SWOT คืออะไร วิธีการใช้งาน พร้อมตัวอย่างการวิเคราะห์

By Rachavit Whangpatanathon I MD at ANGA Group

12 FEBRUARY 25

330

20.webp

การวางแผนและประเมินสถานการณ์ของธุรกิจเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการหรือผู้บริหารระดับสูงอย่าง CMO ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันนี้ที่สถานการณ์การแข่งขันของตลาดมีความดุเดือดเป็นอย่างมาก ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปแทบจะตลอดเวลา SWOT คือเครื่องมือวิเคราะห์ธุรกิจที่ได้รับความนิยมมายาวนาน ด้วยความเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถระบุจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคได้อย่างครบถ้วน ANGA Mastery จะพาคุณไปทำความรู้จักว่า SWOT Analysis คืออะไรอย่างละเอียด พร้อมตัวอย่างและขั้นตอนการนำไปใช้งาน เพื่อให้คุณสามารถประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

SWOT คืออะไร

SWOT คือเครื่องมือสำหรับใช้ในการวิเคราะห์และวางแผนธุรกิจที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถมองเห็นภาพรวมของกิจการได้อย่างครบถ้วน ผ่านการประเมินปัจจัยทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนากลยุทธ์และการตัดสินใจทางธุรกิจ นอกจากนี้ SWOT ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับการวางแผนส่วนบุคคล การพัฒนาทีม หรือแม้แต่การประเมินโครงการต่าง ๆ ได้อีกด้วย โดย SWOT Analysis ประกอบไปด้วย

  • การวิเคราะห์ปัจจัยภายใน ได้แก่ จุดแข็งและจุดอ่อน
  • การวิเคราะห์ปัจจัยภายนอก ได้แก่ โอกาสและอุปสรรค
  • การนำผลวิเคราะห์มาใช้วางแผนกลยุทธ์
  • การติดตามและปรับปรุงแผนอย่างต่อเนื่อง

SWOT ย่อมาจากอะไร

SWOT ย่อมาจาก Strengths, Weaknesses, Opportunities และ Threats ซึ่งแต่ละตัวอักษรแทนปัจจัยที่ต้องพิจารณาในมุมมองที่แตกต่างกัน การวิเคราะห์ธุรกิจผ่านทั้ง 4 ด้านจะช่วยให้เห็นภาพรวมของธุรกิจอย่างชัดเจนและครอบคลุมมากที่สุด

S - Strengths (จุดแข็ง)

จุดแข็งคือความสามารถหรือข้อได้เปรียบที่องค์กรมีเหนือคู่แข่ง ซึ่งเป็นปัจจัยภายในที่สามารถควบคุมและพัฒนาต่อยอดให้ดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นความเชี่ยวชาญของบุคลากร เทคโนโลยีที่ใช้ หรือกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ การระบุจุดแข็งอย่างชัดเจนจะช่วยให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบเหล่านี้ในการแข่งขันทางธุรกิจ

W - Weaknesses (จุดอ่อน)

จุดอ่อนเป็นข้อจำกัดหรือข้อบกพร่องภายในองค์กรที่อาจส่งผลเสียต่อการดำเนินธุรกิจ เช่น การขาดแคลนทรัพยากร ระบบการจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือทักษะที่ยังไม่เพียงพอของทีมงาน การเข้าใจจุดอ่อนเหล่านี้จะช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนพัฒนาและปรับปรุงได้อย่างตรงจุด

O - Opportunities (โอกาส)

โอกาสคือปัจจัยภายนอกที่เอื้อประโยชน์ต่อการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ เทคโนโลยีใหม่ หรือพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปก็ได้ การระบุโอกาสได้อย่างแม่นยำจะช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนและตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันต่อไป

T - Threats (อุปสรรค)

อุปสรรคเป็นความท้าทายจากภายนอกที่อาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อธุรกิจ เช่น การแข่งขันที่รุนแรง การเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบ หรือภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน การเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมือกับอุปสรรคเหล่านี้จะช่วยให้องค์กรสามารถลดความเสี่ยงและปรับตัวได้อย่างเหมาะสม

SWOT Analysis มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร

เราก็ทราบกันไปแล้วว่า SWOT Analysis คืออะไรและ SWOT ประกอบด้วยอะไรบ้าง อีกหนึ่งสิ่งที่คุณควรทำความเข้าใจก่อนเริ่มต้นทำ SWOT คือการรู้ว่า SWOT Analysis มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร เพื่อนำไปสู่การเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน

  • ค้นพบโอกาสใหม่ ๆ SWOT Analysis ช่วยให้คุณมองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ เช่น การที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น อาจเป็นโอกาสดีที่จะเพิ่มเมนูอาหารคลีนในร้าน หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์เทรนด์นี้
  • เข้าใจสถานการณ์ของธุรกิจได้ดีขึ้น การวิเคราะห์ SWOT ช่วยให้คุณมองเห็นทั้งจุดแข็งที่ควรนำมาใช้ประโยชน์ และจุดอ่อนที่ต้องปรับปรุง เช่น ร้านคาเฟ่ที่มีเมนูกาแฟสุดขึ้นชื่อ แถมวิวสวยเหมาะแก้การถ่ายรูปเช็กอิน แต่พื้นที่จอดรถไม่เพียงพอ การรู้จุดนี้จะช่วยให้คุณวางแผนแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด
  • วางแผนงบประมาณได้เหมาะสม SWOT ช่วยให้คุณเห็นว่าควรลงทุนในด้านใด เช่น หากพบว่าระบบการจัดการสต๊อกสินค้าเป็นจุดอ่อน การลงทุนในซอฟต์แวร์จัดการคลังสินค้าอาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าในระยะยาว
  • เตรียมพร้อมรับมือความเสี่ยง เมื่อคุณรู้ถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อธุรกิจ เช่น การมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาในตลาด หรือต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น คุณก็สามารถวางแผนรับมือได้ล่วงหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับกลยุทธ์การตลาด หรือการหาแหล่งวัตถุดิบอื่นที่ต้นทุนต่ำกว่า แต่คุณภาพไม่ต่างกัน
  • พัฒนากลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลที่ได้จากการทำ SWOT Analysis จะช่วยให้คุณสร้างกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจ เช่น การใช้จุดแข็งด้านคุณภาพสินค้าในการแข่งขัน แทนที่จะแข่งด้านราคากับคู่แข่งที่มีต้นทุนต่ำกว่า

ข้อจำกัดของ SWOT Analysis คืออะไร

  • มองได้แค่ภาพกว้าง ๆ  SWOT ช่วยให้เห็นภาพรวมของธุรกิจ แต่ไม่สามารถวิเคราะห์ปัญหาได้ลึกถึงรายละเอียด เช่น รู้ว่ายอดขายตก แต่ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง จึงต้องใช้วิธีวิเคราะห์แบบอื่นเพิ่มเติม
  • แยกประเภทได้ยาก บางเรื่องอาจเป็นได้ทั้งข้อดีและข้อเสียในเวลาเดียวกัน เช่น การเปิดร้านในห้างดังทำให้มีลูกค้าเยอะ แต่ค่าเช่าก็แพงมาก ทำให้ไม่รู้ว่าควรจัดให้เป็นจุดแข็งหรือจุดอ่อน
  • ไม่รู้ว่าอะไรสำคัญกว่ากัน SWOT แค่ช่วยบอกว่ามีปัญหาอะไรบ้าง แต่ไม่ได้บอกว่าปัญหาไหนสำคัญที่สุดที่ควรแก้ก่อน ทำให้บางทีเสียเวลาไปกับการแก้ปัญหาเล็กๆ แทนที่จะจัดการกับปัญหาใหญ่
  • ข้อมูลตกยุคเร็ว ในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วอย่างในตอนนี้ สิ่งที่วิเคราะห์ไว้วันนี้อาจใช้ไม่ได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เช่น วิธีการขายที่เคยดีอาจกลายเป็นล้าสมัยเมื่อพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไป
  • ไม่มีทางออกที่ชัดเจน SWOT แค่ช่วยชี้ให้เห็นปัญหาและโอกาส แต่ไม่ได้บอกวิธีแก้ไขที่ชัดเจน เหมือนหมอที่บอกว่าเราป่วย แต่ไม่ได้บอกว่าต้องกินยาอะไรหรือรักษายังไง
  • ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ของแต่ละคน ผลลัพธ์ที่ได้มักขึ้นอยู่กับประสบการณ์และมุมมองของคนวิเคราะห์ เช่น ผู้บริหารอาจมองว่าระบบเก่าเป็นจุดแข็ง แต่พนักงานอาจมองว่าเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ทำงานช้า

ขั้นตอนการทำ SWOT ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจ

  1. รวบรวมทีมงาน จัดประชุมร่วมกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งผู้บริหาร ฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย และพนักงาน รวมถึงรวบรวมความคิดเห็นจากลูกค้า เพื่อให้ได้มุมมองที่ครบถ้วน
  2. เก็บข้อมูลรอบด้าน รวบรวมข้อมูลทั้งภายในองค์กร เช่น ยอดขาย ผลประกอบการ และข้อมูลภายนอก เช่น เทรนด์ตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค การเคลื่อนไหวของคู่แข่ง เพื่อนำมาวิเคราะห์
  3. จัดหมวดหมู่และวิเคราะห์ แยกแยะข้อมูลที่ได้เป็น 4 หมวดตาม SWOT และจัดลำดับความสำคัญของแต่ละประเด็น เพื่อให้เห็นภาพรวมชัดเจน
  4. สร้างแผนปฏิบัติการ นำข้อมูลที่วิเคราะห์มาสร้างเป็นแผนงานที่ชัดเจน โดยใช้จุดแข็งสร้างโอกาส พร้อมกำหนดวิธีแก้ไขจุดอ่อนและรับมือกับอุปสรรค
  5. ติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จที่ชัดเจน และทบทวนแผนทุก 6-12 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าแผนยังสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
  6. สื่อสารและนำไปใช้ทั่วองค์กร สื่อสารผลการวิเคราะห์ SWOT และแผนงานให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจตรงกัน พร้อมกำหนดผู้รับผิดชอบแต่ละส่วนให้ชัดเจน

ตัวอย่าง SWOT ธุรกิจ E-Commerce

Lazada เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม E-Commerce ชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดหลังจากการเข้าซื้อกิจการโดย Alibaba Group เมื่อปี 2016 ด้วยจุดแข็งในด้านระบบโลจิสติกส์และความหลากหลายของสินค้า ทำให้ Lazada กลายเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของผู้บริโภคในการช้อปปิ้งออนไลน์ มาดูกันว่าการวิเคราะห์ SWOT ของ Lazada เป็นอย่างไรบ้าง

Strengths (จุดแข็ง)

  • Lazada เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง คนรู้จักอย่างกว้างขวางและมีฐานลูกค้าในหลายประเทศ ทำให้ได้เปรียบในการขยายตลาดและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า
  • มีสินค้าให้เลือกหลากหลายประเภท ตั้งแต่เสื้อผ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงของใช้ในบ้าน ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อทุกอย่างได้ในที่เดียว
  • มีเครือข่ายโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ ทำให้จัดส่งสินค้าได้รวดเร็วและตรงเวลา
  • Lazada ร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลกหลายราย ทำให้มีสินค้าคุณภาพและของแท้มาจำหน่าย
  • ได้รับการสนับสนุนทางการเงินที่แข็งแกร่งจาก Alibaba ทำให้มีความมั่นคงและสามารถลงทุนพัฒนาระบบต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง

Weaknesses (จุดอ่อน)

  • Lazada ต้องพึ่งพาผู้ขายและร้านค้าจากภายนอกจำนวนมาก ทำให้ควบคุมคุณภาพสินค้าและประสบการณ์ลูกค้าได้ยาก
  • ผู้ขายมีตัวเลือกในการปรับแต่งหน้าร้านที่จำกัด ทำให้แต่ละร้านดูคล้าย ๆ กัน
  • การรักษามาตรฐานการบริการให้เหมือนกันในทุกตลาดทำได้ยาก เพราะแต่ละประเทศมีความต้องการที่แตกต่างกัน
  • มีการใช้กลยุทธ์เดียวกันทั่วทั้งภูมิภาคอาจทำให้ไม่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละท้องถิ่น

Opportunities (โอกาส)

  • E-commerce ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มเติบโตสูง เนื่องจากผู้คนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและสมาร์ตโฟนมากขึ้น
  • คนรุ่นใหม่นิยมช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น และต้องการความสะดวกรวดเร็วในการซื้อสินค้า
  • สามารถนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาพัฒนาระบบบริการลูกค้าและระบบโลจิสติกส์ให้ดียิ่งขึ้น
  • การใช้ประโยชน์จากข้อมูลลูกค้าในการทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคลได้แม่นยำมากขึ้น

Threats (อุปสรรค)

  • การแข่งขันสูง เพราะมีคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Shopee และ TikTok Shop อยู่
  • ลูกค้ามีตัวเลือกในการซื้อสินค้ามากและให้ความสำคัญกับราคาเป็นหลัก ทำให้การแข่งขันด้านราคาสูง
  • Lazada ต้องปรับตัวให้ทันกับกฎหมาย E-commerce ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
  • อาจเผชิญกับปัญหาและความท้าทายด้านขยะบรรจุภัณฑ์และมลพิษจากการขนส่งสินค้า

สรุป

SWOT Analysis หรือ SWOT คือเครื่องมือที่จะทำให้คุณมองเห็นภาพรวมของธุรกิจในสถานการณ์ปัจจุบันได้ชัดเจนขึ้น จากการวิเคราะห์ปัจจัยภายในและภายนอก พร้อมกับนำไปสู่การวางแผนกลยุทธ์และการตัดสินใจที่แม่นยำมากขึ้น วิธีการใช้ SWOT ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจ สามารถทำได้โดยเริ่มจากการ รวบรวมข้อมูลและความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ผู้บริหารไปจนถึงลูกค้า จากนั้นนำข้อมูลมาวิเคราะห์และจัดทำแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน รวมทั้งทบทวนและปรับปรุงแผนอย่างสม่ำเสมอทุก  ๆ 6-12 เดือน เพื่อให้ธุรกิจสามารถปรับตัวและเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว นอกจากนี้ คุณยังสามารถวิเคราะห์ SWOT ควบคู่ไปกับการทำ Business Model Canvas กับ RFM Model ได้ เพราะทั้ง 3 สิ่งนี้ช่วยเสริมจุดแข็งและประสิทธิภาพซึ่งกันได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม คุณควรโปรโมตธุรกิจให้เป็นที่รู้จักผ่านการทำการตลาดออนไลน์ด้วยกลยุทธ์ต่าง ๆ ร่วมด้วยไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO, การโปรโมตเว็บไซต์ หรือการยิงโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็ตาม เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้สินค้า บริการ หรือธุรกิจของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำและนำไปสู่รายได้ของธุรกิจที่มากขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น หากคุณไม่ได้มีความรู้ด้านการตลาดออนไลน์เลยและต้องการมองหาคอร์สเรียนการตลาดอยู่ ANGA Mastery ขอแนะนำคอร์สเรียนที่สอนโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง จากดิจิทัลเอเจนซี่รับทำ SEO และ Performance Marketing ในรูปแบบของ In-House Training และ Public Training ดังนี้

Related News

Key Message คืออะไร สร้างอย่างไรให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย

ทำความเข้าใจ Key Message คืออะไรผ่าน มีเทคนิคการสร้าง Key Message ให้ทรงพลัง สื่อสารชัด และเหมาะสมกับธุรกิจอย่างไร พร้อมตัวอย่างจากแบรนด์ดังเพียบ

Flash Sale คืออะไร มีส่วนช่วยในการเร่งยอดขายอย่างไร

รวมทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับแฟลชเซลล์ Flash Sale คืออะไร ข้อดี ข้อเสียเหมาะกับธุรกิจแบบไหนบ้าง พร้อมแชร์เทคนิคการจัด Flash Saleในปี 2025

Cost Per Lead (CPL) คืออะไร คำนวณอย่างไร ทำไมคนยิงแอดต้องรู้

ทำความเข้าใจ Cost Per Lead คืออะไร ตั้งแต่วิธีคำนวณ สาเหตุที่ทำให้ Cost Per Lead (CPL) สูง พร้อมวิธีแก้ เพื่อผลลัพธ์จากการทำโฆษณาคุ้มค่าที่สุด

Key Message คืออะไร สร้างอย่างไรให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย

ทำความเข้าใจ Key Message คืออะไรผ่าน มีเทคนิคการสร้าง Key Message ให้ทรงพลัง สื่อสารชัด และเหมาะสมกับธุรกิจอย่างไร พร้อมตัวอย่างจากแบรนด์ดังเพียบ

Flash Sale คืออะไร มีส่วนช่วยในการเร่งยอดขายอย่างไร

รวมทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับแฟลชเซลล์ Flash Sale คืออะไร ข้อดี ข้อเสียเหมาะกับธุรกิจแบบไหนบ้าง พร้อมแชร์เทคนิคการจัด Flash Saleในปี 2025

Cost Per Lead (CPL) คืออะไร คำนวณอย่างไร ทำไมคนยิงแอดต้องรู้

ทำความเข้าใจ Cost Per Lead คืออะไร ตั้งแต่วิธีคำนวณ สาเหตุที่ทำให้ Cost Per Lead (CPL) สูง พร้อมวิธีแก้ เพื่อผลลัพธ์จากการทำโฆษณาคุ้มค่าที่สุด

logo

ติดต่อเรา

ANGA Mastery คือแพลตฟอร์มแห่งการเรียนรู้ด้านการตลาดในยุคดิจิตอล ที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของเอเจนซีชั้นนำที่เคยลงมือทำจริง เรียนรู้เทคนิคที่ใช้ได้ผลจริง และนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที เหมาะสำหรับ ผู้บริหารองค์กร เช่น CEO, MD, VP, ผู้บริหารระดับสูง นักการตลาดระดับสูง เช่น Marketing Manager และ เจ้าของธุรกิจ