19 MAY 25
114
ต่อเนื่องจากบทความก่อนหน้านี้ที่เราอธิบายว่า Inbound Marketing คืออะไร มีความสำคัญมากแค่ไหนในปัจจุบัน เมื่อมี Inbound Marketing แล้ว ก็ต้องมีบทความอธิบายว่า Outbound Marketing คืออะไรด้วยเช่นกัน เพราะทั้งสองสิ่งนี้เป็นกลยุทธ์การตลาดขั้วตรงข้ามกันนั่นเอง Outbound Marketing คือกลยุทธ์แบบผลัก หรือการที่แบรนด์ผลักตัวเองเข้าไปหาผู้บริโภคเอง หลาย ๆ คนคงเกิดคำถามว่า “แล้วกลยุทธ์แบบนี้ยังได้ผลและสำคัญอยู่ไหมในปัจจุบัน?” เดี๋ยว ANGA Mastery จะมาคลายข้อสงสัยผ่านบทความนี้ให้รู้เอง พร้อมยกตัวอย่าง Outbound Marketing และอธิบายว่า Outbound Marketing แตกต่างกับ Inbound Marketing อย่างไนด้วยเช่นกัน
Outbound Marketing คือการตลาดที่เน้นการส่งข้อมูลสินค้าหรือบริการออกไปหากลุ่มคนจำนวนมากแบบไม่เฉพาะเจาะจง โดยไม่สนใจว่าผู้รับสารต้องการข้อมูลเหล่านั้นหรือไม่ คล้ายกับการยิงกระสุนหว่านไปทั่วเพื่อหวังว่าจะถูกเป้าบ้าง เราเห็นวิธีนี้ได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ทั้งโฆษณาบนทีวีที่แทรกระหว่างรายการดัง ป้ายบิลบอร์ดขนาดยักษ์ตามสี่แยก โฆษณาที่แทรกก่อนดูคลิปใน YouTube หรือแม้แต่การโทรศัพท์ขายประกันตอนเรากำลังทำงานอยู่ ข้อดีของ Outbound Marketing คือทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็วในวงกว้าง แต่ก็อาจสร้างประสบการณ์ที่น่ารำคาญให้คนที่ไม่สนใจได้เหมือนกัน
เรามักเจอกับการทำ Outbound Marketing รอบตัวเราอยู่บ่อยๆ โดยที่บางทีเราอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่านั่นคือกลยุทธ์การตลาดที่แบรนด์ต่าง ๆ ใช้เพื่อดึงความสนใจจากเรา ซึ่งแต่ละแบบก็มีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันไป ลองมาดูตัวอย่างที่พบเห็นได้บ่อยกัน
พอดูรายการทีวีช่วงดัง ๆ แล้วมีคั่นโฆษณา นั่นแหละคือ Outbound Marketing ชัด ๆ แบรนด์ยอมจ่ายเงินก้อนโตเพื่อให้คนนับล้านได้เห็นโฆษณาในเวลาเดียวกัน วิธีนี้ยังเข้าถึงคนที่ไม่ค่อยเล่นโซเชียลได้ดร โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ ยิ่งถ้าทำโฆษณาสนุก ๆ จำง่าย ก็จะช่วยให้คนจดจำแบรนด์ได้นานขึ้นด้วย
ลองนึกถึงตอนที่คุณติดอยู่ในรถบนทางด่วนแล้วเห็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ข้างทาง หรือป้ายในสถานีรถไฟฟ้าที่คุณเดินผ่านทุกวันหลังเลิกงาน นั่นคือการทำ Outbound Marketing ด้วยวิธีที่แบรนด์พยายามยัดเยียดตัวเองเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคุณ ทำให้คุณเห็นซ้ำ ๆ จนจำได้ ปัจจุบันก็มีทั้งแบบป้ายธรรมดาและจอดิจิทัลที่เปลี่ยนโฆษณาได้หลายชิ้น
ใครเคยกำลังกินข้าวหรือทำงานอยู่แล้วโทรศัพท์ดังเพราะมีคนโทรมาเสนอประกัน บัตรเครดิต หรือสินเชื่อบ้าง? นี่คือ Telemarketing หรือการขายทางโทรศัพท์ ซึ่งเป็นหนึ่งใน Outbound Marketing ที่หลายคนรำคาญแต่ก็ยังใช้กันอยู่ เพราะพนักงานขายสามารถตอบคำถามและปิดการขายได้เลย บางคนอาจไม่สนใจแต่ก็มีบางคนที่ตัดสินใจซื้อจริง ๆ จากการรับโทรศัพท์แบบนี้ แต่ทุกวันนี้ปิดขายได้ยากขึ้น เพราะมิจฉาชีพส่วนใหญ่หลอกลวงผู้บริโภคผ่านโทรศัพท์นั่นเอง
การส่งอีเมลแนะนำสินค้าหรือบริการไปยังคนที่อาจไม่เคยติดต่อกันมาก่อน คล้ายกับการโยนแผ่นพับเข้าบ้านคน เพียงแต่อยู่ในแบบดิจิทัล วิธีนี้ทำง่าย ต้นทุนต่ำ แต่ต้องทำให้น่าสนใจพอที่คนจะเปิดอ่านตั้งแต่หัวเรื่องของอีเมล ไม่อย่างนั้นก็จะลงเอยที่ถังขยะหรือโฟลเดอร์สแปมได้ ซึ่งธุรกิจ B2B มักจะนิยมใช้วิธีนี้เพื่อติดต่อกับลูกค้าองค์กร
รู้สึกสงสัยไหมว่าทำไมแบรนด์เบียร์ถึงชอบเป็นสปอนเซอร์คอนเสิร์ต หรือแบรนด์รองเท้าวิ่งสนับสนุนงานมาราธอน? เพราะนี่คือวิธีทำ Outbound Marketing แบบอ้อม ๆ ที่อาศัยการเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ดูเป็นธรรมชาติกว่าการโฆษณาตรง ๆ แถมยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แบรนด์อีกด้วย
การไปตั้งบูธในงานแสดงสินค้าทำให้ได้พบกับลูกค้าแบบตัวต่อตัว สาธิตวิธีใช้สินค้า ตอบคำถาม และแลกนามบัตร เหมาะกับสินค้าที่ต้องอธิบายหรือให้ลูกค้าได้ทดลองใช้ ถึงจะเสียค่าเช่าพื้นที่แพง แต่โอกาสได้ลูกค้าก็สูงกว่า โดยเฉพาะกับสินค้าที่มีมูลค่าสูงหรือต้องตัดสินใจซื้อนาน ๆ ที
ทุกครั้งที่เห็นโฆษณาก่อนดูคลิปบน TikTok หรือโพสต์สปอนเซอร์ใน Facebook นั่นคือการที่แบรนด์ที่ยอมจ่ายเงินให้แพลตฟอร์มพวกนี้ เพื่อยัดโฆษณาเข้าไปในฟีดของคุณ ข้อดีของการทำ Outbound Marketing ด้วยการยิงโฆษณาคือสามารถระบุและเลือกกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำตามอายุ เพศ ความสนใจ ทำให้ไม่เสียงบประมาณไปกับคนที่ไม่น่าสนใจสินค้า และวัดผลได้แม่นยำกว่าสื่อแบบดั้งเดิม
แม้ว่าการตลาดแบบ Inbound Marketing จะเป็นที่นิยมมากขึ้นในยุคนี้ แต่ Outbound Marketing ก็ยังไม่ตกยุคและยังมีความสำคัญอยู่มาก โดยเฉพาะกับธุรกิจที่ต้องการผลลัพธ์เร็วหรือต้องการเข้าถึงคนจำนวนมากในเวลาสั้น ๆ ยิ่งถ้าคุณเป็นธุรกิจใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้จัก การหวังพึ่งผลลัพธ์จากการทำ SEO หรือคอนเทนต์คุณภาพอาจต้องใช้เวลานานเกินไปกว่าแบรนด์จะเป็นที่รู้จัก แต่ถ้าคุณลงทุนกับโฆษณาที่ตรงใจ วางในช่องทางที่เหมาะสม คุณอาจเห็นยอดขายพุ่งได้ภายในไม่กี่วัน
ธุรกิจที่เหมาะกับ Outbound Marketing มีหลายประเภท เช่น ธุรกิจขายสินค้าที่ต้องตัดสินใจซื้อเร็ว (FMCG) จะได้ประโยชน์จากการใช้โฆษณาทีวีหรือป้ายกลางแจ้งที่เน้นสร้างการจดจำ ธุรกิจขายสินค้าราคาสูงอย่างบ้านหรือรถยนต์เหมาะกับการออกงานแสดงสินค้าที่ลูกค้าได้สัมผัสของจริง ส่วนธุรกิจ B2B อย่างบริษัทซอฟต์แวร์หรือบริการรับทำการตลาดออนไลน์ เหมาะกับการใช้ Email หรือ Telemarketing ที่เน้นการอธิบายจุดเด่นและผลประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ แม้จะมีต้นทุนสูงกว่า Inbound แต่ถ้าทำถูกวิธีและถูกกลุ่มเป้าหมาย ผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่าแน่นอน
Inbound Marketing vs Outbound Marketing ต่างกันอย่างไร? Inbound Marketing คือการตลาดแบบแรงดึงดูด ที่เน้นสร้างคอนเทนต์มีคุณค่าให้ลูกค้าเข้ามาหาแบรนด์เอง ไม่ว่าจะเป็นบทความ SEO ในเว็บไซต์ คลิปวิดีโอให้ความรู้ หรือเอกสารให้ดาวน์โหลดฟรี วิธีนี้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ชอบค้นหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ เมื่อพวกเขาได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ จะเกิดความไว้วางใจและมองว่าแบรนด์นั้นมีความเชี่ยวชาญพอที่จะแก้ปัญหาให้พวกเขาได้ ถึงจะใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล แต่ได้ลูกค้าคุณภาพที่มีความภักดีสูงกว่า
ในทางตรงข้าม Outbound Marketing คือการตลาดแบบแรงผลัก ที่ส่งข้อมูลออกไปหากลุ่มคนจำนวนมาก วิธีนี้อาจได้ผลเร็วในแง่การสร้างการรับรู้แบรนด์และกระตุ้นยอดขายในระยะสั้น แต่มีต้นทุนสูงและอาจสร้างความน่ารำคาญให้ผู้บริโภคที่ไม่สนใจได้ ทั้งนี้ธุรกิจที่ฉลาดมักจะผสมผสานทั้งสองวิธี โดยใช้ Inbound เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว และใช้ Outbound เมื่อต้องการผลลัพธ์เร่งด่วน เช่น ทำ SEO ควบคู่ไปกับยิงโฆษณา Google Ads
โดยสรุปแล้ว Outbound Marketing คือวิธีการตลาดที่แบรนด์เป็นฝ่ายส่งข้อมูลไปหาลูกค้าก่อน ทำให้คนรู้จักสินค้าได้เร็วและเข้าถึงคนได้จำนวนมาก อาจจะต้องอาศัยต้นทุนสูง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมคุ้มค่าและเห็นผลอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมตสินค้าใหม่ หรือการโปรโมตแคมเปญพิเศษในแต่ละช่วง ซึ่งถ้าอยากให้ธุรกิจได้ผลตอบแทนที่ดีและมีกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แนะนำให้ทำ Outbound Marketing และ Inbound Marketing ควบคู่กันไปจะเป็นการดีที่สุด
พัฒนาสกิลที่ถูกต้องสำหรับผู้นำ
ด้านการตลาดออนไลน์
30 JULY
ชวนทำความรู้จักอาชีพ SEO Content Writer คือใคร ผู้อยู่เบื้องหลังการติดอันดับของเว็บไซต์บน Google พวกเขามีหน้าที่และทักษะที่สำคัญอะไรบ้าง มาดูกัน
30 JULY
30 JULY
30 JULY
25 JULY
23 JULY
ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ