C Level คืออะไร? เจาะลึกบทบาทและความรับผิดชอบของผู้บริหารระดับสูง

By Rachavit Whangpatanathon I MD at ANGA Group

10 FEBRUARY 25

2.4k

รู้จักตำแหน่ง C-Level คืออะไร มีหน้าที่และความรับผิดชอบอะไรบ้าง.webp

โครงสร้างองค์กรสมัยใหม่มีความซับซ้อนและท้าทายมากขึ้นกว่าในอดีต การบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในยุคที่การแข่งขันสูงและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และความสามารถหลากหลายด้าน C Level หรือที่รู้จักกันในชื่อ C-Suite จึงเป็นกลุ่มผู้บริหารระดับสูงที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ทั้งด้านการกำหนดทิศทาง วางกลยุทธ์ และบริหารจัดการให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน ในขณะที่หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า CEO, CFO หรือ CMO แต่อาจยังไม่เข้าใจถึงบทบาทและความรับผิดชอบที่แท้จริง บทความนี้ ANGA Mastery จะพาคุณไปทำความรู้จักกับตำแหน่ง C Level อย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจถึงความสำคัญและเส้นทางการเติบโตสู่การเป็นผู้บริหารระดับสูง

ความหมายและความสำคัญของ C Level

ในโลกธุรกิจ C Level หรือ C-Suite เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มผู้บริหารระดับสูงสุดในองค์กร โดยตัวอักษร "C" นั้นย่อมาจากคำว่า "Chief" ซึ่งหมายถึงหัวหน้าหรือผู้นำ ผู้บริหารในระดับนี้จะมีอำนาจในการตัดสินใจสูงและรับผิดชอบการวางกลยุทธ์ขององค์กรในภาพรวม โดยแต่ละตำแหน่งจะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่แตกต่างกันไป เพื่อให้สามารถบริหารจัดการองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกมิติ

การเป็นผู้บริหารระดับ C Level นั้นต้องผ่านการสั่งสมประสบการณ์และพัฒนาทักษะการเป็นผู้นำมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่ต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ทำให้หลายองค์กรมีการจัดหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงเพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้นำอย่างต่อเนื่อง

บทบาทหลักของผู้บริหาร C Level 

ผู้บริหารระดับ C Level มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางและการเติบโตขององค์กร ซึ่งครอบคลุมความรับผิดชอบหลัก ดังนี้

  1. การกำหนดวิสัยทัศน์และกลยุทธ์องค์กร การวางวิสัยทัศน์และเป้าหมายระยะยาวเป็นหนึ่งในหน้าที่สำคัญที่สุดของผู้บริหารระดับสูง ผู้บริหารต้องสามารถมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ วิเคราะห์แนวโน้มตลาด และกำหนดทิศทางที่ชัดเจนให้กับองค์กร
  2. การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ผู้บริหาร C Level ต้องรับผิดชอบการตัดสินใจสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อองค์กรในวงกว้าง เช่น การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ การควบรวมกิจการ หรือการปรับโครงสร้างองค์กร
  3. การบริหารจัดการทรัพยากร การจัดสรรทรัพยากรทั้งด้านบุคลากร งบประมาณ และเทคโนโลยี ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร เป็นความรับผิดชอบที่สำคัญของผู้บริหารระดับสูง

โครงสร้างตำแหน่ง C Level ที่สำคัญในองค์กรสมัยใหม่

ในองค์กรสมัยใหม่ โครงสร้างผู้บริหารระดับ C Level มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น เพื่อรองรับความท้าทายทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากตำแหน่งดั้งเดิมอย่าง CEO, CFO และ COO แล้ว ยังมีตำแหน่งใหม่ๆ เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล โดยแต่ละตำแหน่งมีบทบาทและความรับผิดชอบที่แตกต่างกันไป

CEO (Chief Executive Officer) - ผู้นำสูงสุดขององค์กร 

CEO เป็นตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดขององค์กร มีหน้าที่รับผิดชอบการบริหารงานในภาพรวมทั้งหมด โดยต้องประสานงานกับผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ CEO จำเป็นต้องมีทักษะการเป็นผู้นำที่โดดเด่น สามารถสร้างแรงบันดาลใจและนำพาทีมงานให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

บทบาทและความรับผิดชอบหลักของ CEO

  • กำหนดวิสัยทัศน์และพันธกิจองค์กร
  • ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ระดับสูง
  • สร้างและรักษาความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
  • ดูแลผลประกอบการและการเติบโตขององค์กร
  • พัฒนาวัฒนธรรมองค์กรและภาวะผู้นำ

CFO (Chief Financial Officer) - ผู้นำด้านการเงิน 

CFO เป็นผู้บริหารที่รับผิดชอบด้านการเงินและการบัญชีขององค์กร ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูง CFO ไม่เพียงแต่ต้องดูแลตัวเลขทางการเงินเท่านั้น แต่ยังต้องมีวิสัยทัศน์ในการวางแผนการลงทุนและการบริหารความเสี่ยงทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ

หน้าที่สำคัญของ CFO

  • วางแผนและควบคุมการเงินขององค์กร
  • บริหารงบประมาณและการลงทุน
  • วิเคราะห์และรายงานผลการดำเนินงานทางการเงิน
  • กำหนดกลยุทธ์ทางการเงินเพื่อการเติบโต
  • ดูแลการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการเงิน

COO (Chief Operating Officer) - ผู้นำด้านการปฏิบัติการ

COO มักเป็นตำแหน่งที่รองจาก CEO และรับผิดชอบการบริหารงานประจำวันขององค์กร ต้องมีความเข้าใจในทุกกระบวนการทำงานและสามารถประสานงานระหว่างฝ่ายต่างๆ ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น

ความรับผิดชอบของ COO

  • บริหารการดำเนินงานประจำวัน
  • พัฒนาและปรับปรุงกระบวนการทำงาน
  • ควบคุมคุณภาพและประสิทธิภาพการผลิต
  • บริหารทรัพยากรองค์กร
  • ประสานงานระหว่างฝ่ายต่างๆ

CMO (Chief Marketing Officer) - ผู้นำด้านการตลาด 

CMO คือตำแหน่งอะไร? CMO เป็นผู้บริหารที่รับผิดชอบด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์ ในยุคดิจิทัล CMO ต้องเข้าใจทั้งการตลาดแบบดั้งเดิมและการตลาดดิจิทัล รวมถึงต้องเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆ อย่าง Google Analytics และ Facebook Ads เพื่อวางกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ

หน้าที่หลักของ CMO

  • วางแผนกลยุทธ์การตลาดและการสื่อสาร
  • พัฒนาและรักษาภาพลักษณ์แบรนด์
  • วิเคราะห์ตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค
  • บริหารงบประมาณการตลาด
  • วัดผลและปรับปรุงแคมเปญการตลาด

ตำแหน่ง C Level สมัยใหม่ที่น่าจับตามอง

ด้วยการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและความท้าทายใหม่ๆ ทางธุรกิจ องค์กรสมัยใหม่จึงมีการเพิ่มตำแหน่ง C Level ใหม่ๆ เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและการบริหารข้อมูล ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันทางธุรกิจ

CTO (Chief Technology Officer) และ CIO (Chief Information Officer) 

แม้ว่าทั้งสองตำแหน่งจะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี แต่มีบทบาทที่แตกต่างกัน CTO มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในขณะที่ CIO รับผิดชอบการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศภายในองค์กร ทั้งสองตำแหน่งต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่

CDO (Chief Digital Officer) 

CDO เป็นตำแหน่งที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล มีหน้าที่วางกลยุทธ์และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลขององค์กร (Digital Transformation) ซึ่งครอบคลุมทั้งการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัล รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง

CHRO (Chief Human Resources Officer) 

CHRO มีบทบาทสำคัญในการบริหารทรัพยากรบุคคลและพัฒนาองค์กร โดยเฉพาะในยุคที่การแย่งชิงบุคลากรที่มีความสามารถมีความรุนแรงมากขึ้น CHRO ต้องวางกลยุทธ์ในการดึงดูด รักษา และพัฒนาบุคลากร รวมถึงการจัดหลักสูตรอบรมพนักงานที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กร

ตารางเปรียบเทียบบทบาทและความรับผิดชอบของ C Level ในองค์กรสมัยใหม่

ตำแหน่ง

ความรับผิดชอบหลัก

ทักษะที่สำคัญ

CEO

บริหารองค์กรในภาพรวมภาวะผู้นำ, วิสัยทัศน์, การตัดสินใจ

CFO

บริหารการเงินการวิเคราะห์การเงิน, การบริหารความเสี่ยง

COO

บริหารการปฏิบัติการการจัดการ, การแก้ปัญหา

CMO

บริหารการตลาดความคิดสร้างสรรค์, การวิเคราะห์ตลาด

CTO/CIO

บริหารเทคโนโลยีความรู้ด้านเทคโนโลยี, การวางแผนกลยุทธ์

CDO

บริหารการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลนวัตกรรม, การบริหารการเปลี่ยนแปลง

CHRO

บริหารทรัพยากรบุคคลการพัฒนาบุคลากร, การสร้างวัฒนธรรมองค์กร

ทักษะสำคัญสำหรับการเป็นผู้บริหารระดับ C Level

การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับ C Level นั้นต้องอาศัยทั้งประสบการณ์และการพัฒนาทักษะที่หลากหลาย นอกเหนือจากความเชี่ยวชาญในสายงานเฉพาะด้านแล้ว ผู้บริหารระดับสูงจำเป็นต้องมีทักษะการบริหารและภาวะผู้นำที่แข็งแกร่ง สามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่ต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ อยู่เสมอ

ทักษะด้านการบริหารและภาวะผู้นำ 

ผู้บริหารระดับ C Level ต้องมีความสามารถในการนำทีมและสร้างแรงบันดาลใจให้กับพนักงาน การพัฒนาทักษะการเป็นผู้นำจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งหลายองค์กรมีการจัดหลักสูตรผู้บริหารยุคใหม่เพื่อเสริมสร้างทักษะเหล่านี้ ประกอบด้วย

  • ความสามารถในการตัดสินใจ
  • การบริหารความขัดแย้ง
  • การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
  • การสร้างและพัฒนาทีม
  • การบริหารการเปลี่ยนแปลง

ทักษะด้านกลยุทธ์และวิสัยทัศน์ 

การมองภาพรวมและเข้าใจทิศทางธุรกิจเป็นทักษะที่สำคัญมากสำหรับผู้บริหารระดับสูง โดยต้องสามารถ

  • วิเคราะห์แนวโน้มตลาดและการแข่งขัน
  • มองเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
  • วางแผนกลยุทธ์ระยะยาว
  • บริหารความเสี่ยงองค์กร
  • สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

ทักษะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม 

ในยุคดิจิทัล ผู้บริหารต้องเข้าใจและสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน SEO, การใช้ Google Analytics 4 หรือการทำ Facebook Ads เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน นอกจากนี้ยังต้อง

  • เข้าใจเทคโนโลยีใหม่ๆ และผลกระทบต่อธุรกิจ
  • สนับสนุนการสร้างนวัตกรรมในองค์กร
  • บริหารการเปลี่ยนแปลงดิจิทัล
  • ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ

การพัฒนาตนเองสู่การเป็นผู้บริหารระดับ C Level

การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับ C Level ต้องอาศัยการวางแผนและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการศึกษา ประสบการณ์ และเครือข่ายความสัมพันธ์ องค์กรหลายแห่งมีการจัด Public Training และ In House Training เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้บริหาร

แนวทางการพัฒนาตนเองสู่ตำแหน่ง C Level

การเตรียมความพร้อมสู่การเป็นผู้บริหารระดับสูงควรเริ่มจาก

  • พัฒนาความรู้และทักษะผ่านการศึกษาต่อในระดับสูง เช่น MBA หรือ EMBA
  • สั่งสมประสบการณ์ในหลากหลายด้าน
  • สร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ทางธุรกิจ
  • เข้าร่วมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงที่มีชื่อเสียง
  • พัฒนาทักษะภาวะผู้นำอย่างต่อเนื่อง

การสร้างผลงานที่โดดเด่น 

ผู้ที่ต้องการก้าวสู่ตำแหน่ง C Level ควรแสดงให้เห็นถึงความสามารถผ่าน

  • การบริหารโครงการสำคัญให้ประสบความสำเร็จ
  • การสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบสูง
  • การพัฒนานวัตกรรมหรือกลยุทธ์ใหม่ๆ
  • การสร้างผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง
  • การพัฒนาทีมงานให้มีประสิทธิภาพ

แนวโน้มและความท้าทายของผู้บริหาร C Level ในอนาคต

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้บริหารระดับ C Level ต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยี การรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรง หรือการบริหารจัดการทีมงานในยุค Remote Work การเตรียมพร้อมและปรับตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้บริหารยุคใหม่

ความท้าทายสำคัญที่ผู้บริหารต้องเผชิญ

  • การบริหารองค์กรในยุค Digital Transformation
  • การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
  • การบริหารทีมงานแบบ Hybrid Workplace
  • การสร้างนวัตกรรมเพื่อการแข่งขัน
  • การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค

บทสรุปอนาคตของผู้บริหาร C Level ในยุคดิจิทัล

การเป็นผู้บริหารระดับ C Level ในปัจจุบันไม่ใช่เพียงแค่การบริหารงานตามหน้าที่เท่านั้น แต่ต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่สามารถพาองค์กรฝ่าฟันความท้าทายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสำเร็จขององค์กรขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้บริหารในการผสมผสานทักษะด้านการบริหาร ความเข้าใจในเทคโนโลยี และการสร้างนวัตกรรม เข้าด้วยกัน

ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผู้บริหารแนะนำว่า การจะประสบความสำเร็จในตำแหน่ง C Level นั้น ผู้บริหารต้องมุ่งมั่นพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เปิดรับความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ และที่สำคัญคือต้องสามารถสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง พร้อมขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ในขณะเดียวกัน การสร้างสมดุลระหว่างการบริหารธุรกิจและการดูแลพนักงานก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะความสำเร็จที่ยั่งยืนต้องมาจากการเติบโตร่วมกันของทั้งองค์กรและบุคลากร

ไม่ว่าคุณจะกำลังเริ่มต้นเส้นทางสู่การเป็นผู้บริหารระดับสูง หรือกำลังดำรงตำแหน่ง C Level อยู่แล้ว การเข้าใจบทบาท หน้าที่ และการพัฒนาทักษะที่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการบริหารองค์กรในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้

Related News

เรียน Website Tracking ที่ไหนดี สอนละเอียด เข้าใจง่าย โดยไม่ต้องเขียนโค้ด

สอนวิธี Tracking พฤติกรรมผู้ใช้งานเว็บไซต์และวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Data-driven ด้วยโปรแกรม Google Tag Manager และ Google Analytics

Rankmath ปลั๊กอิน WordPress ที่ตอบโจทย์คนทำ SEO

แนะนำ Rankmath SEO เครื่องมือช่วยปรับแต่ง SEO บนเว็บไซต์ WordPress ทั้ง On-Page และ Off-Page ที่มีฟีเจอร์เพียบ! บอกเลยว่านักการตลาดไม่ควรพลาด

Yoast SEO เครื่องมือปรับแต่ง SEO บน WordPress

รู้จัก Yoast SEO คืออะไร เครื่องมือช่วยปรับแต่ง SEO ยอดนิยมบนเว็บไซต์ WordPress พร้อมเช็กลิสต์ใช้ตรวจสอบโครงสร้างเนื้อหา ไต่อันดับสูงบน Google

เรียน Website Tracking ที่ไหนดี สอนละเอียด เข้าใจง่าย โดยไม่ต้องเขียนโค้ด

สอนวิธี Tracking พฤติกรรมผู้ใช้งานเว็บไซต์และวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Data-driven ด้วยโปรแกรม Google Tag Manager และ Google Analytics

Rankmath ปลั๊กอิน WordPress ที่ตอบโจทย์คนทำ SEO

แนะนำ Rankmath SEO เครื่องมือช่วยปรับแต่ง SEO บนเว็บไซต์ WordPress ทั้ง On-Page และ Off-Page ที่มีฟีเจอร์เพียบ! บอกเลยว่านักการตลาดไม่ควรพลาด

Yoast SEO เครื่องมือปรับแต่ง SEO บน WordPress

รู้จัก Yoast SEO คืออะไร เครื่องมือช่วยปรับแต่ง SEO ยอดนิยมบนเว็บไซต์ WordPress พร้อมเช็กลิสต์ใช้ตรวจสอบโครงสร้างเนื้อหา ไต่อันดับสูงบน Google

logo

ติดต่อเรา

ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ