Storytelling คืออะไร กลยุทธ์การเล่าเรื่องให้ลูกค้ารักแบรนด์

การสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ในยุคที่มีการแข่งขันสูง ๆ อย่างทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย Storytelling คือหนึ่งในกลยุทธ์การสื่อสารอันทรงพลังที่แบรนด์ควรนำมาใช้เชื่อมต่อกับเหล่าผู้บริโภค เพราะ Telling Story คือการถ่ายทอดคุณค่า อัตลักษณ์ และจุดยืนของแบรนด์ผ่านการเล่าเรื่องที่ดีสามารถกระตุ้นอารมณ์ สร้างแรงบันดาลใจ สร้างการจดจำ เพิ่มความผูกพัน และนำไปสู่การตัดสินใจซื้อได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงการสร้าง Loyalty Customer ด้วย ซึ่งก็มีแบรนด์ดังชั้นนำระดับโลกไม่น้อยเลยที่มีเบื้องหลังการประสบความสำเร็จมาจากการเล่าเรื่องแบบ Story Telling อาทิ Nike, KFC, Disneyland, Starbucks ฯลฯ และถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์ผ่านการทำ Storytelling Marketing ล่ะก็ ANGA Mastery จะมาอธิบายให้คุณเข้าใจว่า Story Telling คืออะไร มีลักษณะอย่างไร พร้อมแชร์เทคนิคการทำ Storytelling ให้ประสบความสำเร็จในปี 2025

Storytelling คืออะไร มีลักษณะอย่างไร

Storytelling คือการถ่ายทอดเรื่องราวที่ผสมผสานไปด้วยความรู้ ประสบการณ์ และความเป็นตัวเองไปสู่ผู้ฟัง เพื่อให้ผู้ฟังรู้สึกประทับใจ มีแรงบันดาลใจ และมีความรู้สึกร่วม (อิน) กับเรื่องราวเหล่านั้น โดย Storytelling สามารถถ่ายทอดออกไปได้ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ เสียง หรือวิดีโอก็ตาม และในแง่ของการทำธุรกิจนั้น Storytelling คือเครื่องมือที่เหมาะกับการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างมาก เรื่องราวที่ถ่ายทอดออกไปจะมีที่มาที่ไปของแบรนด์และสินค้ารวมอยู่ด้วย ส่งผลให้ลูกค้าเข้าใจและมีความรู้สึกร่วมกับเรื่องราวอย่างลึกซึ้ง จนนำไปสู่การตัดสินใจซื้อ และลูกค้าประจำของแบรนด์ได้

ลักษณะของ Storytelling

• เรื่องราวของสินค้าหรือบริการที่มีมิติและลึกซึ้งมากกว่าประโยชน์การใช้สอยทั่วไป
• มีการนำเสนอมุมมองหรือแง่คิดใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
• เรื่องราวมีความกระชับ ไม่เยิ่นเย้อหรือยืดยาวจนเกินไป
• สร้างการมีส่วนร่วมด้านอารมณ์ความรู้สึกและกระตุ้นให้เกิดการแสดงความคิดเห็นได้ดี
• สามารถเชื่อมโยงกับเป้าหมายทางธุรกิจได้อย่างแนบเนียนเป็นธรรมชาติ

ความสำคัญของ Storytelling Marketing คืออะไร

Storytelling Marketing คือกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการได้จริง โดยการทำให้สิ่งที่จับต้องไม่ได้กลายเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าถึงที่มาของแบรนด์ กระบวนการผลิต หรือแรงบันดาลใจเบื้องหลังผลิตภัณฑ์ก็ตาม เรื่องราวเหล่านี้ช่วยสร้างความแตกต่างและโดดเด่นในตลาดที่มีการแข่งขันสูงเช่นทุกวันนี้ได้เป็นอย่างดี

• สร้างการจดจำแบรนด์ เพราะมนุษย์มักจดจำข้อมูลในรูปแบบเรื่องราวได้ดีกว่าข้อมูลทั่วไป
• กระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ เนื่องจากผู้บริโภครู้สึกว่ากำลังรับชมเรื่องราวที่น่าสนใจ ชวนให้ติดตาม ไม่ใช่การขายแบบตรง ๆ 
• ช่วยสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า โดยการเชื่อมโยงอารมณ์และประสบการณ์ของผู้บริโภคเข้ากับแบรนด์
• เพิ่มโอกาสในการบอกต่อ เพราะเรื่องราวที่น่าประทับใจมักถูกแชร์ต่อในวงกว้าง
• สร้างความน่าเชื่อถือและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์

องค์ประกอบของ Storytelling 

• ตัวละคร (Character) คือบุคคลหรือแบรนด์ที่เป็นผู้เล่าเรื่อง มักมีเอกลักษณ์หรือบุคลิกที่โดดเด่น และมีประสบการณ์ที่สามารถเชื่อมโยงกับผู้ฟังได้ เช่น ร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่เริ่มต้นจากความรักในการคั่วเมล็ดกาแฟ
• เส้นเรื่อง (Plot) : เส้นทางการเดินเรื่องที่เริ่มจากจุดเล็ก ๆ ค่อย ๆ พัฒนาและเติบโตขึ้น จนถึงจุดที่สร้างความประทับใจให้ผู้ฟัง ไม่ต่างจากการปรุงอาหารที่ต้องใส่ใจทุกขั้นตอนเพื่อให้ได้รสชาติที่ลงตัว
• จุดพลิกผัน (Conflict ): ช่วงเวลาที่ท้าทายหรือช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับปัญหา ซึ่งทำให้เรื่องราวน่าติดตามและสร้างแรงบันดาลใจ เหมือนการเดินทางที่ต้องพบกับอุปสรรค แต่ก็ทำให้เราเติบโตและเข้มแข็งขึ้นได้
• แก่นเรื่อง (Theme) : หัวใจสำคัญหรือแก่นของเรื่องที่อยากบอกเล่า อาจเป็นคุณค่าที่แบรนด์ยึดถือ หรือความเชื่อที่อยากส่งต่อให้ผู้ฟัง เช่น การใส่ใจในคุณภาพ หรือความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง
• สถานที่และเวลา (Setting) : บรรยากาศและช่วงเวลาที่เรื่องราวเกิดขึ้น ช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกเหมือนได้ร่วมเดินทางไปกับเรื่องเล่านั้น เช่น ร้านขนมเก่าแก่ในตรอกเล็ก ๆ ยามเช้า

Storytelling มีกี่ประเภท

Storytelling มีหลายประเภท ต่างแตกกันไปตามวัตถุประสงค์ในการสื่อสาร บางครั้งเราต้องการสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค บางครั้งเราต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมงาน หรือบางครั้งเราต้องการนำเสนอวิสัยทัศน์ต่อนักลงทุน เราจึงต้องเลือกประเภทของ Storytelling ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและช่องทางการสื่อสารด้วย และ Storytelling มีอยู่ 4 ประเภท ดังนี้

1. Brand Storytelling

Brand Storytelling คือการเล่าเรื่องที่สะท้อนตัวตน คุณค่า และความเชื่อของแบรนด์ผ่านเรื่องราวที่น่าประทับใจ เช่น เส้นทางการเริ่มต้นธุรกิจจากความฝัน อุปสรรคที่ต้องฝ่าฟัน หรือแรงบันดาลใจในการสร้างผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ Nike ที่เล่าเรื่องราวของนักกีฬาที่ไม่ยอมแพ้ สะท้อนแนวคิด "Just Do It" ได้อย่างทรงพลัง

2. Business Storytelling

Business Storytelling เป็นการเล่าเรื่องที่มุ่งเน้นการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ทั้งพนักงาน นักลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจ โดยนำเสนอวิสัยทัศน์ เป้าหมาย และกลยุทธ์ขององค์กรผ่านเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจและความเชื่อมั่น เช่น Tesla ที่เล่าถึงภารกิจการเปลี่ยนโลกด้วยพลังงานสะอาด

3. Personal Storytelling

Personal Storytelling คือการถ่ายทอดประสบการณ์ส่วนตัวที่สร้างความเชื่อมโยงกับผู้ฟังผ่านอารมณ์และความรู้สึกร่วม อาจเป็นเรื่องราวความสำเร็จ บทเรียนชีวิต หรือแม้แต่ความล้มเหลวที่นำไปสู่การเติบโต เช่น เรื่องราวของผู้ประกอบการที่เริ่มต้นธุรกิจจากศูนย์จนประสบความสำเร็จ

4. Digital Storytelling

Digital Storytelling เป็นการผสมผสานศิลปะการเล่าเรื่องเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านสื่อหลากหลายรูปแบบ ทั้งวิดีโอ ภาพ เสียง และข้อความ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าสนใจบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น การเล่าเรื่องผ่าน TikTok Stories หรือ Instagram Reels ที่สั้นกระชับแต่ทรงพลัง

ช่องทางการทำ Storytelling

Storytelling Marketing สามารถทำควบคู่ไปกับ Content Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากการเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับเรื่องราวแต่ละเรื่องแล้ว การเลือกช่องทางหรือแพลตฟอร์มในการเผยแพร่เรื่องราวก็สำคัญไม่แพ้กัน อย่างไรก็ตามคุณสามารถถ่ายทอดเรื่องราวเดียวกันในหลากหลายช่องทางได้ แต่ต้องคำนึงถึงรูปแบบของการเล่าเรื่องและกลุ่มเป้าหมายด้วยว่าควรนำเสนอออกมาในรูปแบบใด

• Website : ถ่ายทอดเรื่องราวลงไปบนหน้าต่าง ๆ โดยเฉพาะ About Us บนเว็บไซต์ หรือจะสอดแทรกการทำ Storytelling ลงไปในบทความ SEO ก็ได้เช่นกัน
• Facebook : คุณสามารถนำเสนอเรื่องราวผ่าน Facebook ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งโพสต์และสตอรี่ ซึ่งจะช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์หรือกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมได้ดีมาก
• Instagram : เหมาะสำหรับการสื่อสารผ่านภาพและวิดีโอสั้นที่มีความสวยงาม เช่น การใช้ Instagram Stories และ Reels เล่าเบื้องหลังการทำงาน กิจกรรมประจำวัน วิธีการผลิต หรือไลฟ์สไตล์ของแบรนด์
• TikTok : สร้างเนื้อหาวิดีโอสั้นที่สั้น กระชับ สนุกและน่าสนใจ เน้นความบันเทิงและการสร้างกระแส เหมาะกับการเล่าเรื่องที่มีจังหวะและการเคลื่อนไหวดึงดูดใจ อย่างเบื้องหลังการผลิต
• YouTube : เหมาะสำหรับการเล่าเรื่องราวยาว ๆ แบบละเอียด ผ่านวิดีโอที่มีคุณภาพสูง สามารถนำเสนอได้ทั้งสารคดีแบรนด์ วิดีโอสัมภาษณ์ หรือซีรีส์เนื้อหาที่ให้ความรู้และสร้างแรงบันดาลใจ
• Podcast : การเล่าเรื่องราวผ่านเสียงในรูปแบบการสนทนาหรือการเล่าเรื่อง เหมาะกับการแบ่งปันประสบการณ์ ความรู้ และแง่คิดในรูปแบบที่เป็นกันเอง สร้างความใกล้ชิดกับผู้ฟัง

เทคนิคการทำ Storytelling ให้ประสบความสำเร็จ

1. เข้าใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย การสร้างเรื่องราวที่ตรงใจต้องเริ่มจากการเข้าใจผู้ฟังอย่างลึกซึ้ง ทั้งความต้องการ ความสนใจ และปัญหาที่พวกเขาเผชิญ ศึกษาพฤติกรรม ไลฟ์สไตล์ และจุดเจ็บปวดของกลุ่มเป้าหมาย นำข้อมูลเหล่านี้มาออกแบบเนื้อหาที่จะสร้างการเชื่อมโยงและความรู้สึกร่วมได้อย่างแท้จริง
2. สร้างจุดเชื่อมโยงทางอารมณ์ เรื่องราวที่ทรงพลังต้องสามารถกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกของผู้ฟังได้ ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความประทับใจ หรือแรงบันดาลใจ ใช้การพรรณนาที่ชัดเจน สร้างภาพให้เห็นในใจ และนำเสนอประสบการณ์ที่ผู้ฟังสามารถนำไปเปรียบเทียบกับชีวิตของตัวเองได้
3. ออกแบบโครงเรื่องที่น่าติดตาม การวางโครงเรื่องที่ดีควรมีจุดเริ่มต้นที่ดึงดูด การดำเนินเรื่องที่น่าติดตาม และบทสรุปที่ประทับใจ สอดแทรกจุดพลิกผันที่สร้างความน่าสนใจ แต่ต้องรักษาความเป็นธรรมชาติและความน่าเชื่อถือของเรื่องราวไว้ด้วย
4. วัดผลและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ติดตามและวิเคราะห์ผลตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในแง่ของการมีส่วนร่วม การแชร์ต่อ และการแสดงความคิดเห็น นำข้อมูลเหล่านี้มาปรับปรุงเนื้อหาและวิธีการนำเสนอให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

สรุป

Storytelling คือหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่ทุกธุรกิจไม่ควรมองข้าม เพราะ Storytelling ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้แก่ธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นด้านยอดขาย ภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ การจดจำ หรือความภักดีของลูกค้าก็ตาม อันดับแรกคือการทำความรู้จักลูกค้า เพื่อให้เข้าใจความต้องการและปัญหาของพวกเขา จากนั้นก็นำเรื่องราวของแบรนด์มาเล่า โดยให้มีความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับลูกค้าด้วย ซึ่ง Storytelling ก็ต้องมีโครงเรื่องและการนำเสนอที่น่าสนใจด้วยจึงจะสามารถดึงดูดใจผู้ฟังได้ เมื่อถ่ายทอดออกไปแล้วอย่าลืมวัดผลและประปรุงประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย