การทำตลาดออนไลน์ในปัจจุบันไม่สามารถมองข้าม TikTok ไปได้ เพราะแพลตฟอร์มนี้กลายเป็นช่องทางสำคัญที่ธุรกิจใช้เข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ ANGA Mastery พบว่าหลายธุรกิจยังไม่เข้าใจว่า TikTok Ads คืออะไรและจะช่วยสร้างยอดขายได้อย่างไร บทความนี้เราจะอธิบายให้คุณเห็นภาพชัดเจนเกี่ยวกับ TikTok Ads ตั้งแต่ประเภทโฆษณาต่าง ๆ ข้อดีที่น่าสนใจ และข้อจำกัดที่ควรรู้ พร้อมสอนทำ TikTok Ads เพื่อให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของคุณได้อย่างเหมาะสม
TikTok Ads คืออะไร
TikTok Ads คือระบบโฆษณาออนไลน์บนแพลตฟอร์ม TikTok ที่ให้ธุรกิจและแบรนด์ต่าง ๆ สามารถสร้างโฆษณาเพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการให้กับผู้ใช้งานได้ การโฆษณาบน TikTok จะปรากฏในรูปแบบวิดีโอสั้นที่ผสมผสานเข้ากับเนื้อหาธรรมดาบนฟีด ทำให้ดูเป็นธรรมชาติและไม่รบกวนประสบการณ์การใช้งานของผู้ชม ด้วยฐานผู้ใช้งานที่มีจำนวนมากและมีความหลากหลายในทุกช่วงวัย TikTok Ads จึงกลายเป็นช่องทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพสำหรับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้เวลาในการดูวิดีโอบนแพลตฟอร์มนี้เป็นจำนวนมาก
รูปแบบโฆษณา TikTok Ads มีอะไรบ้าง
TikTok มีรูปแบบโฆษณาให้เลือกใช้หลายแบบ แต่ละแบบก็จะมีวิธีการแสดงผลและจุดประสงค์ที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการทำการตลาดแบบไหน อยากให้คนเห็นโฆษณาเยอะ ๆ หรือให้คนมาร่วมสนุกกับแคมเปญของเรา ลองมาทำความเข้าใจรูปแบบ TikTok Ads และเลือกใช้ให้เหมาะกับแคมเปญกันเลย
1. In-Feed Ads
In-Feed Ads เป็นโฆษณาที่ขึ้นมาปนกับคลิปธรรมดาบนหน้าแรกของแอป คนดูจะเจอโฆษณาตอนเลื่อนดูคลิป ๆ ไป แต่มันจะไม่ดูรำคาญเพราะดูเหมือนคลิปปกติ คนดูยังกดไลก์ คอมเมนต์ หรือแชร์ได้เหมือนเดิม ความยาวทำได้ประมาณ 5-60 วินาที เลยเหมาะกับแบรนด์ที่อยากให้คนรู้สึกว่ากำลังดูเนื้อหาธรรมดา ไม่ใช่โฆษณาที่มาขายของ
2. TopView Ads
TopView Ads คือโฆษณาเต็มจอที่ขึ้นมาทันทีตอนเปิดแอป TikTok ความยาวได้สูงสุด 60 วินาที และเล่นเองอัตโนมัติเลย เนื่องจากเป็นสิ่งแรกที่คนจะเห็นตอนเข้าแอป เลยมีโอกาสที่คนจะเห็นโฆษณาสูงมาก ถ้าใครอยากประกาศเปิดตัวสินค้าใหม่หรือจัดแคมเปญใหญ่ ๆ ที่อยากให้คนรู้กันเยอะ ๆ แบบนี้ใช้ได้เลย
3. Brand Takeover Ads
Brand Takeover Ads ทำงานคล้าย ๆ กับ TopView แต่จะสั้นกว่า ประมาณ 3-5 วินาที และอาจจะเป็นแค่รูปภาพก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นวิดีโอ โฆษณาจะเต็มหน้าจอและขึ้นมาทันทีที่เปิดแอป สามารถใส่ลิงก์ไปหน้าเว็บหรือโปรไฟล์ของเราได้ด้วย แม้จะสั้น แต่ผลกระทบค่อนข้างแรงเพราะคนต้องเห็นอยู่แล้ว แต่ราคาจะแพงหน่อยเพราะเป็นตำแหน่งพิเศษ
4. Branded Hashtag Challenge
Branded Hashtag Challenge เป็นการสร้างแฮชแท็กของแบรนด์แล้วเชิญชวนให้คน TikTok มาสร้างคลิปใส่แฮชแท็กนั้น เป็นการให้คนได้ร่วมสนุกและสร้างสรรค์คลิปของตัวเอง ซึ่งบางทีอาจจะกลายเป็นเทรนด์ดังได้ วิธีนี้ช่วยให้แบรนด์ได้เนื้อหาจากผู้ใช้งานจริง และคนจะรู้สึกผูกพันกับแบรนด์มากขึ้นเพราะได้มีส่วนร่วม
5. Branded Effects
Branded Effects คือการทำฟิลเตอร์หรือเอฟเฟกต์พิเศษของแบรนด์ให้คนเอาไปใช้ทำคลิป อาจจะเป็นสติกเกอร์ หน้ากาก หรือเอฟเฟกต์สี ๆ แสง ๆ ต่าง ๆ คนจะได้ลองเล่นกับเอฟเฟกต์เหล่านี้และจดจำแบรนด์ไปด้วย มันทำให้การใช้งานสนุกขึ้นและคนอาจจะกลับมาหาผลิตภัณฑ์ของเราอีก
6. Spark Ads
Spark Ads เป็นการเอาคลิปที่มีอยู่แล้วมาต่อยอดทำโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นคลิปของเราเองหรือของครีเอเตอร์ที่ให้ใช้ได้ ถ้าเรามีคลิปไหนที่คนดูเยอะอยู่แล้ว ก็เอามาทำโฆษณาเพื่อให้คนเห็นกันมากขึ้น ไม่ต้องมานั่งคิดเนื้อหาใหม่ แค่ใช้ของที่มีผลตอบรับดีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ข้อดีของ TikTok Ads
การทำโฆษณาบน TikTok มีจุดเด่นหลายอย่างที่ทำให้หลายแบรนด์หันมาใช้งานกันมากขึ้น ทั้งเรื่องฐานผู้ใช้ที่กว้างขวาง รูปแบบคอนเทนต์ที่น่าสนใจ และเครื่องมือการตลาดที่ตอบโจทย์การทำธุรกิจสมัยใหม่ มาดูกันว่า TikTok Ads มีข้อดีอะไรบ้างที่น่าสนใจ
- คลิปสั้นที่ดูแล้วติด วิดีโอสั้น ๆ เป็นฟอร์แมตที่คนชอบดูเพราะไม่เสียเวลา ดูได้ง่าย และสนุก โฆษณาแบบ In-Feed จะดูเหมือนคลิปทั่วไป ไม่รู้สึกว่าเป็นโฆษณาที่มาขายของ
- ฐานผู้ใช้ใหญ่และ Active TikTok มีผู้ใช้งานหลายล้านคนทั่วโลกและยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คนที่ใช้ TikTok ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและคนหนุ่มสาวที่มีกำลังซื้อสูง
- โอกาสไวรัลสูง TikTok มี Hashtag Challenge ที่ให้เราสร้างแคมเปญเชิญชวนคนทำคลิปเกี่ยวกับแบรนด์ ระบบการแชร์ทำงานได้ดี คลิปที่น่าสนใจจะแพร่กระจายไปได้เร็วและกว้าง
- โฆษณาหลายรูปแบบ มีโฆษณาให้เลือกใช้หลายแบบ ตั้งแต่ In-Feed, TopView, Brand Takeover จนถึง Hashtag Challenge เราเลือกได้ตามงบและเป้าหมาย จะสร้างการรับรู้ กระตุ้นความสนใจ หรือเพิ่มยอดขายก็มีรูปแบบรองรับ
- ตั้งเป้าหมายได้ละเอียด เครื่องมือของ TikTok ให้เราเลือกกลุ่มคนที่จะเห็นโฆษณาได้แม่นมาก ทั้งอายุ เพศ พื้นที่ ความชอบ เรานำข้อมูลลูกค้าเก่ามาหาคนที่คล้าย ๆ กันได้ด้วย ทำให้โฆษณาไปถึงคนที่มีแนวโน้มสนใจสินค้าเราจริง ๆ
- รายงานผลชัดเจน แดชบอร์ดของ TikTok แสดงผลโฆษณาได้ครบถ้วน ตั้งแต่จำนวนคนดู การคลิก การซื้อของ ค่าใช้จ่าย เราเอาข้อมูลเหล่านี้มาปรับปรุงแคมเปญให้ได้ผลดีขึ้นได้
- AI ฉลาดและเรียนรู้เร็ว ระบบของ TikTok เรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้และปรับการแสดงโฆษณาให้เหมาะสมได้เองอย่างรวดเร็ว ยิ่งใช้นาน โฆษณาเรายิ่งไปถึงคนที่ใช่มากขึ้น
- เหมาะกับธุรกิจขายตรง TikTok Ads เหมาะกับธุรกิจที่ขายสินค้าให้ผู้บริโภคทั่วไป สามารถเชื่อมกับ TikTok Shop เพื่อขายของได้เลย การใช้งานง่ายกว่าแพลตฟอร์มอื่น หน้าตาคล้าย Facebook Ads ทำให้คนที่เคยทำโฆษณา Facebook ปรับตัวได้ไม่ยาก
- เครื่องมือช่วยครบครัน มี TikTok Pixel สำหรับติดตามพฤติกรรมลูกค้า และ AI ที่ช่วยทำคลิป ตัดต่อ ใส่เสียง ทำให้เราสร้างโฆษณาได้เร็วขึ้นและประหยัดเวลา
ข้อเสียของ TikTok Ads
- คนจะข้ามโฆษณาทันทีหากไม่สนใจใน 3-5 วินาทีแรก ต้องดึงดูดใจตั้งแต่เริ่มต้น
- โฆษณาบางประเภทมีงบขั้นต่ำสูง และต้องทดลองหาสูตรที่ได้ผลซึ่งใช้งบพอสมควร
- เครื่องมือวัดผลยังไม่ละเอียดเท่าแพลตฟอร์มอื่น วัด ROI ได้ยากในช่วงแรก
- นโยบายโฆษณาเข้มงวด โดยเฉพาะสินค้าบางประเภท หากผิดกฎอาจโดนแบนได้
- ต้องผลิตวิดีโอคุณภาพดีที่ดูธรรมชาติ ซึ่งต้องใช้ทีมงานและงบประมาณในการผลิต
- เวลาคลิปจำกัดแค่ 60 วินาที ทำให้ต้องสื่อสารข้อความสำคัญให้ได้ในเวลาสั้น ๆ
- เทรนด์เปลี่ยนไวมาก สิ่งที่ฮิตวันนี้อาจไม่น่าสนใจพรุ่งนี้ ต้องอัปเดตเนื้อหาบ่อย ๆ
สอนยิงโฆษณา TikTok Ads
การทำโฆษณาบน TikTok ต้องผ่านขั้นตอนการตั้งค่าที่ละเอียดและครบถ้วน ตั้งแต่การสร้างบัญชีผู้ลงโฆษณา การเลือกรูปแบบโฆษณา การกำหนดผู้ชมเป้าหมาย ไปจนถึงการติดตามผลและปรับแคมเปญ หากเข้าใจขั้นตอนเหล่านี้ดีจะช่วยให้การลงทุนได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า
1. ลงทะเบียนและสร้างบัญชีผู้ลงโฆษณา
เริ่มต้นด้วยการไปที่หน้าเว็บ ads.tiktok.com แล้วกดสมัครสมาชิกใหม่ กรอกรายละเอียดต่าง ๆ ที่ต้องการ เช่น อีเมลสำหรับติดต่อ รหัสผ่านที่ปลอดภัย ชื่อองค์กรหรือธุรกิจ ประเทศที่ดำเนินกิจการ เขตเวลาที่ใช้งาน และสกุลเงินที่จะชำระค่าโฆษณา หลังจากกรอกข้อมูลครบแล้วระบบจะส่งการยืนยันไปยังอีเมลหรือโทรศัพท์เพื่อเปิดใช้งานบัญชี
2. เตรียมเนื้อหาโฆษณาที่จำเป็น
วิดีโอสำหรับโฆษณาควรมีความยาวระหว่าง 15-60 วินาที ต้องเป็นการถ่ายแนวตั้งเพื่อให้เต็มหน้าจอ มีคุณภาพภาพและเสียงที่ดี ใส่เพลงหรือเสียงประกอบที่น่าสนใจ มีคำบรรยายช่วยเหลือผู้ที่ดูโดยปิดเสียง และต้องมีข้อความกระตุ้นให้ผู้ชมทำการตามที่ต้องการ นอกจากนี้ต้องเตรียมหน้าเว็บไซต์หรือ Landing Page ที่จะให้ผู้ชมไปเยี่ยมชม และข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิตสำหรับจ่ายค่าใช้จ่าย
3. ติดตั้งระบบติดตามการทำงาน
ภายในหน้าควบคุมหลักให้ไปที่เมนู Tools แล้วเลือก Events ต่อมาเลือก Website Pixel และสร้าง Pixel ใหม่ ตั้งชื่อให้จำง่าย แล้วเลือกวิธีการติดตั้งที่เหมาะสม ไม่ว่าจะติดตั้งเองโดยการคัดลอกโค้ดไปใส่ในเว็บไซต์ หรือใช้ Google Tag Manager ที่ง่ายกว่าสำหรับผู้เริ่มต้น จากนั้นกำหนด Events ที่ต้องการเก็บข้อมูล เช่น การทำรายการสำเร็จ การใส่สินค้าในตะกร้า การเข้าชมสินค้า หรือการกรอกแบบฟอร์ม
4. ออกแบบแคมเปญหลัก
กรอกคำว่า Campaign ในเมนูทางซ้ายแล้วกด Create เพื่อเริ่มสร้างแคมเปญใหม่ เลือกเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ เช่น Reach เพื่อให้คนเห็นมากที่สุด Traffic เพื่อดึงคนเข้าเว็บไซต์ หรือ Conversions เพื่อกระตุ้นการซื้อขาย ตั้งชื่อแคมเปญที่สื่อถึงจุดประสงค์ และหากต้องการทดสอบโฆษณาหลายแบบก็สามารถเปิดใช้ A/B Test ได้
5. จัดทำกลุ่มโฆษณา
ตั้งชื่อกลุ่มโฆษณาที่สื่อความหมาย เลือก Placement โดย Automatic Placement จะให้ TikTok เลือกตำแหน่งที่ดีที่สุดให้ กำหนด Creative Type เป็น Single Video และตั้งค่า Optimization Goal ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ เช่น หากต้องการให้ซื้อของก็เลือก Conversion หากต้องการให้คลิกเข้าเว็บก็เลือก Click การตั้งค่าในขั้นนี้จะกำหนดว่าโฆษณาจะปรากฏอย่างไรและมุ่งผลลัพธ์แบบใด
6. ระบุผู้ชมที่ต้องการเข้าถึง
กำหนดลักษณะของผู้ที่ต้องการให้เห็นโฆษณาใน Demographics เช่น เพศชายหรือหญิง ช่วงอายุที่เหมาะสม พื้นที่ที่อาศัย และภาษาที่ใช้ จากนั้นเลือกความสนใจและพฤติกรรมใน Interests & Behaviors ตามที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการ เช่น ชอบแฟชั่น รักการทำอาหาร หรือสนใจเทคโนโลยี ยังสามารถนำรายชื่อลูกค้าเก่ามาสร้าง Custom Audiences หรือหากลุ่มคนที่มีลักษณะคล้ายกันผ่าน Lookalike Audiences
7. กำหนดงบและระยะเวลาดำเนินการ
เลือกระหว่างการตั้งงบรายวันหรืองบรวมทั้งแคมเปญ โดยงบขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 200 บาทต่อวันแล้วแต่ประเทศ กำหนดวันที่เริ่มและจบแคมเปญ สามารถเลือกช่วงเวลาที่ต้องการให้โฆษณาแสดงผลได้ด้วยฟังก์ชัน Dayparting สำหรับกลยุทธ์การประมูลแนะนำให้เลือก Lowest Cost สำหรับผู้เริ่มต้น เพื่อให้ TikTok จัดการใช้งบให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
8. ปรับแต่งโฆษณาและอัปโหลดสื่อ
ตั้งชื่อโฆษณาเฉพาะและเลือกตัวตนที่จะแสดง แนะนำให้เลือก Use TikTok Account เพื่อเชื่อมต่อกับบัญชี TikTok Business ทำให้โฆษณาดูเป็นธรรมชาติเหมือนเนื้อหาปกติ อัปโหลดไฟล์วิดีโอที่เตรียมไว้ เขียนข้อความแนะนำที่ดึงดูดใจ เลือกปุ่มกระตุ้นการกระทำที่เหมาะสม เช่น Learn More, Shop Now, Download ระบุ URL ของเว็บไซต์หรือหน้าที่ต้องการให้ผู้ใช้เยี่ยมชม และตรวจสอบว่าระบบติดตามทำงานอย่างถูกต้อง
9. ตรวจทานและประกาศใช้
ทบทวนรายละเอียดทุกส่วนของแคมเปญ กลุ่มโฆษณา และตัวโฆษณาให้ครบถ้วน ตรวจสอบว่าข้อมูลการชำระเงินถูกต้อง อ่านและตกลงตามเงื่อนไขการใช้บริการของ TikTok Ads จากนั้นกด Submit เพื่อส่งโฆษณาเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมงก่อนที่โฆษณาจะเริ่มแสดงผล
10. วิเคราะห์ผลลัพธ์และปรับปรุงต่อเนื่อง
เมื่อโฆษณาเริ่มทำงานแล้วให้เข้าดูสถิติในหน้าควบคุมเป็นประจำ ติดตามตัวเลขสำคัญ เช่น จำนวนครั้งที่แสดงผล การเข้าถึงผู้ชม ยอดวิววิดีโอ อัตราการคลิก การเปลี่ยนแปลงที่ต้องการ ค่าใช้จ่ายต่อผลลัพธ์ และผลตอบแทนจากการลงทุน หากโฆษณาไม่เป็นไปตามที่หวังให้ลองเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย สร้างวิดีโอใหม่ ปรับงบประมาณ หรือเปลี่ยนเวลาแสดงโฆษณา พร้อมทั้งหยุดโฆษณาที่ไม่ได้ผลและเพิ่มงบให้โฆษณาที่มีประสิทธิภาพดี
สรุป
โฆษณา TikTok Ads ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการเติบโตในยุคดิจิทัล เพราะ TikTok Ads คือ เครื่องมือที่มีพลังในการสร้างการรับรู้แบรนด์และกระตุ้นการตอบสนองจากผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว ทำให้แบรนด์สามารถสร้างการรับรู้และเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับใครที่อยากเชี่ยวชาญการยิงโฆษณา TikTok Ads และต้องการเรียนรู้การใช้ GTM เพื่อติดตามผลโฆษณาอย่างถูกต้อง คอร์สเรียน TikTok Ads และคอร์สสอน Google Tag Manager จาก ANGA Mastery จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาทักษะการตลาดออนไลน์ให้เก่งขึ้น