24 JANUARY 25
96
เคยสังเกตไหมว่าทำไมเวลาเราเดินอิเกียถึงหาของได้ง่ายจัง? แม้จะมีสินค้าเป็นหมื่นชิ้น แต่เราก็สามารถเดินตามป้าย ตามโซน จนเจอสิ่งที่ต้องการได้แทบจะทุกครั้ง นั่นเพราะพวกเขาใส่ใจเรื่องการจัดวางและการนำทางนั่นเอง เว็บไซต์ก็เช่นกัน การมีโครงสร้างที่ดีจะทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกเหมือนมีไกด์ส่วนตัวพาเดินชมร้าน ไม่หลงทาง ไม่สับสน และได้ข้อมูลที่ต้องการอย่างครบถ้วน
โครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure) คือการวางแผนว่าผู้เข้าชมจะได้พบเจอและเข้าถึงข้อมูลอย่างไร จะเริ่มต้นจากไหน และจะไปต่อที่ไหนได้บ้าง เหมือนกับการออกแบบเส้นทางเดินในห้างสรรพสินค้า ที่ต้องคำนึงว่าลูกค้าจะเดินอย่างไรถึงจะสะดวก และได้เห็นสินค้าครบถ้วนตามที่เขาต้องการ
การวางโครงสร้างเว็บที่ดีจะช่วยให้คนอยากอยู่ในเว็บเรานานขึ้น เหมือนกับห้างที่จัดร้านสวย เดินสบาย คนก็อยากเดินต่อ ไม่รีบกลับ ที่สำคัญ Google ก็ชอบเว็บที่มีโครงสร้างดีด้วย เพราะเขาสามารถเข้าใจได้ว่าเว็บเราเกี่ยวกับอะไร และควรจะแสดงให้คนค้นหาเจอในช่วงไหน
เวลาเราจะสร้างบ้าน เราต้องเลือกแบบบ้านที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรา โครงสร้างเว็บไซต์ก็เช่นกัน มีหลายแบบให้เลือกตามความเหมาะสม
เหมาะสำหรับคนที่อยากเล่าเรื่องหรือสอนอะไรเป็นขั้นเป็นตอน เหมือนกับหนังสือที่อ่านไปทีละบท จบบทนึงก็ไปบทต่อไป ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือพวกคอร์สเรียนออนไลน์ หรือขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้า ที่ต้องทำตามลำดับ จะข้ามไปทำข้อ 3 ก่อนข้อ 1 ไม่ได้
นี่คือแบบที่คนนิยมใช้กันมากที่สุด เพราะเข้าใจง่าย จัดระเบียบดี เหมือนกับการจัดตู้เสื้อผ้าที่แยกเป็นหมวดใหญ่ๆ ก่อน แล้วค่อยแยกย่อยลงไป เช่น เสื้อผ้าผู้ชาย > เสื้อเชิ้ต > เสื้อเชิ้ตแขนสั้น เหมาะกับเว็บที่มีเนื้อหาหรือสินค้าเยอะๆ
เหมาะกับเว็บที่อยากให้คนกระโดดไปมาได้อิสระ ไม่ต้องเป็นขั้นเป็นตอน เหมือนกับการอ่านวิกิพีเดียที่เราสามารถคลิกลิงก์ไปอ่านเรื่องที่เกี่ยวข้องได้เรื่อยๆ ตามความสนใจ
การทำให้เว็บน่าใช้ไม่ต่างจากการจัดบ้านให้น่าอยู่ มีหลักการง่ายๆ ดังนี้
เมนูควรเหมือนป้ายบอกทางที่ชัดเจน ไม่ต้องคิดมาก เห็นปุ๊บเข้าใจปั๊บว่าจะไปไหนต่อ ลองนึกถึงตอนที่เราเข้าร้านกาแฟดังๆ เราจะเห็นเมนูที่แบ่งเป็นหมวดชัดเจน ทั้งเครื่องดื่มร้อน เย็น ขนม อาหาร ทำให้สั่งง่าย ไม่สับสน
แนะนำให้จัดเมนูหลักไม่เกิน 7 รายการ เพราะคนเราจำได้ดีในระยะสั้นแค่ 5-7 อย่าง ถ้ามีเยอะกว่านี้ให้แตกเป็นเมนูย่อยดีกว่า
นี่คือส่วนที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยให้คนอยู่กับเว็บเรานานขึ้น วิธีการคือ เวลาเขียนเนื้อหาให้คิดว่า "ถ้าคนอ่านเรื่องนี้จบ เขาน่าจะอยากรู้เรื่องอะไรต่อ?" แล้วใส่ลิงก์ไปยังเนื้อหาที่เกี่ยวข้องนั้น
ตัวอย่างเช่น ถ้าเราเขียนบทความสอนแต่งหน้า เราก็ควรมีลิงก์ไปบทความรีวิวเครื่องสำอาง หรือเทคนิคการเลือกซื้อแปรงแต่งหน้า เป็นต้น
URL ก็เหมือนที่อยู่บ้านของเรา ถ้าบอกที่อยู่ชัดเจน คนก็มาหาเราได้ง่าย Google ก็เช่นกัน เขาชอบ URL ที่อ่านแล้วเข้าใจว่าหน้านี้เกี่ยวกับอะไร
ทำไมถึงดีกว่า? เพราะทั้งคนและ Google อ่านแล้วเข้าใจทันทีว่าหน้านี้ขายรองเท้า Nike Air Max ไม่ต้องมานั่งถอดรหัสว่า id=123 คืออะไร
Google ชอบเว็บที่จัดระเบียบดี เหมือนกับที่เราชอบเข้าร้านที่จัดของเป็นระเบียบ หยิบง่าย หาสะดวก มาดูกันว่าเราจะทำยังไงให้ Google ชอบเว็บเรา
เปรียบเสมือนการจัดร้านหนังสือ ที่จะมีมุมนิยาย มุมหนังสือท่องเที่ยว มุมหนังสือธุรกิจ แยกกันชัดเจน เว็บเราก็ควรจัดกลุ่มเนื้อหาแบบนี้เช่นกัน เช่น ถ้าเราทำเว็บรีวิวร้านอาหาร อาจจะแบ่งเป็น:
แต่ละโซนควรมีหน้าหลักที่อธิบายภาพรวม แล้วค่อยลิงก์ไปหน้าย่อยที่มีรายละเอียดเพิ่มเติม
การทำ Internal Linking ที่ดีเหมือนการวาง "เส้นทางแนะนำ" ในห้างสรรพสินค้า ที่จะมีป้ายบอกว่า "คุณอาจสนใจ..." หรือ "สินค้าที่เกี่ยวข้อง" โดยมีเทคนิคดังนี้:
เชื่อมโยงแบบมีความหมาย: ไม่ควรแค่บอกว่า "คลิกที่นี่" แต่ควรบอกว่าจะได้อะไรเมื่อคลิก เช่น "ดูเทคนิคการเลือกกล้องสำหรับมือใหม่" จะดีกว่า "คลิกที่นี่เพื่ออ่านต่อ"
เชื่อมโยงอย่างเป็นธรรมชาติ: ใส่ลิงก์ในจุดที่เกี่ยวข้องจริงๆ เช่น ถ้ากำลังเขียนถึงวิธีทำกาแฟดริป ก็ลิงก์ไปที่ "รีวิวเครื่องบดกาแฟ" หรือ "วิธีเลือกเมล็ดกาแฟ" ในจุดที่พูดถึงเรื่องนั้นๆ
การดูแลเว็บก็เหมือนการดูแลบ้าน ต้องหมั่นตรวจสอบและปรับปรุงอยู่เสมอ
ลองสังเกตพฤติกรรมคนเข้าเว็บ
การทำเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จนั้น การเรียนรู้เรื่อง SEO ถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะการวางโครงสร้างเว็บไซต์ที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น จะช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรในการแก้ไขภายหลังได้มาก
ถ้าคุณอยากเริ่มต้นอย่างมืออาชีพ การเรียน SEO กับผู้เชี่ยวชาญโดยตรงอย่าง ANGA Mastery จะช่วยให้คุณเข้าใจทั้งภาพรวมและรายละเอียดปลีกย่อยในการวางโครงสร้างเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะนอกจากจะได้เรียนรู้ทฤษฎีแล้ว คุณยังจะได้เห็นตัวอย่างจริงจากประสบการณ์การรับทำ SEO ให้ลูกค้าชั้นนำมากกว่า 300 ราย
แต่ถ้าจะเริ่มลงมือทำด้วยตัวเองตอนนี้ ลองเริ่มจาก
สุดท้ายนี้ จำไว้ว่าการวางโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีไม่ได้จบแค่การจัดหมวดหมู่หรือทำเมนู แต่ต้องผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ของการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังต้องใช้งานง่าย ค้นหาง่าย และติดอันดับ Google ได้ด้วย
พัฒนาสกิลที่ถูกต้องสำหรับผู้นำ
ด้านการตลาดออนไลน์
12 FEBRUARY
ทำความเข้าใจ Key Message คืออะไรผ่าน มีเทคนิคการสร้าง Key Message ให้ทรงพลัง สื่อสารชัด และเหมาะสมกับธุรกิจอย่างไร พร้อมตัวอย่างจากแบรนด์ดังเพียบ
12 FEBRUARY
12 FEBRUARY
12 FEBRUARY
12 FEBRUARY
12 FEBRUARY
ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ