บทความ SEO คืออะไร? พร้อมวิธีเขียนให้ติดอันดับบน Google

By Rachavit Whangpatanathon I MD at ANGA Group

02 DECEMBER 24

393

12.webp

บทความ SEO คือหัวใจสำคัญของการทำการตลาดออนไลน์ที่ช่วยผลักดันให้เว็บไซต์ธุรกิจติดอันดับต้น ๆ บน Google อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การเขียน SEO ที่ดีนั้นไม่ใช่แค่การยัดคำค้นหาหรือคีย์เวิร์ด (Keyword) ลงไปในเท่านั้น แต่ต้องอาศัยความรู้พื้นฐานด้าน SEO ทักษะด้านการเขียนร่วมกัน และความเข้าใจในหลักการทำ SEO Content Marketing ที่ถูกต้องด้วย เพื่อที่คุณจะสามารถสร้างบทความ SEO ได้ตอบโจทย์ผู้อ่านและตรงกับสิ่งที่ Google Algorithm ต้องการ

ในตอนนี้ SEO Content Marketing คือแนวทางการเขียนบทความที่มาแรงและเป็นที่ต้องการของตลาดมาก ๆ ใครที่อยากรู้ว่าบทความ SEO คืออะไร, วิธีเขียนบทความ SEO ยากไหม, บทความ SEO ต่างกับการทำ SEO​ ปกติยังไง ฯลฯ มาหาตอบและเรียนรู้ว่าเขียน SEO ยังไงผ่านบทความนี้ โดย ANGA Mastery กัน

ทำความเข้าใจบทความ SEO คืออะไร

บทความ SEO คือการเขียนเนื้อหาที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ค้นหา (User) และอัลกอริทึมของเครื่องมือค้นหา (Search Engine) อย่าง Google ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวจะต้องอัดแน่นไปด้วยข้อมูลจริงและคุณภาพของเนื้อหาด้วย เพื่อให้ผู้อ่านได้อ่านบทความที่เป็นประโยชน์และตอบคำถามของสิ่งที่พวกเขาพิมพ์ลงมาบนช่องค้นหา (Search Bar) ได้จริง

แน่นอนว่าการเขียนบทความ SEO มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะมันต้องอาศัยความเข้าใจในด้านของการทำ SEO (Search Engine Optimization) ร่วมด้วย อีกทั้งยังต้องวิเคราะห์สิ่งที่ผู้อ่านต้องการด้วย จึงจะสามารถเขียนบทความ SEO ออกมาได้ผลลัพธ์ดีที่สุด แต่การเขียนบทความ SEO ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป ยิ่งคุณมีพื้นฐานการเขียนเป็นทุนเดิม เพียงแค่เรียนรู้เทคนิคและวิธีการด้าน SEO อีกสักหน่อย ก็สามารถสร้างบทความ SEO ได้แล้ว

ผู้เขียนบทความ SEO คือ SEO Content Writer ซึ่งเป็นคนที่มีทักษะด้านการเขียนและ SEO ควบคู่กัน โดยจะต้องเข้าใจหลักการเขียนบทความ SEO เป็นอย่างดี รู้จักเทคนิคการเขียนให้ถูกใจกูเกิ้ล รู้ว่าต้องเขียนเนื้อหาอะไรลงไปในบทความบ้างถึงจะทำให้ผู้อ่านอ่านนาน ๆ ฯลฯ แต่ในบางองค์กรที่ไม่มี SEO Content Writer ผู้เขียนอาจจะเป็นตัว SEO Specialist เอง หรืออาจจะเป็นการทำงานรว่มกันระหว่าง Content Writer กับ SEO Specialist ก็ได้

ประโยชน์ของการทำบทความ SEO ลงเว็บไซต์

จุดประสงค์ของการเขียนบทความ SEO คือการที่บทความนี้ ติดอันดับในหน้าแรกหรือปรากฎอยู่บน Google Search Results Page (หน้าแสดงผลการค้นหาของกูเกิ้ล) เพื่อให้มีคนมองเห็นบทความนั้นเยอะ ๆ และกดคลิกเข้ามาบนเว็บไซต์ธุรกิจ นำไปสู่การเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าหรือเป็นที่รู้จักนั่นเอง มาดูกันว่าบทความ SEO ช่วยสร้างประโยชน์อะไรให้กับธุรกิจของคุณได้อีกบ้าง

  • สร้าง Organic Traffic อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องการทำแคมเปญโฆษณา Google Ads ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายทางการตลาดได้ในระยะยาว
  • เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ ผ่านการนำเสนอเนื้อหาที่มีคุณภาพและแสดงความเชี่ยวชาญในธุรกิจ
  • ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มี High Intent เพราะผู้ที่ค้นหาข้อมูลใน Google มักมีความตั้งใจและความสนใจในสินค้าหรือบริการจริง ๆ
  • สร้างโอกาสในการเชื่อมโยงไปยังหน้าอื่น ๆ ในเว็บไซต์ผ่าน Internal Link ช่วยให้ผู้อ่านเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้มากขึ้น
  • ทำให้เว็บไซต์มีความเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลดีต่อการจัดอันดับของ Google และประสิทธิภาพ SEO โดยรวม

บทความ SEO ต่างกับการทำ SEO​ ยังไง

SEO คือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีโอกาสติดอันดับบน Google ส่วนบทความ SEO คือส่วนหนึ่งของการทำ SEO ที่อยู่ในพาร์ทของ On-Page SEO หรือการทำ SEO บนเว็บไซต์ของเราเอง ดังนั้น ถ้าบอกว่าเขียนบทความ SEO ก็จะเป็นการเขียนเนื้อหาตามหลัก SEO และอัปโหลดลงไปบนเว็บไซต์เท่านั้น แต่ถ้าบอกว่าทำ SEO นั่นหมายความว่ามันก็ครอบคลุมทั้งเว็บไซต์เลย ไม่ว่าจะเป็น On-Page SEO, Off-Page SEO หรือ Technical SEO ก็ตาม

9 วิธีเขียนบทความ SEO ให้ติดอันดับบน Google

อย่างที่บอกไปในช่วงต้นว่าบทความ SEO ไม่ได้ง่าย แต่ก็ไม่ได้ยาก แค่คุณเข้าใจหลักการและเทคนิคในการเขียน พร้อมกับนำไปใช้งาน คุณก็สามารถเขียนบทความ SEO ให้ติดอันดับได้แล้ว การทำบทความ SEO ที่มีคุณภาพและสร้างผลลัพธ์ให้กับเว็บไซต์ในระยะยาว เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจ วิเคราะห์ วางแผน และเลือกใช้เครื่องมือ SEO อย่างเหมาะสม และนี่คือ 9 เทคนิคการเขียนบทความ SEO ที่เราทำมาแล้วได้ผลจริง

1. ศึกษาและทำความเข้าใจเรื่องที่จะเขียน

ก่อนจะเริ่มเขียนบทความ SEO สิ่งแรกที่ต้องทำคือการศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ทั้งเนื้อหา ข้อเท็จจริง สถิติ และข้อมูลล่าสุดที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถถ่ายทอดเนื้อหาได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน พร้อมกับแสดงความเชี่ยวชาญในหัวข้อนั้น ๆ อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ควรนำบทความที่ติดอันดับต้น ๆ บน Google ในหัวข้อที่เราจะเขียนมาวิเคราะห์ เพื่อหาจุดเด่นและช่องว่างในการปรับปรุงเนื้อหาให้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย

2. รู้จักและเลือกใช้ Keyword ให้เป็น

Keyword คือคำหรือวลีที่คนใช้ในการค้นหาข้อมูลบน Google ซึ่งนับว่าเป็นหัวใจหลักในการทำให้บทความ SEO ติดอันดับอย่างที่คุณต้องการ ควรทำ Keyword Research เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ดที่ตรงกับหัวข้อที่เราจะเขียน มีปริมาณการค้นหาสูง แต่การแข่งขันไม่สูงเกินไป และอย่าลืมคำนึงถึง Search Intent ของผู้ใช้งานด้วย

3. กระจาย Keyword ตาม On-Page Structure

  • ใส่คีย์เวิร์ดในตำแหน่งสำคัญ เช่น Meta Title, Meta Description, H1, H2, URL และ ALT Text ของรูปภาพ
  • กระจายคีย์เวิร์ดในเนื้อหาอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ยัดเยียดจนเกินไป ทำให้ดูสแปม
  • รักษาสัดส่วน Keyword Density ประมาณ 1-2% ของเนื้อหาทั้งหมด

4. เนื้อหาต้องสดใหม่และไม่ซ้ำกับเว็บไซต์อื่น ๆ 

การสร้างเนื้อหาที่เป็นต้นฉบับและไม่ซ้ำใครเป็นปัจจัยสำคัญที่ Google ใช้ในการจัดอันดับ ควรเขียนเนื้อหาจากความเข้าใจและประสบการณ์จริง ไม่คัดลอกหรือดัดแปลงมาจากเว็บไซต์อื่น หากต้องอ้างอิงข้อมูล ควรเขียนใหม่ด้วยภาษาของตัวเอง ระบุแหล่งที่มาให้ชัดเจน พร้อมกับอัปเดตข้อมูลให้ทันสมัยอยู่เสมอเพื่อรักษาความสดใหม่ของเนื้อหา

5. เขียนเนื้อหาคุณภาพสูงและตอบโจทย์ผู้ใช้งาน

เนื้อหาต้องสอดคล้องกับ E-E-A-T Factor ที่ Google ให้ความสำคัญ นั่นคือต้องแสดงความเชี่ยวชาญ (Expertise) ประสบการณ์ (Experience) ความน่าเชื่อถือ (Authoritativeness) และความไว้วางใจได้ (Trustworthiness) ผ่านการสอดแทรกลงไปบนเนื้อหา อีกทั้งทั้งต้องเข้าใจ Search Intent หรือเจตนาในการค้นหาของผู้ใช้ ว่าต้องการข้อมูลแบบไหน เพื่อนำเสนอเนื้อหาที่ตรงใจและเป็นประโยชน์มากที่สุด

6. ความยาวของบทความไม่น้อยหรือมากเกินไป

บทความ SEO ที่ดีควรมีกี่คำ? จริง ๆ ก็ไม่ได้มีข้อกำหนดตายตัว แต่โดยทั่วไปแล้วบทความ SEO จะมีความยาวประมาณ 1,000-2,000 คำ ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของหัวข้อและความต้องการข้อมูลของผู้อ่าน ความยาวในระดับนี้จะช่วยให้สามารถอธิบายเนื้อหาได้อย่างครบถ้วน มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการกระจายคีย์เวิร์ดอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ไม่ยาวเกินไปจนทำให้ผู้อ่านรู้สึกเบื่อ

7. ทำ Internal Linking เชื่อมโยงเนื้อหาเข้าด้วยกัน

Internal Link คือการเชื่อมโยงหน้าเว็บไซต์เข้าด้วยกัน เช่น ถ้าคุณเขียนบทความเรื่องคอร์สเรียนการตลาดออนไลน์ แล้วมีการกล่าวถึงคอร์สเรียน SEO และคุณก็มีหน้าคอร์สเรียนนี้อยู่พอดี คุณก็ทำการ Internal Link จากหน้าคอร์สเรียนการตลาดออนไลน์ ไปยังหน้าคอร์สเรียน SEO ได้ ซึ่งจะไม่ใช่การวางลิ้งก์เปล่า ๆ ลงไป แต่จะเป็นการกำหนด Anchor Text ด้วยคีย์เวิร์ดของหน้าปลานทาง อย่าง “แนะนำคอร์สเรียน SEO โดยเอเจนซี่ผู้เชี่ยวชาญตัวจริง” เป็นต้น

8. โพสต์บทความ SEO ลงเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ

การโพสต์บทความ SEO หรืออัปเดตเนื้อหาบนเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ ทำให้เว็บดูมีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ช่วยให้กูเกิ้ลมองว่าเว็บไซต์เราอัปเดตเนื้อหาที่สดใหม่เรื่อย ๆ จึงทำให้ Google ให้คะแนนและดันอันดับเว็บไซต์ของเราไปอยู่บนหน้าแรกได้ อีกทั้งการอัปเดตเนื้อหาใหม่ ๆ หรือปรับปรุงเนื้อหาในบทความเก่า ๆ ให้เป็นปัจจุบันก็เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านและทำให้เราดูน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย 

9. ทำ Backlink และเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์

การทำ Backlink ที่มีคุณภาพถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการผลักดันบทความ SEO ให้ติดอันดับ โดยควรเน้นการได้ลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือและอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน เช่น เว็บไซต์สื่อชั้นนำ บล็อกของผู้เชี่ยวชาญ หรือเว็บไซต์องค์กรที่เกี่ยวข้อง เพราะ Google จะมองว่าเว็บไซต์ของคุณได้รับการยอมรับจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจัดอันดับในระยะยาว

อีกสิ่งที่ละเลยไม่ได้คือการพัฒนาประสิทธิภาพทางเทคนิคของเว็บไซต์ โดยเฉพาะการปรับแต่งให้เว็บไซต์โหลดเร็ว รองรับการใช้งานบนมือถือได้ดี และมีโครงสร้างที่เป็นระเบียบ เพราะปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อประสบการณ์ของผู้ใช้งานและการจัดอันดับโดยตรง หากพบปัญหาทางเทคนิค ควรรีบแก้ไขโดยเร็ว เพราะแม้จะมีเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมเพียงใด แต่ถ้าเว็บไซต์ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ก็อาจส่งผลเสียต่ออันดับ SEO ได้

บทสรุป

สรุปส่งท้ายว่าบทความ SEO คือบทความที่มีการใช้คีย์เวิร์ดและหลักการด้าน SEO เพื่อให้บทความดังกล่าวมีโอกาสติดอันดับบน Google จนนำไปสู่ Website Traffic และผลตอบแทนของธุรกิจในระยะยาว หัวใจหลักของบทความ SEO คือการเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่มีคนค้นหาจริง การเขียนเนื้อหาด้วยข้อมูลจริง สดใหม่ และมีคุณภาพ ไม่มีการคัดลอกจากแหล่งอื่นมา แต่โอกาสในการติดอันดับจะเพิ่มขึ้น หากคุณปรับปรุงประสิทธิภาพของ SEO บนเว็บไซต์ควบคู่กันไปด้วย ทั้งนี้ อย่าลืมติดตามการอัปเดตของ Google ด้วย เพราะการอัปเดตอัลกอริทึมของกูเกิ้ลส่งผลต่อแนวทางการเขียนบทความและทำ SEO ด้วย

Related News

รวมทุกเรื่องที่ควรรู้สำหรับการเปิดคลินิกความงาม 2025

เช็กลิสต์สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนเปิดคลินิกความงาม ก่อนเปิดต้องรู้อะไรบ้าง ใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ มีความเสี่ยงอะไรบ้าง และควรทำการตลาดอย่างไรในปี 2025

10 วิธีทำการตลาดคลินิกความงามที่เห็นผลจริงในปี 2025

เปิดแผนและวิธีทำการตลาดคลินิกความงามที่เห็นผลจริง ช่วยดันยอดขายให้ปัง เพิ่มการเข้าถึงอย่างแม่นยำ และทำให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นในปี 2025

เปิด 10 ทักษะและหน้าที่ Online Marketing ที่สำคัญในปี 2025

ทำความเข้าใจหน้าที่ Online Marketing และทักษะที่นักการตลาดออนไลน์ควรมีติดตัวในปี 2025 เพื่อสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจและเปิดโอกาสให้กับตัวเอง

รวมทุกเรื่องที่ควรรู้สำหรับการเปิดคลินิกความงาม 2025

เช็กลิสต์สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนเปิดคลินิกความงาม ก่อนเปิดต้องรู้อะไรบ้าง ใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ มีความเสี่ยงอะไรบ้าง และควรทำการตลาดอย่างไรในปี 2025

10 วิธีทำการตลาดคลินิกความงามที่เห็นผลจริงในปี 2025

เปิดแผนและวิธีทำการตลาดคลินิกความงามที่เห็นผลจริง ช่วยดันยอดขายให้ปัง เพิ่มการเข้าถึงอย่างแม่นยำ และทำให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นในปี 2025

เปิด 10 ทักษะและหน้าที่ Online Marketing ที่สำคัญในปี 2025

ทำความเข้าใจหน้าที่ Online Marketing และทักษะที่นักการตลาดออนไลน์ควรมีติดตัวในปี 2025 เพื่อสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจและเปิดโอกาสให้กับตัวเอง

logo

ติดต่อเรา

ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ