ที่ถูกต้อง รวมถึงการฝึกทักษะนี้เป็นประจำด้วย แนะนำให้ไปลงคอร์สอน SEO จากสถาบันที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะคุณจะได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จริง พร้อมทั้งได้ฝึกปฏิบัติและเห็นผลลัพธ์จริง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนแบบ Public Training ที่เปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เรียนจากหลากหลายธุรกิจ หรือ In-House Training ที่ปรับหลักสูตรให้เข้ากับความต้องการขององค์กรโดยเฉพาะ
สำหรับองค์กรที่ต้องการพัฒนาทีมการตลาดดิจิทัล การจัดหลักสูตรอบรมพนักงานด้าน SEO เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะช่วยให้ทีมสามารถกำหนด KPI และวางกลยุทธ์การทำ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีคอร์สเรียน SEO Strategy for Executives อันเป็นหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงและหลักสูตรผู้บริหารยุคใหม่ที่เน้นการเรียนรู้ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลผ่าน Google Analytics และการวางแผนกลยุทธ์ SEO เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน (แนะนำคอร์สเรียน Google Analytics 4)
คุณสามารถเรียนรู้การทำ SEO ได้โดย
การทำใช้งาน WordPress สร้างเว็บไซต์เป็นเรื่องดีที่เจ้าของธุรกิจควรทำ และจะดีต่อธุรกิจมากขึ้นเมื่อมีการทำ SEO ร่วมด้วย ซึ่งก็คือ SEO WordPress นั่นเอง ลงทุนสร้างเว็บไซต์ทั้งที เว็บไซต์ก็ควรสร้างผลลัพธ์ให้แก่ธุรกิจได้มากที่สุดด้วย WordPress SEO จัดว่าเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่แบรนด์ดังชั้นนำเลือกทำกัน แล้วคุณล่ะ สนใจที่จะเริ่มต้นลงมือทำแล้วหรือยัง? คุณสามารถดูวิธีทำ SEO WordPress ผ่านบทความนี้ตามที่เราได้แนะนำไปได้เลย!
พัฒนาสกิลที่ถูกต้องสำหรับผู้นำ
ด้านการตลาดออนไลน์
24 JANUARY
ธุรกิจรถยนต์ควรทำการตลาดอย่างไร บทความนี้มีคำตอบ! แจก 5 สุดยอดกลยุทธ์การตลาดรถยนต์ เร่งยอดขายพุ่งทะลุเป้าและสร้างโอกาสให้แก่ธุรกิจในปี 2025
24 JANUARY
24 JANUARY
24 JANUARY
24 JANUARY
24 JANUARY
ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ