เจาะประเด็น Google Analytics มีประโยชน์อย่างไรในการเติบโตขอบธุรกิจ

By Sutamma Luahavorravuttikun I Ex-Head of Performance Marketing at ANGA

30 OCTOBER 24

504

Google Analytics มีประโยชน์อย่างไรต่อธุรกิจออนไลน์ในปี 2025.webp (1).webp

เจาะประเด็น Google Analytics มีประโยชน์อย่างไรในปัจจุบัน

หนึ่งในเครื่องมือสุดเจ๋งสำหรับทำการตลาดผ่านเว็บไซต์ก็คือ Google Analytics ซึ่งไม่ว่าคุณจะทำการตลาดด้วยวิธี Organic อย่าง SEO (Search Engine Optimization) หรือจะเป็นการยิงโฆษณาผ่าน Google Ads เพิ่มยอดการเข้าถึงเว็บไซต์อย่างรวดเร็วก็ตาม มาทำความรู้จักกับ Google Analytics ให้มากขึ้น พร้อมทำความเข้าใจว่า Google Analytics มีประโยชน์อย่างไรต่อธุรกิจ และทำไมนักการตลาดออนไลน์ควรใช้งานเป็น รวมถึงเครื่องมือนี้จะช่วยกู้สถานการณ์เว็บไซต์และเพิ่มยอดขายให้แก่ธุรกิจได้อย่างไร ผ่านบทความนี้กันได้เลย ANGA Mastery รวบรวมคำตอบมาให้แล้ว

Google Analytics คืออะไร

Google Analytics คือเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ใช้ในการวัดประสิทธิภาพและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของเว็บไซต์ ที่ได้มาจากการเก็บข้อมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์อย่างละเอียดโดย Google ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ จะถูกแสดงออกมาผ่านตัวชี้วัดต่าง ๆ และนำเสนอออกมาเป็นตัวเลขหรือกราฟแผนภูมิอย่างชัดเจน อาทิ จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ในแต่ละหน้า, สถิติการเข้าชมเว็บไซต์ในแต่ละช่วงเวลา, พฤติกรรมการใช้งานของผู้ชม, ช่องทางการเข้าถึงเว็บไซต์, ลักษณะของผู้ใช้งาน, เพศและอายุของผู้ใช้งาน และอื่น ๆ จึงทำให้คุณสามารถนำข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้มาปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมได้

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ Google Analytics ได้เปลี่ยนเป็นเวอร์ชันใหม่หรือ Google Analytics 4 (GA4) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากคุณติดตั้ง Google Analytics 4 สำเร็จแล้ว คุณสามารถเห็นถึงจุดเด่นของ GA4 คือมีความเก็บข้อมูลได้อย่างครบถ้วนและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และมีฟีเจอร์การใช้งานใหม่ ๆ ให้ใช้งานอีกเพียบ อาทิ การวิเคราะห์แบบ Cross-platform, การแสดงข้อมูลแบบ Real-time, สามารถเก็บข้อมูลได้ครบถ้วนกว่าเดิม และให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วย

Google Analytics มีประโยชน์อย่างไร 

เว็บไซต์ (Website) เป็นสิ่งที่หลาย ๆ ธุรกิจควรสร้างเอาไว้ โดยเฉพาะกับธุรกิจ B2B และธุรกิจด้านบริการที่ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือในการสร้างยอดขายและเพิ่มการเติบโตให้แก่ธุรกิจ ซึ่งเว็บไซต์ก็เหมือนกับหน้าร้านหรือบริษัทของคุณที่เปิดทำการบนโลกออนไลน์แบบตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้กลุ่มเป้าหมายและเหล่าว่าที่ลูกค้าสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังเป็นเหมือนพื้นที่ที่ใช้ในการต้อนรับลูกค้าที่มาจากช่องทางธรรมชาติ (ค้นหาข้อมูลบน Google และพบกับเว็บไซต์ของเรา) โดยที่เราไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาแต่อย่างใด แค่ใส่ข้อมูลธุรกิจ เขียนเนื้อหาดี ๆ เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของเรา และทำให้เว็บไซต์น่าสนใจ ก็สามารถดึงดูดลูกค้าได้แล้ว

แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าเว็บไซต์ของเรากำลังไปได้ดีหรือไม่? Google Analytics ช่วยคุณได้ รวมทั้งเรายังสามารถนำข้อมูลที่ได้มาวางแผนว่าจะดำเนินการต่อไปได้อีกด้วย เช่น ควรปรับปรุงส่วนไหนของเว็บไซต์, ควรเขียนเนื้อหาแบบไหน, ควรปรับปรุงเนื้อหาในหน้าไหน ฯลฯ มาดูว่า Google Analytics มีประโยชน์อย่างไรกันได้เลย

เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้งานได้อย่างลึกซึ้ง

Google Analytics ประโยชน์อย่างแรกเลยคือการช่วยให้คุณเข้าใจว่าใครคือผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณ พวกเขาทำอะไรบนเว็บไซต์ และพวกเขามาจากไหนบ้าง คุณสามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับอายุ เพศ ความสนใจ และแม้กระทั่งอุปกรณ์ที่พวกเขาใช้ในการเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างละเอียด ซึ่งข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งเนื้อหาและออกแบบเว็บไซต์ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมากขึ้นได้ ทำให้ประสบการณ์การใช้งานของพวกเขาดีขึ้นไปอีก และอาจนำไปสู่การเพิ่มยอดขายหรือการมีส่วนร่วมมากขึ้นนั่นเอง

ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์

Google Analytics จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพทางเทคนิคของเว็บไซต์ เช่น ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ อัตราการตีกลับ หรือเวลาที่ผู้ใช้ใช้งานบนแต่ละหน้า โดยข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้คุณระบุปัญหาทางเทคนิคและปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ให้ดีขึ้นได้ อย่างถ้าคุณพบว่าหน้าใดหน้าหนึ่งมีอัตราการตีกลับสูง คุณอาจต้องพิจารณาปรับปรุงเนื้อหาหรือการออกแบบของหน้านั้นใหม่

ติดตามและวัดผลเป้าหมายของเว็บไซต์

คุณสามารถตั้งเป้าหมายใน Google Analytics ได้ ไม่ว่าจะเป็นการสมัครสมาชิก การดาวน์โหลดเอกสาร หรือการซื้อสินค้า แล้วดูว่ามีคนทำตามเป้าหมายนั้นมากแค่ไหน ข้อมูลในส่วนนี้จะช่วยให้คุณเห็นว่าเว็บไซต์ของคุณประสบความสำเร็จในการทำให้ผู้ใช้กระทำสิ่งต่าง ๆ ที่คุณต้องการมากน้อยแค่ไหน เพื่อเพิ่ม Conversion Rate บนเว็บไซต์

วิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาด

คุณสามารถใช้ Google Analytics วิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดได้ โดยคุณสามารถดูได้ว่าทราฟฟิกมาจากช่องทางไหนบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาแบบออร์แกนิก (SEO), โซเชียลมีเดีย หรือการโฆษณาแบบจ่ายเงิน (Google Ads หรือ PPC) ซึ่งข้อมูลนี้ช่วยให้คุณรู้ว่าควรลงทุนในช่องทางไหนมากขึ้นหรือน้อยลง ทำให้การใช้งบประมาณการตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์การตลาดให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้

ใช้งานง่ายและไม่มีค่าใช้จ่าย

Google Analytics เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและไม่มีค่าใช้จ่าย ทำให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้เต็มที่ แม้คุณจะไม่มีความรู้ด้านเทคนิคมากนัก คุณก็สามารถเริ่มต้นใช้งานและเรียนรู้การทำงานของฟีเจอร์ต่าง ๆ บน Google Analytics ได้ด้วยตัวเอง (หรือถ้าใครอยากเรียนเรื่องนี้กับผู้เชี่ยวชาญ ANGA Mastery มีคอร์สเรียน Google Analytics 4 อยู่!)

20 ชนิดข้อมูลที่เป็นประโช์นจากการใช้งาน Google Analytics

Google Analytics และ Google Analytics 4 เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังมาก ในการตรวจสอบ วัดผล และปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ ซึ่งไม่เพียงแต่การตรวจสอบสุขภาพของเว็บไซต์เท่านั้น คุณยังสามารถเจาะลึกและเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของว่าที่ลูกค้าของคุณได้อีกด้วย และนี่คือ 20 ชนิดข้อมูลที่ได้จากการใช้งาน Google Analytics

1. ข้อมูลประชากร

Google Analytics มีประโยชน์อย่างไรและให้คุณได้ข้อมูลอะไรมาใช้งานบ้าง? อย่างแรกเลยคือข้อมูลประชากรของผู้เข้าชมเว็บไซต์ ทั้งอายุ เพศ และตำแหน่งที่อยู่ ทำให้คุณเข้าใจว่าใครคือกลุ่มผู้ใช้งานหลักบนเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งข้อมูลนี้มีประโยชน์อย่างมากในการทำการตลาดและสร้างคอนเทนต์ให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย

2. พฤติกรรมการเข้าชมเว็บไซต์

ติดตามการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ ดูได้ว่าพวกเขาเข้าชมหน้าไหนบ้าง ใช้เวลานานแค่ไหน และมีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาอย่างไร ข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์และประสบการณ์ผู้ใช้งานให้เหมาะสมกับผู้ชมมากขึ้นได้

3. ข้อมูลกลุ่มตลาด

GA จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าผู้ใช้งานของคุณอยู่ในกลุ่มตลาดไหน โดยใช้การวิเคราะห์แบบเดียวกับ Google Ads ทำให้เห็นว่าใครกำลังสนใจสินค้าหรือบริการของคุณอยู่ โดยการแบ่งกลุ่มนี้อิงตามพฤติกรรมการค้นหาและความสนใจของผู้ใช้งาน

4. อัตราการออกจากเว็ป

บอกตัวเลขของ Bounce Rate หรืออัตราการตีกลับ ที่ผู้ใช้งานเข้าชมเว็บไซต์เพียงหน้าเดียวแล้วกดออกจากเว็บไซต์ ซึ่งอัตราการตีกลับที่สูงแปลว่าเนื้อหาไม่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ หรือมีปัญหาด้านการออกแบบหน้าเว็บที่ต้องปรับปรุง

5. แหล่งที่มาของทราฟฟิก

มีการบ่งบอกแหล่งที่มาหรือแสดงช่องทางที่นำผู้ใช้เข้ามาสู่เว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาผ่าน Google Search, Social Media, E-mail หรือ Direct Traffic (การเข้าชมโดยตรง) ซึ่งข้อมูลชุดนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าช่องทางไหนมีประสิทธิภาพในการดึงดูดผู้ใช้มากที่สุด

6. ผู้ใช้ใหม่ VS ผู้ใช้เก่า

Google Analytics จะมีการแยกแยะระหว่างผู้เข้าชมครั้งแรกกับผู้เข้าชมที่กลับมายังเว็บไซต์ซ้ำ ช่วยวัดประสิทธิภาพของการตลาดในการดึงดูดผู้ใช้ใหม่ และความสามารถในการรักษาผู้ใช้เดิม

7. ข้อมูลอุปกรณ์ที่ผู้เข้าชมใช้งาน

วิเคราะห์การเข้าถึงเว็บไซต์ผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งมือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ ช่วยในการออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับการใช้งานบนทุกอุปกรณ์อย่างมีประสิทธิภาพ

8. ติดตาม Conversions

คุณสามารถติดตาม Conversions เป้าหมายที่คุณกำหนดไว้ เพื่อชี้วัดความสำเร็จของแคมเปญในรูปแบบของ Conversion Rate ได้ ไม่ว่าจะเป็นยอดขาย การสมัครสมาชิก การกรอกฟอร์มลงทะเบียน หรือการดาวน์โหลดเอกสารก็ตาม

9. เส้นทางการชมเว็บไซต์

คุณสามารถดูได้ว่าผู้ใช้งานเว็บไซต์แต่ละคน มีเส้นทางการชมเว็บไซต์อย่างไร ตั้งแต่การเข้ามาในเว็บไซต์ตั้งแต่หน้าแรกไปจนถึงหน้าสุดท้ายก่อนที่จะกดออกไป โดยข้อมูลนี้สามารถนำไปวิเคราะห์และปรับปรุงเส้นทางการใช้งานเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ (ทำให้ผู้ใช้อยู่บนเว็บไซต์นานขึ้นและกระทำสิ่งที่คุณต้องการ)

10. ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์

วัดประสิทธิภาพของเว็บไซต์ในแง่ของความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทั้งต่อประสบการณ์ผู้ใช้และการจัดอันดับใน Google Search Results Page (SERPs)

11. มูลค่าการซื้อเฉลี่ย (Average Order Value)

ติดตามค่าเฉลี่ยของยอดสั่งซื้อต่อครั้งบนเว็บไซต์ E-Commerce ช่วยในการวางแผนกลยุทธ์ด้านราคา และวัดความสำเร็จของแคมเปญการตลาดที่มุ่งเน้นเพิ่มมูลค่าตะกร้าสินค้า

12. พฤติกรรมการค้นหา

วิเคราะห์พฤติกรรมการค้นหาและคำค้นหาที่ผู้ใช้พิมพ์ในเว็บไซต์ ช่วยให้เข้าใจความต้องการของผู้ใช้ และสามารถปรับปรุงเนื้อหาหรือสินค้าให้ตรงกับความต้องการได้ดียิ่งขึ้น

13. หน้าเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมที่สุด

แสดงหน้าเว็บที่มีผู้เข้าชมมากที่สุด ช่วยให้เข้าใจว่าเนื้อหาหรือสินค้าใดได้รับความสนใจ และสามารถนำข้อมูลไปต่อยอดในการสร้างคอนเทนต์หรือพัฒนาสินค้าใหม่ได้

14. การมีส่วนร่วมแบบเรียลไทม์

ติดตามกิจกรรมของผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์ (Real-time Engagement) ทำให้เห็นฟีดแบคของการอัปเดตเนื้อหาใหม่หรือแคมเปญการตลาดที่เพิ่งเปิดตัวได้ทันที

15. พฤติกรรมการออกจากเว็บ

วิเคราะห์จุดและหน้าที่ทำให้ผู้ใช้ออกจากเว็บไซต์ ช่วยระบุปัญหาในการออกแบบ UX (User Experience) หรือเนื้อหาที่อาจไม่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้

16. ข้อมูล Multi-Channel Conversions

ข้อมูล Multi-Channel Conversions (การแปลงผ่านหลายช่องทาง) เป็นข้อมูลเชิงลึกที่แสดงให้เห็นว่าแต่ละช่องทาง มีส่วนร่วมในการสร้างยอดขายหรือช่วยเพิ่ม Conversion ได้มากแค่ไหน ซึ่งจะช่วยในการจัดสรรงบประมาณการตลาดให้มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากขึ้น

17. พฤติกรรมการชำระเงิน

ติดตามกระบวนการชำระเงินตั้งแต่ต้นจนจบ ช่วยระบุจุดที่ลูกค้าออกจากกระบวนการสั่งซื้อ ทำให้สามารถปรับปรุงประสบการณ์การชำระเงินให้ราบรื่นยิ่งขึ้นได้

18. ความถี่ในการเข้าชมเว็บไซต์

วิเคราะห์ว่าผู้ใช้กลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์บ่อยแค่ไหน ข้อมูลนี้จะช่วยวัดความภักดีของลูกค้าและประสิทธิภาพของกลยุทธ์การรักษาลูกค้าของคุณได้

19. ระยะเวลาที่ใช้งานบนเว็บไซต์

ข้อมูลที่แสดงระยะเวลาที่ผู้ใช้งานเว็บไซต์ เข้าไปใช้งานเว็บไซต์แต่ละหน้าและระยะเวลาทั้งหมดที่อยู่บนเว็บไซต์ สามารถนำไปวิเคราะห์และประเมินคุณภาพของเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้

20. การมีส่วนร่วมกับเนื้อหา

วัดผลว่าผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาอย่างไร เช่น การเลื่อนหน้า การคลิกลิงก์ การกดขยายดูรูปภาพ หรือการดูวิดีโอ เพื่อนำไปพิจารณาปรับปรุงเนื้อหาและการจัดวางเนื้อหาให้มีความน่าสนใจ รวมถึงตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานมากขึ้นด้วย

สรุป

ในปี 2025 Google Analytics มีประโยชน์อย่างมากต่อธุรกิจออนไลน์ ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและการคาดการณ์พฤติกรรมผู้บริโภคอย่างแม่นยำ ทำให้ธุรกิจสามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ Google Analytics ยังช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ การวางแผนกลยุทธ์การตลาด และการปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า ส่งผลให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัลที่มีการแข่งขันสูงอย่างทุกวันนี้ได้อีกด้วย

Related News

รู้จัก Churn Rate คืออะไร ทำไมถึงกลายเป็นฝันร้ายของคนทำธุรกิจ

Churn Rate คือตัวชี้วัดการสูญเสียลูกค้าที่ส่งผลโดยตรงต่อกำไรธุรกิจ เรียนรู้สาเหตุและ 5 เทคนิคลด Churn Rate ที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริงในบทความนี้

แชร์ 5 เครื่องมือใช้เช็กอันดับเว็บไซต์ SEO ที่เอเจนซี่ใช้จริง

รวม 5 เครื่องมือเช็กอันดับเว็บที่เอเจนซี่รับทำ SEO ใช้จริง พร้อมวิธีใช้งานทีละขั้นตอน ทั้ง Google Search Console, SERanking, Ahrefs และอื่น ๆ

สอนวิธีเช็กอันดับเว็บไซต์ เช็กอันดับ SEO ด้วยตัวเอง

รวมวิธีสอนเช็กอันดับเว็บง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เช็กอันดับ SEO ยังไงได้บ้าง เลือกมาให้แค่วิธีที่ง่ายและฟรี มือใหม่ทำได้ ไม่ต้องจ้างเอเจนซี่ อัปเดต 2025

รู้จัก Churn Rate คืออะไร ทำไมถึงกลายเป็นฝันร้ายของคนทำธุรกิจ

Churn Rate คือตัวชี้วัดการสูญเสียลูกค้าที่ส่งผลโดยตรงต่อกำไรธุรกิจ เรียนรู้สาเหตุและ 5 เทคนิคลด Churn Rate ที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริงในบทความนี้

แชร์ 5 เครื่องมือใช้เช็กอันดับเว็บไซต์ SEO ที่เอเจนซี่ใช้จริง

รวม 5 เครื่องมือเช็กอันดับเว็บที่เอเจนซี่รับทำ SEO ใช้จริง พร้อมวิธีใช้งานทีละขั้นตอน ทั้ง Google Search Console, SERanking, Ahrefs และอื่น ๆ

สอนวิธีเช็กอันดับเว็บไซต์ เช็กอันดับ SEO ด้วยตัวเอง

รวมวิธีสอนเช็กอันดับเว็บง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เช็กอันดับ SEO ยังไงได้บ้าง เลือกมาให้แค่วิธีที่ง่ายและฟรี มือใหม่ทำได้ ไม่ต้องจ้างเอเจนซี่ อัปเดต 2025

logo

ติดต่อเรา

ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ