ทำความรู้จักที่ปรึกษา SEO และหน้าที่ พร้อมความสำคัญต่อธุรกิจ

ทุกธุรกิจล้วนมีทีมการตลาดภายในเป็นของตัวเอง หลัก ๆ แล้วก็จะถนัดฝั่ง Social Media ซะเป็นส่วนไหน เมื่อแบรนด์ตัดสินใจที่จะลงไปทำการตลาดผ่านเว็บไซต์อย่าง SEO บ้าง ก็กลายเป็นสิ่งที่เกินความสามารถของทีมไปซะแล้ว และถ้าจะสร้างทีม SEO มาทำงานตรงนี้แบบครบจบก็ยาก เพราะต้องใช้งบประมาณเยอะ เนื่องจากต้องจ้างหลายตำแหน่ง ดังนั้น การจ้างที่ปรึกษา SEO มาช่วยให้คำปรึกษา วางกลยุทธ์ และชี้นำแนวทางการทำงานของทีม จึงเป็นเรื่องที่เจ้าของธุรกิจควรให้ความสนใจ โดยเฉพาะกับเว็บไซต์ที่เข้าข่าย YMYL ที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง มาทำความรู้จักที่ปรึกษา SEO กันว่าพวกเขาคือใครและมีหน้าที่อะไรบ้าง

ที่ปรึกษา SEO คืออะไร

ที่ปรึกษา SEO (SEO Consultant) คือผู้เชี่ยวชาญด้านการทำ SEO (Search Engine Optimization) ที่มีประสบการณ์สูงในด้านของการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของ Google เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับสูง ๆ บน Google โดยจะโฟกัสไปที่อันดับ 1 หรือหน้าแรก (อันดับ 1-10) เป็นหลัก เนื่องจากพวกเขาเชี่ยวชาญและคลุกคลีอยู่ในวงการ SEO มานาน ทำให้เหล่าที่ปรึกษาสามารถวางกลยุทธ์ SEO ที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจได้เป็นอย่างดี และในขณะเดียวกันก็ช่วยสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้ในระยะยาว ซึ่งที่ปรึกษา SEO ก็จะมีทั้งในรูปแบบของ Freelance (คนเดียว) และบริษัทรับทำ SEO ที่มีทีมงานครบวงจร พร้อมให้บริการปรึกษา SEO (SEO Consulting) ร่วมด้วย

ที่ปรึกษา SEO ทำหน้าที่อะไรบ้าง

ถึงแม้หน้าที่ของที่ปรึกษา SEO จะโฟกัสไปที่การวางแผนกลยุทธ์เป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะวางกลยุทธ์ SEO ให้แล้วจบ หน้าที่ของที่ปรึกษา SEO มามากกว่านั้น เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า SEO Consultant จะสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจของคุณได้อย่างไร มาดูหน้าที่ของพวกเขากัน

การวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์

ที่ปรึกษา SEO จะเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์สถานะ SEO ปัจจุบันของเว็บไซต์อย่างละเอียด พร้อมทั้งศึกษาและวิเคราะห์คู่แข่งในตลาดเพื่อหาจุดแข็งและโอกาสในการพัฒนาประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้ดียิ่งกว่าเดิม จากนั้นจึงกำหนดเป้าหมายและ KPI ในการทำ SEO ที่ชัดเจน และวางแผนกลยุทธ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจที่คุณต้องการ

การปรับปรุง SEO เชิงเทคนิค

งานด้านเทคนิคเป็นพื้นฐานสำคัญที่ผู้ให้คำปรึกษา SEO ต้องดูแล โดยจะตรวจสอบและแก้ไขปัญหาการ Crawl และ Index ของ Google ปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์และ Core Web Vitals ให้ได้มาตรฐาน รวมถึงดูแลโครงสร้างเว็บไซต์และ URL Structure ให้เป็นระเบียบ นอกจากนี้ยังต้องจัดการ Robots.txt และ Sitemap ให้ถูกต้อง พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาทางเทคนิคต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่ออันดับการค้นหาอย่าง HTTP ERROR 500 หรือ 404 Not Found ด้วย

การสร้างความน่าเชื่อถือ

การสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์เป็นงานที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง โดยที่ปรึกษา SEO จะวางแผนกลยุทธ์การสร้าง Backlinks ที่มีคุณภาพ พัฒนาการทำ PR News และ Content Marketing เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง พร้อมทั้งสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลในอุตสาหกรรม และดูแลคอนเทนต์ให้ตรงกับที่อัลกอริทึมของ Google ต้องการ

การปรับแต่งเนื้อหาและ On-page SEO

ที่ปรึกษา SEO โดยส่วนใหญ่จะไม่ได้เขียนบทความ SEO ให้ แต่จะมีการค้นหาคีย์เวิร์ดที่ใช่ (Keyword Research) มาวางแผนการสร้างเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้ พร้อมกับช่วยปรับเนื้อหาและ On-page SEO ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและมีคุณภาพที่ดีกว่าเดิม ซึ่งจะทำเป็นแผนกลยุทธ์ออกมาเลยว่าหน้าไหนควรใช้คีย์เวิร์ดคำไหน บนเว็บไซต์ควรมีหน้าอะไรบ้าง บทความที่ควรมีบนเว็บไซต์มีเรื่องอะไรบ้าง การวางลิงก์เชื่อมโยง (Internal Link) และอาจจะแนะนำวิธีทำ SEO ด้วยตัวเองเบื้องต้นให้กับทีมของคุณทราบร่วมด้วย เพื่อให้ทีมได้เรียนรู้และลองลงมือทำด้วยตัวเองได้

การติดตามและวิเคราะห์ผลลัพธ์

การวัดผลเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาประสิทธิภาพของ SEO ซึ่งที่ปรึกษา SEO จะต้องจัดทำรายงานผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ (ความถี่ขึ้นอยู่กับการตกลง โดยส่วนใหญ่จะรายงานทุก 1 เดือน) วิเคราะห์ข้อมูลจาก Analytics เพื่อหาโอกาสในการปรับปรุง ติดตามการเปลี่ยนแปลงของอันดับคีย์เวิร์ดต่าง ๆ และปรับแผนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่ได้อย่างมีคุณภาพ

การให้คำปรึกษาและแนะนำด้าน SEO

นอกเหนือจากการทำงานด้านเทคนิคแล้ว ที่ปรึกษา SEO ยังมีหน้าที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ SEO แก่ทีมงานภายในด้วย อาทิ การอธิบายให้เข้าใจว่า SEO คืออะไร, Technical SEO คืออะไร, AI Overview คืออะไร รวมถึงแนะนำแนวทางการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต พร้อมกับอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Google Algorithm ให้ทีมรับทราบ และให้คำปรึกษาในการตัดสินใจเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ SEO ด้วย

สิ่งที่ใช้ในการพิจารณาเลือกที่ปรึกษา SEO

• ประสบการณ์การทำงานจากผลงานหรือรางวัลที่ผ่านมา
• ดูแนวทางการทำ SEO ว่าใช้วิธีการที่ถูกต้องตามหลัก White Hat SEO หรือไม่
• อ่านรีวิวและคำแนะนำจากลูกค้าเก่าที่เคยใช้บริการให้คำปรึกษา SEO มาก่อน
• พิจารณาราคาและขอบเขตการให้บริการว่าคุ้มค่าและเหมาะสมกับงบประมาณไหม
• ความพร้อมและความเต็มใจในการให้คำปรึกษาเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น (ตามความเหมาะสม)
• ตรวจสอบความโปร่งใสในการทำงาน วิธีการรายงานผล และความถี่ในการรายงาน
• ตรวจสอบว่ามีการติดตามและอัปเดตความรู้เกี่ยวกับ Google Algorithm อย่างสม่ำเสมอไหม
• ดูความสามารถในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาด้าน Technical SEO
• พิจารณาความยืดหยุ่นในการปรับแผนกลยุทธ์ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
• ตรวจสอบว่ามีการใช้ SEO Tools ที่มีคุณภาพและแม่นยำหรือไม่
• ดูความสามารถในการสื่อสารและอธิบายเรื่องเทคนิคให้เข้าใจง่าย
• ตรวจสอบเงื่อนไขการทำงาน การรับประกันผลลัพธ์ และการยกเลิกสัญญาให้ละเอียด

สรุป

ธุรกิจที่เพิ่งเปิดตัวมาไม่นานนัก ไม่ได้มีทีมงานด้าน SEO แบบครบจบ การมีที่ปรึกษา SEO มาช่วยให้คำแนะนำและช่วยดูแลเว็บไซต์ จะช่วยทำให้เว็บไซต์และธุรกิจเติบโตขึ้นได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงยั่งยืนมากขึ้นด้วย ทั้งนี้ สำหรับองค์กรใดที่กำลังมองหาคอร์สเรียน SEO เสริมความรู้ให้กับทีมงานในองค์กร ทาง ANGA Mastery ได้เปิดคอร์สสอนทำ SEO, คอร์สสอนวางกลยุทธ์ SEO และคอร์สเรียน Google Analytics 4 ที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์อยู่ หากคุณสนใจก็สามารถติดต่อเรามาได้ เรามีการจัดอบรมทั้งในรูปแบบของ Public Training และ In-house Training