Yoast SEO เครื่องมือปรับแต่ง SEO บน WordPress

By Rachavit Whangpatanathon I MD at ANGA Group

19 MAY 25

18

14 (2).webp

WordPress คือเครื่องมือการสร้างเว็บไซต์แบบสำเร็จรูปที่มีความเป็น SEO Friendly มากที่สุด ซึ่ง WordPress มีปลั๊กอินให้เลือกใช้ในการปรับแต่งเว็บไซต์จำนวนมาก แต่คุณต้องติดตั้งเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ไม่งั้นอาจทำให้เว็บไซต์เชื่องช้าและมีการแสดงผลที่ไม่ดีได้ อย่างไรก็ตามปลั๊กอินที่ทุกเว็บไซต์ขาดไปไม่ได้เลยคือ Yoast SEO เพราะ Yoast SEO คือปลั๊กอินช่วยปรับแต่งองค์ประกอบของการทำ SEO บนหน้านั้น ๆ ให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น มาทำความรู้จัก Yoast SEO ตั้งแต่จุดเด่น ประโยชน์ ไปจนถึงวิธีติดตั้งและวิธีใช้งานได้ในบทความนี้กับ ANGA Mastery

Yoast SEO คืออะไร

Yoast SEO คือปลั๊กอิน WordPress ที่เจ้าของเว็บไซต์สามารถนำมาใช้ทำปรับแต่ง On-Page SEO ให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และช่วยให้เว็บไซต์เป็นมิตรกับ Search Engine อย่าง Google มากขึ้น โดยทำหน้าที่เป็นเหมือนที่ปรึกษา SEO คอยแนะนำว่าต้องปรับแต่งบทความ SEO อย่างไรบ้าง ความยาวของข้อความอยู่ในระดับเหมาะสมแล้วหรือยัง ผ่านระบบไฟสามสี (เขียว เหลือง แดง) เหมือนระบบไฟจราจร พร้อมกับมีเช็กลิสต์ข้อแนะนำหรือสิ่งที่คุณควรปรับปรุงแสดงให้เห็นด้วย จุดเด่นของ Yoast SEO คือใช้งานง่าย มือใหม่ก็ปรับแต่งได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น SEO Specialist หรือ Web Developer

Yoast SEO มีประโยชน์อย่างไรบ้าง

หากคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นด้วยระบบ CMS ที่เป็น WordPress หรือเจ้าของธุรกิจที่อยากให้ทำ SEO ติดหน้าแรก Google อย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรติดตั้งปลั๊กอินอย่าง Yoast SEO เป็นอย่างยิ่ง เพราะปลั๊กอินนี้จะช่วยให้การทำ SEO ของคุณเป็นเรื่องที่ง่ายและรวดเร็วมากกว่าที่คิด

1. ใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน ใช้ได้ทุกคน

Yoast SEO คือปลั๊กอินที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานทุกระดับ เริ่มตั้งแต่การติดตั้งที่ไม่ซับซ้อน ไปจนถึงการแนะนำด้าน SEO ที่มีระบบเตือนด้วยสัญลักษณ์สีต่าง ๆ ให้เห็นได้ง่าย ๆ และบอกอย่างชัดเจนว่าคุณควรปรับปรุงจุดไหนบ้าง 

2. ช่วยปรับแต่งเว็บไซต์ให้น่าคลิก

คุณสามารถปรับแต่ง Meta Tags หรือส่วนของหน้าเว็บไซต์ที่แสดงบนผลการค้นหาได้ด้วยตัวเอง ผ่าน Yoast SEO โดยจะเป็นการกำหนด Meta Title และ Meta Description ตามความยาวที่แนะนำ พร้อมกับใช้สำนวนภาษาและการเรียบเรียงที่น่าสนใจ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้อยากคลิกเข้ามาบนเว็บไซต์ของคุณ เพิ่มทั้ง CTR ทั้ง Organic Traffic และทำให้มีโอกาสไต่อันดับให้สูงขึ้นได้

3. ปรับแต่งเนื้อหาให้ถูกใจทั้งคนอ่านและ Google

Yoast SEO มีระบบตรวจสอบการเขียนที่จะบอกว่าเนื้อหาของคุณอ่านง่ายหรือไม่ ประโยคยาวเกินไปไหม ย่อหน้าเหมาะสมไหม ตลอดจนมีการเชื่อมโยงระหว่างย่อหน้าที่ดีหรือเปล่า ทำให้คุณสามารถปรับแต่งบทความ SEO ให้อ่านง่ายและเป็นที่ชอบของผู้อ่านกับ Google ได้

4. ป้องกันปัญหาเนื้อหาซ้ำซ้อน

ปัญหาเนื้อหาซ้ำซ้อนหรือ Duplicate Content เป็นเรื่องที่ Google ไม่ชอบและมองว่าเนื้อหาเหล่านี้ไม่มีคุณภาพ พร้อมกับทำการลดอันดับของหน้านั้นลง เพื่อดึงเอาเนื้อหาที่มีคุณภาพขึ้นแซงหน้า ซึ่ง Yoast SEO สามารถช่วยให้คุณจัดการปัญหานี้ได้ผ่านการตั้งค่า Canonical URL (ตั้งค่าเพื่อบอก Google ว่าหน้าไหนคือหน้าหลักที่จะให้ Google นำไปจัดอันดับ)

5. วิเคราะห์และแนะนำการใช้คีย์เวิร์ด

Yoast SEO มีช่องให้คุณใส่คีย์เวิร์ดหลัก (Focus Keyword) ของหน้านั้น ๆ แล้วตัวปลั๊กอินก็จะบอกว่าคุณมีการใช้คีย์เวิร์ดในเนื้อหาอย่างเหมาะสมหรือไม่ น้อยไปหรือมากเกินไป ตำแหน่งที่วางคีย์เวิร์ดเป็นตำแหน่งที่ดีหรือยัง ฯลฯ

คีย์เวิร์ด (Keyword) คือคำหรือวลีที่ผู้ใช้งาน ใช้ในการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ บน Google โดยใน 1 หน้าเว็บไซต์จะต้องมีคีย์เวิร์ดหลักเพียง 1 คำเท่านั้น เพื่อป้องกันการสับสนของ Google และเพิ่มประสิทธิภาพในการนำไปจัดอันดับบน Google

 6. ช่วยให้ Google เข้าใจเว็บไซต์คุณได้ดีขึ้น

Yoast SEO จะสร้าง XML Sitemap ให้อัตโนมัติ ช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์คุณได้ง่ายขึ้น รวมถึงยังปรับแต่ง Breadcrumbs ให้เป็นมิตรกับ SEO ทำให้ผู้ใช้และ Google นำทางในเว็บไซต์ของคุณได้สะดวก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยในการจัดอันดับนั่นเอง

ขั้นตอนการติดตั้ง Yoast SEO

  1. เข้าไปที่แดชบอร์ดของ WordPress > เลือก "ปลั๊กอิน" > "เพิ่มใหม่"
  2. ค้นหาคำว่า "Yoast SEO" ในช่องค้นหา
  3. คลิก "ติดตั้งตอนนี้" และจากนั้นกด "เปิดใช้งาน"
  4. หลังจากเปิดใช้งานแล้ว จะมีเมนู "SEO" ปรากฏในแดชบอร์ด WordPress

สอนวิธีใช้งาน Yoast SEO บน WordPress

สอนวิธีใช้งานฟีเจอร์หลักของปลั๊กอิน Yoast SEO ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงยิ่งขึ้น

การตั้งค่าพื้นฐาน Yoast SEO

  • เข้าไปที่เมนู "SEO" > เลือก "ตัวช่วยการตั้งค่า" (Configuration Wizard)
  • ทำตามขั้นตอนการตั้งค่าที่แนะนำ ซึ่งจะมีการกรอกข้อมูลเว็บไซต์ ประเภทเว็บ และการเชื่อมต่อกับเครื่องมือต่าง ๆ
  • กำหนดชื่อเว็บไซต์ โลโก้ และข้อมูลโซเชียลมีเดียต่าง ๆ

การปรับแต่ง Focus Keyphrase

  • เมื่อเขียนบทความหรือสร้างหน้าเว็บ จะมีส่วน Yoast SEO ด้านล่างของเนื้อหา
  • กรอก Focus Keyphrase ที่ต้องการให้บทความติดอันดับในช่อง "Focus Keyphrase"
  • Yoast SEO จะวิเคราะห์และให้คะแนนว่าคำนี้ถูกใช้ในตำแหน่งที่เหมาะสมหรือไม่
  • สังเกตสีของไฟสัญญาณ โดยมีสีเขียว (ดี), สีส้ม (ปานกลาง) และสีแดง (ควรปรับปรุง)

การปรับแต่ง Meta Tags

  • คลิกที่แท็บ "Edit Snippet" หรือ "แก้ไขตัวอย่าง"
  • แก้ไข SEO Title ให้มีความยาวเหมาะสม และควรมี Focus Keyphrase อยู่ด้วย
  • เขียน Meta Description ที่น่าสนใจและชวนคลิก โดยควรมีความยาว 120-156 ตัวอักษร
  • สังเกตแถบสีที่แสดงความยาวของ Title และ Description ว่าอยู่ในช่วงที่เหมาะสมหรือไม่

การจัดการ URL Slug

  • ในส่วนของ Permalink (ด้านบนของหน้าแก้ไข) สามารถปรับแต่ง URL Slug ได้
  • ควรทำให้ URL สั้น กระชับ และมี Focus Keyphrase
  • หลีกเลี่ยงการใช้ตัวเลข วันที่ หรือคำฟุ่มเฟือยใน URL

การตรวจสอบ Readability (ความอ่านง่าย)

  • ดูที่แท็บ "Readability" เพื่อดูผลวิเคราะห์
  • ปรับปรุงตามคำแนะนำ เช่น การใช้ประโยคสั้น การใช้หัวข้อย่อย หรือการเพิ่ม Transition Words
  • ในภาษาไทย ระบบอาจวิเคราะห์ได้ไม่แม่นยำเท่าภาษาอังกฤษ แต่หลักการพื้นฐานยังเป็นประโยชน์

การใช้ Internal Link และ External Link

  • Yoast SEO จะตรวจสอบว่าบทความมีการเชื่อมโยงทั้งสองประเภทอย่างเหมาะสมหรือไม่
  • Internal Link คือการเพิ่มลิงก์ไปยังหน้าอื่น ๆ ภายในเว็บไซต์เดียวกัน
  • External Link คือการใส่ลิงก์เชื่อมโยงไปยังแหล่งข้อมูลภายนอกที่น่าเชื่อถือ

การจัดการรูปภาพและ Alt Text

  • เลือกใช้รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
  • ตั้งชื่อไฟล์รูปภาพให้มีความหมายและเกี่ยวข้องกับ Focus Keyphrase
  • กำหนด Alt Text ที่อธิบายรูปภาพและควรมี Focus Keyphrase
  • ลดขนาดไฟล์รูปภาพเพื่อไม่ให้หน้าเว็บโหลดช้า
  • ใช้สกุลไฟล์ภาพเป็น WebP แทนสกุลอื่น ๆ 

การใช้ Schema Markup

  • Yoast SEO สร้าง Schema Markup พื้นฐานให้โดยอัตโนมัติ
  • เลือกประเภทที่เหมาะสมกับเนื้อหา เช่น บทความ, สินค้า, รีวิว ฯลฯ
  • Schema Markup ช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาและแสดงผลแบบ Rich Snippets

การตรวจสอบ Social Media Preview

  • คลิกที่แท็บ "Social" ใน Yoast SEO
  • กำหนดรูปภาพ Title และ Description ที่จะแสดงเมื่อลิงก์ถูกแชร์บน Facebook และ Twitter
  • หากไม่กำหนด ระบบจะใช้ Title และ Description หลักโดยอัตโนมัติ

การวิเคราะห์และปรับปรุงเนื้อหาตามคำแนะนำ

  • ดูที่สัญญาณไฟทั้งในส่วน SEO และ Readability
  • อ่านคำแนะนำและปรับปรุงจุดที่มีสัญญาณไฟสีแดงหรือสีส้ม
  • ไม่จำเป็นต้องทำให้ทุกข้อเป็นสีเขียว แต่ควรปรับปรุงให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
  • เน้นที่คุณภาพของเนื้อหาควบคู่ไปกับการทำตามหลัก SEO

14 Checklist ของ Yoast SEO ใช้ตรวจสอบ SEO

  1. Outbound links ต้องมีลิงก์ไปยังเว็บภายนอก
  2. Keyphrase length คีย์เวิร์ดควรมีความยาวที่เหมาะสม
  3. Keyphrase in meta description คีย์เวิร์ดควรปรากฏใน Meta Description
  4. Meta description length ความยาว Meta Description ควรอยู่ระหว่าง 120-156 ตัวอักษร
  5. Previously used keyphrase ตรวจสอบว่าไม่ซ้ำกับคีย์เวิร์ดที่เคยใช้
  6. Text length เนื้อหาควรมีความยาวไม่น้อยกว่า 300 คำ
  7. Keyphrase in title คีย์เวิร์ดควรปรากฏใน Title
  8. SEO title width ความยาวที่เหมาะสมของ Title 
  9. Keyphrase in slug คีย์เวิร์ดควรปรากฏใน URL
  10. Internal links ควรมีลิงก์ภายในเว็บไซต์
  11. Keyphrase in introduction คีย์เวิร์ดควรปรากฏในย่อหน้าแรก
  12. Keyphrase density ความหนาแน่นของคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม
  13. Keyphrase in subheading คีย์เวิร์ดควรปรากฏในหัวข้อย่อย
  14. Image alt attributes รูปภาพควรมี Alt Text ที่เหมาะสม

สรุป

Yoast SEO คือปลั๊กอินที่ทุกเว็บไซต์ควรติดตั้ง ถ้าอยากให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาบน Google ซึ่งเป็นเหมือนเช็กลิสต์ให้เจ้าของเว็บไซต์ทราบว่าโครงสร้างเนื้อหาในบทความของเรา ตรงกับเกณฑ์ที่ Google ต้องการแล้วหรือยัง ถ้าถามว่าเราต้องใส่ใจสัญญาณไฟขนาดนั้นไหม คำตอบคือถ้าทำได้ก็จะดี แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไป เพราะบางบทความหรือบางเว็บไซต์อาจมีข้อจำกัดบางประการที่สัญญาณไฟไม่สามารถเป็นสีเขียวทั้งหมดได้ สิ่งที่คุณควรโฟกัสนอกจากการปรับแต่ง SEO ด้วย Yoast คือการเขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน และตรงตามหลัก E-E-A-T Factor

เรียน SEO กับ ANGA Mastery = เรียนกับผู้เชี่ยวชาญจากดิจิทัลเอเจนซี่รับทำ SEO ชั้นนำ ที่มีประสบการณ์มานานในหลากหลายธุรกิจ เปิดสอน SEO ทั้ง Public Training และ In-house Training นอกจากนี้ ยังมีคอร์สเรียน Marketing ที่น่าสนใจอีกเพียบ อาทิ คอร์สเรียน Google Ads, คอร์สเรียน Google Analytics 4 และคอร์สเรียน Facebook Ads เป็นต้น

Related News

Yoast SEO เครื่องมือปรับแต่ง SEO บน WordPress

รู้จัก Yoast SEO คืออะไร เครื่องมือช่วยปรับแต่ง SEO ยอดนิยมบนเว็บไซต์ WordPress พร้อมเช็กลิสต์ใช้ตรวจสอบโครงสร้างเนื้อหา ไต่อันดับสูงบน Google

DuckDuckGo คืออะไร เครื่องมือค้นหาที่ถูกมองว่า “ปลอดภัย” ที่สุด

ค้นหาข้อมูลอย่างปลอดภัยด้วย DuckDuckGo คือ Search Engine ที่ให้ความสำคัญกับความสำคัญของผู้ใช้งานเป็นสำคัญ ไม่มีการเก็บประวัติ ไร้การยิงแอดติดตาม

แจกตัวอย่าง PDCA ในการทํางาน (Plan-Do-Check-Act)

เรียนรู้ PDCA คืออะไร มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร พร้อมตัวอย่าง PDCA ในการทำงานจริงของเอเจนซี่ SEO ร้านอาหาร และโรงงานผลิตเสื้อผ้าที่เห็นผลจริง

Yoast SEO เครื่องมือปรับแต่ง SEO บน WordPress

รู้จัก Yoast SEO คืออะไร เครื่องมือช่วยปรับแต่ง SEO ยอดนิยมบนเว็บไซต์ WordPress พร้อมเช็กลิสต์ใช้ตรวจสอบโครงสร้างเนื้อหา ไต่อันดับสูงบน Google

DuckDuckGo คืออะไร เครื่องมือค้นหาที่ถูกมองว่า “ปลอดภัย” ที่สุด

ค้นหาข้อมูลอย่างปลอดภัยด้วย DuckDuckGo คือ Search Engine ที่ให้ความสำคัญกับความสำคัญของผู้ใช้งานเป็นสำคัญ ไม่มีการเก็บประวัติ ไร้การยิงแอดติดตาม

แจกตัวอย่าง PDCA ในการทํางาน (Plan-Do-Check-Act)

เรียนรู้ PDCA คืออะไร มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร พร้อมตัวอย่าง PDCA ในการทำงานจริงของเอเจนซี่ SEO ร้านอาหาร และโรงงานผลิตเสื้อผ้าที่เห็นผลจริง

logo

ติดต่อเรา

ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ