10 วิธีเรียกลูกค้าเข้าร้าน ดึงความสนใจ เร่งยอดขายให้ธุรกิจ

การทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้านเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย ทำให้เจ้าของธุรกิจที่มีร้านค้าอยู่ตามที่ต่าง ๆ ต้องคิดหนัก ไม่ว่าจะเป็นร้านในห้างสรรพสินค้า ร้านที่ตั้งอยู่ในย่านต่าง ๆ หรือแม้แต่ป๊อปอัพสโตร์ตามงานอีเวนต์ก็ตาม หากร้านของเรามีลูกค้าเข้ามามากขึ้น ก็แปลว่ามีโอกาสปิดการขายเพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงแค่นั้น การมีลูกค้าเดินเข้าออกร้านตลอดยังช่วยสร้างบรรยากาศที่คึกคัก ทำให้คนเดินผ่านไปมาสนใจและอยากเข้ามาดูด้วย ANGA Mastery ขอแนะนำ 10 วิธีเรียกลูกค้าเข้าร้าน ดึงดูดความสนใจ กระตุ้นยอดขาย ที่ได้ผลจริงในปี 2025 ถ้าอยากรู้แล้วว่ามีวิธีไหนกันบ้าง เราไปติดตามอ่านกันได้เลย

1. บรรยากาศน่าเข้าไปใช้บริการ

การสร้างบรรยากาศที่ดึงดูดใจเป็นหนึ่งในวิธีเรียกลูกค้าเข้าร้านที่ได้ผลมากที่สุด การเลือกใช้แสงไฟ สีสัน และการตกแต่งที่สอดคล้องกับคาแรกเตอร์ของร้านช่วยดึงดูดความสนใจตั้งแต่แรกเห็น นอกจากนี้ การใช้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ยังสามารถกระตุ้นประสาทสัมผัสและดึงดูดลูกค้าให้อยากเข้ามาสำรวจภายในร้านมากขึ้น เช่น กลิ่นหอมของกาแฟในร้านกาแฟ กลิ่นอบอวลของขนมปังในร้านเบเกอรี หรือกลิ่นหอมของดอกไม้ของร้านขายเครื่องสำอางและสกินแคร์สำหรับสาว ๆ 

2. ราคาเหมาะสมกับคุณภาพ

ลูกค้าส่วนใหญ่ยินดีจ่ายในราคาที่สมเหตุสมผลเมื่อพวกเขารู้สึกว่าได้รับคุณค่าที่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป การตั้งราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพสินค้าจึงเป็นวิธีทําให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ๆ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องลดราคามาก ๆ จนกระทบกับกำไร อีกทั้งยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจจากลูกค้า ทำให้พวกเขากล้าตัดสินใจซื้อและมีแนวโน้มกลับมาซื้อซ้ำในอนาคตอีกด้วย

หากสินค้าหรือบริการของคุณมีราคาค่อนข้างสูง คุณควรอธิบายคุณสมบัติ จุดเด่น ข้อดี และรายละเอียดของสินค้าอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นความพิถีพิถันในการผลิต กระบวนการคัดเลือกวัตถุดิบ ส่วนผสม เทคโนโลยีที่ใช้ หรือจะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่างจากคู่แข่งก็ได้ การให้ข้อมูลในส่วนนี้จะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจถึงความคุ้มค่าและรู้เหตุผลว่าทำไมสินค้าของคุณจึงมีราคาสูง

3. บริการที่ดีจากพนักงาน

ไม่ว่าใครก็อยากได้รับประสบการณ์ที่ดีกลับไป หากร้านค้าสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ ลูกค้าจะเกิดความประทับใจและอยากจะกลับมาอุดหนุนซ้ำ รวมถึงรีวิวบอกต่อให้คนอื่นทราบและตามมาอุดหนุนด้วย ซึ่งการบริการของพนักงานในร้านเป็นตัวชี้วัดหลักว่าจะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจได้หรือไม่ แนะนำให้ฝึกอบรมพนักงานให้มีทักษะด้านการบริการอย่างดีเยี่ยม มีความรู้ในสินค้าและบริการที่ขาย เป็นมิตรต่อทุกคน มีความเอาใจใส่ รับฟัง กระตือรือร้นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า และควรมีทักษะการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าด้วย

4. จัดโปรโมชันลดราคาพิเศษ

การจัดโปรโมชันลดราคาพิเศษเป็นวิธีเรียกลูกค้าเข้าร้านที่ได้ผลเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะอยู่ในยุคไหนสมัยไหนก็ตาม อาทิ การจัดโปรโมชันตามเทศกาลสำคัญ (วาเลนไทน์ ปีใหม่ สงกรานต์), ส่วนลดวันเกิด เดือนเกิด, โปรโมชันวันเลขคู่ (5.5 8.8 11.11) หรือโปรโมชันเปิดตัวสินค้าใหม่ การนำเสนอราคาพิเศษจะช่วยดึงดูดทั้งลูกค้าใหม่และกระตุ้นให้ลูกค้าเดิมกลับมาซื้อซ้ำ คุณสามารถใช้สร้างความตื่นเต้นและความเร่งด่วนด้วยการกำหนดระยะเวลาจำกัด หรือจัด Flash Sale ได้ ซึ่งจะกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น

5. การติดป้ายประกาศหน้าร้าน

ป้ายหน้าร้านที่ออกแบบอย่างโดดเด่นและสื่อสารข้อมูลที่ชัดเจน เป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดผู้คนที่เดินผ่านไปมาให้เข้ามาที่ร้าน แนะนำให้ใช้ป้ายที่มีสีสันสดใส ข้อความกระชับ และขนาดที่มองเห็นได้ชัดเจนแม้จากระยะไกล  โดยเฉพาะป้ายที่แจ้งเกี่ยวกับโปรโมชันราคาพิเศษหรือสินค้าใหม่ เพราะจะช่วยกระตุ้นความสนใจได้เป็นอย่างดี นอกจากป้ายหลักแล้ว การใช้ป้ายเล็ก ๆ ไปวางในจุดที่คนเดินผ่านหรือบริเวณทางเข้าก็เป็นวิธีทําให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ๆ ได้ด้วย แนะนำให้เพิ่มคำกระตุ้นการตัดสินใจ (Call to Action) เช่น “จำนวนจำกัด” หรือ “ราคาพิเศษ” ลงไปด้วย

6. ช่องทางชำระเงินที่หลากหลาย

ปี 2025 เป็นยุคที่ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการจ่ายเงินที่แตกต่างกัน บางคนสะดวกจ่ายเงินสด บางคนชอบโอนมากกว่า บางคนชอบสแกนตัดเงินผ่านแอปฯ หรือบางคนถนัดใช้บัตรเครดิต ดังนั้น การที่มีช่องทางชำระเงินที่หลากหลาย จึงเป็นวิธีทำให้ลูกค้าอยากเข้ามาใช้บริการที่ร้านด้วย ช่องทางการชำระเงินที่ได้รับความนิยมคือเงินสด บัตรเครดิต/เดบิต และแอปพลิเคชันชำระเงินต่าง ๆ เช่นทรูมันนี่ บัญชีธนาคารออนไลน์ หรือวอลเล็ตดิจิทัลอื่น ๆ 

นอกจากนี้ การแสดงช่องทางการชำระเงินที่ชัดเจนไว้ที่บริเวณหน้าร้านและจุดชำระเงิน ก็สามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าพวกเขาสามารถชำระเงินได้สะดวกตามวิธีที่ต้องการด้วย แนะนำให้วาง QR Code ในบริเวณที่เห็นได้ง่ายอย่างเคาน์เตอร์ชำระเงิน มีขนาดที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป เพื่อให้การสแกนจ่ายเกิดขึ้นได้ง่ายและรวดเร็วมากที่สุด

7. มีระบบสมาชิกหรือการสะสมแต้ม

ระบบสมาชิกและการสะสมแต้มเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าและกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าจะรู้สึกคุ้มค่าและมีแรงจูงใจในการกลับมาใช้บริการเมื่อพวกเขาทราบว่าทุกครั้งที่ซื้อสินค้าจะได้รับแต้มสะสมที่สามารถนำไปแลกเป็นส่วนลดหรือของรางวัลได้ เช่น ร้านกาแฟมีระบบสมาชิกและสะสมแต้ม โดยกาแฟ 1 แก้ว จะได้คะแนน 1 แต้ม เมื่อลูกค้าสะสมครบ 10 แต้มก็สามารถนำคะแนนมาแลกเป็นส่วนลดหรือกาแฟได้

ปัจจุบันนี้ การทำระบบสมาชิกไม่จำเป็นต้องยุ่งยากหรือใช้งบประมาณสูง ๆ ร้านค้าขนาดเล็กสามารถเลือกใช้แพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้ว เช่น LINE Official Account ที่มีระบบ LINE Points หรือแอปพลิเคชันสะสมแต้มสำเร็จรูปต่าง ๆ เพื่อจัดการระบบสมาชิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะช่วยในเรื่องการขายแล้ว ระบบสมาชิกยังเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการซื้อและความชอบของลูกค้า ช่วยให้คุณเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและวางแผนการตลาดได้แม่นยำยิ่งขึ้นอีกด้วย

8. โพสต์คอนเทนต์บน Social Media

การโพสต์คอนเทนต์และอัปเดตข่าวสารของร้านบน Social Media อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ลูกค้ารู้ความเคลื่อนไหวของร้านและรู้สึกใกล้ชิดกับแบรนด์มากขึ้น วิธีนี้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงแต่มีต้นทุนต่ำ แนะนำให้อัปเดตบน Facebook Page และ Instagram หรือ LINE OA เป็นหลัก หากสะดวกจะอัปเดตบน TikTok และแพลตฟอร์มอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ (ยิ่งโพสต์หลายแพลตฟอร์ม ยิ่งเข้าถึงคนได้เยอะขึ้น)

โดยคอนเทนต์ที่คุณสามารถโพสต์อัปเดตลงไปได้มีอยู่เยอะมาก เช่น ภาพสินค้า, เมนูแนะนำ, สินค้าใหม่, โปรโมชันพิเศษ, เบื้องหลังการทำงาน และที่พลาดไม่ได้เลยคือการแชร์รีวิวจากลูกค้าจริง เพราะรีวิวมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของลูกค้าใหม่เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ การตอบคอมเมนต์และข้อความอย่างรวดเร็วยังแสดงถึงความใส่ใจและการบริการที่ดี สร้างความประทับใจก่อนที่ลูกค้าจะได้เข้ามาที่ร้านจริง ๆ ด้วย 

9. ปักหมุดร้านบน Google Map 

การปักหมุดร้านค้าบน Google Map และสร้างโปรไฟล์บน Google My Business ช่วยเพิ่มการมองเห็นธุรกิจบน Google Search ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะ Google เป็นเครื่องมือที่ใคร ๆ ก็ใช้ในการค้นหาข้อมูลของสิ่งที่กำลังสนใจ ซึ่งรวมถึงร้านค้าที่อยากไปใช้บริการด้วย โดย Google My Business คือการสร้างโปรไฟล์ธุรกิจขึ้นมา ลูกค้าสามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของคุณได้ครบครัน เช่น สินค้า บริการ เวลาเปิด-ปิด เบอร์โทรติดต่อ รีวิว และรูปภาพของร้าน ส่วน Google Map ก็จะแสดงให้เห็นว่าร้านค้าตั้งอยู่ที่ไหน หากพวกเขาจะไปก็สามารถกดดูแผนที่ให้นำทางไปได้เลย

10. ยิงโฆษณาบนช่องทางออนไลน์

การยิงโฆษณาออนไลน์เป็นอีกหนึ่งวิธีเรียกลูกค้าเข้าร้านที่มีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ในเวลาที่เหมาะสม และสามารถวัดผลความสำเร็จได้อย่างแม่นยำ แม้ร้านค้าจะตั้งอยู่ในพื้นที่ออฟไลน์ แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักค้นหาข้อมูลหรือทำความรู้จักร้านค้าผ่านช่องทางออนไลน์ก่อนตัดสินใจเดินทางมาเสมอ การยิงโฆษณาบนช่องทางออนไลน์อย่าง Google Ads, Facebook Ads, Instagram Ads, LINE Ads และ TikTok Ads จึงเป็นโอกาสอันดีที่คุณจะทำให้พวกเขาพบเห็นโฆษณาของร้านคุณในช่วงเวลาที่กำลังต้องการสินค้าหรือบริการ

สรุป

การที่ร้านค้ามีลูกค้าเข้าร้านอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าใหม่หรือลูกค้าเก่าก็ต่างส่งผลดีต่อธุรกิจทั้งสิ้น ทั้งการเพิ่ม Brand Awareness และการกระตุ้นยอดขาย ไปจนถึงความก้าวหน้าของธุรกิจด้วยเช่นกัน ซึ่งเราก็ได้รวบรวมวิธีเรียกลูกค้าเข้าร้านมาให้คุณในบทความนี้แล้ว แนะนำให้ใช้กลยุทธ์ออฟไลน์และออนไลน์ควบคู่กันไป เพื่อเปิดการมองเห็น สร้างการรับรู้ ดึงดูดความสนใจ และเพิ่มฐานลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ สามารถเลือกวิธีที่ตอบโจทย์และเหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้เลย แต่สิ่งสำคัญคือการทำสิ่งนั้นอย่างตั้งใจและต่อเนื่อง